วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 15:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2023, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




โปร่งใส__19_-removebg-preview.png
โปร่งใส__19_-removebg-preview.png [ 114.15 KiB | เปิดดู 786 ครั้ง ]
อริยสจฺจาน ทสุสนํ (การเห็นแจ้งอริยสัจ)
การเห็นแจ้งอริยสัจ ๔ คือ
๑. ทุกขสัจ ความจริงคือความทุกข์
๒. สมุทยสัจ ความจริงคือเหตุเกิดของทุกข์
๓. นิโรธสัจ ความจริงคือความดับทุกข์
๔. มรรคสัจ ความจริงคือทางสู่ความดับทุกข์
การเห็นแจ้งอริยสัจปรากฏขึ้นพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์
ที่บรรลุมรรคญาณ นั่นก็คือในขณะนั้นผู้ปฏิบัติ :

- ได้กำหนดรู้ทุกขสัจคือรูปนาม
- ละสมุทยสัจคือตัณหา
- เห็นแจ้งนิโรธสัจคือการดับรูปนาม รวมไปถึงความดับกิเลส
- บำเพ็ญมรรคสัจคืออริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างสมบูรณ์ในขณะ
เดียวกัน

คำอธิบายโดยย่อของอริยสัจ ๔ มีดังต่อไปนี้

๑. ทุกข์ในอริยสัจนั้นคือรูปนาม หรืออุปาทานขันธ์ ๕ ไมใช่
ความรู้สึกเป็นทุกข์ เพราะความรู้สึกเป็นทุกข์ คือทุกขเวทนา ไม่ใช่ทุกข์
ที่เปิดขวด

๒. สมุทยสัจคือตัณหาที่เป็นรากเหง้าของภพชาติ ตราบเท่าที่
ยังมีความยินดีพอใจในการเกิด ภพชาติก็ยังมีต่อไป พระโสดาบันละ
ตัณหาที่ยินดีภพชาติเกินกว่า ๗ ชาติ, พระสกทาคามีละตัณหาที่ยินดี
ภพชาติมากกว่า ๑ ชาติ, พระอนาคามียินดีที่จะไปเกิดในพรหมโลก
ชั้นสุทธาวาส ท่านจึงมีตัณหาที่ต้องเกิดอีก แต่พระอรหันต์ไม่มีตัณหาที่
อยากไปเกิดในภพไหนๆ จึงไม่เกิดอีก

๓. นิโรธสัจเป็นการดับตัณหาได้ชั่วขณะในทุกๆ ขณะที่เจริญ
วิปัสสนา และสามารถดับตัณหาได้เด็ดขาดในขณะบรรลุมรรคญาณ
ถ้าเป็นพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นการดับตัณหาและกิเลสอื่นๆ
ทั้งหมดที่มีต้ณหาเป็นประธาน ส่วนพระอรหันต์ที่ปรินิพพานแล้ว ได้
ดับขันธ์คือรูปนามอีกด้วย

๔. มรรคสัจเป็นไตรสิกขา ได้แก่

ก. สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ อยู่ในหมวดปัญญา
เพราะทำให้เห็นประจักษ์ไตรลักษณ์ตามความเป็นจริง

ข. สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ อยู่ในหมวด
ศีล เพราะทำให้งดเว้นจากทุจริตได้โดยเด็ดขาด คือ แม้กระทั่งจิตที่
คิดว่าจะฆ่าสัตว์เป็นต้นก็ไม่เกิดขึ้น

ค. สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ อยู่ในหมวด
สมาธิ เพราะเป็นความเพียรมุ่งมั่นและลงมือปฏิบัติด้วยการเจริญสติ
จนกระทั่งจิตตั้งมั่นไม่ชัดส่ายฟุ้งซ่าน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร