วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2023, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1687870550496-removebg-preview (1).png
1687870550496-removebg-preview (1).png [ 428.08 KiB | เปิดดู 1554 ครั้ง ]
ประโยชน์ที่ได้รับจากการรู้รูปนามตามเหตุผล
โดยนัยแห่งปฏิจจสมุปบาท และปัฏฐาน
ในการที่พระพุทธองค์ทรงแสดงความเป็นไปของสัตว์ทั้งหลาย และ
ความเป็นไปของบรรดาสิ่งที่ไม่มีชีวิตในโลกนี้ที่ปรากฎขึ้น ก็ไดยอาศัยมีเหตุผล
เกี่ยวเนื่องกันโดยนัยแห่งปฏิจจสมุปบาทและปัฎฐานนั้น ก็เพื่อประสงค์จะให้
สัตว์ทั้งหลายได้มีความรู้ความเข้าใจในเหตุผลในความเป็นอยู่ของตัวเองว่า
รูปนามที่สมมติกันว่า เรา เขา ที่ปรากฎอยู่นี้ ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้สร้างขึ้น
มีแต่เหตุกับผลเกี่ยวเนื่องกันตามสภาวะเท่านั้น ไม่มีตัวตน เรา เขา อย่างใคเลย
ความรู้ความเข้าใจในรูปนามตามเหตุผลเช่นนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำให้ผู้รู้นั้นได้
พ้นจากวัฏฏทุกข์ทั้งปวงเพราะสามารถละสักกายทิฏฐิและวิจิกิจฉา พร้อมทั้ง
สัสสตทิฏฐิ อุจเฉททิฏฐิ และนัตถิกทิฏฐิ อเทตุกทิฏฐิ อกิริยทิฏฐิ เสียได้ตาม
สมควรแก่ความรู้ของตน กล่าวคือ ความรู้ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยการศึกษาเล่าเรียน
การฟัง ที่เรียกว่า สุตมยปัญญา ย่อมสามารถละสักกายทิฏฐิ และวิจิกิจฉา
เป็นต้นเหล่านั้นได้โดย ตทังคปหาน คือละได้ชั่วขณะหนึ่งๆ ความรู้ที่เกิดขึ้น
โดยอาศัยการนึกคิดพิจารณาค้นคว้าหาเหตุผลด้วยคนเอง ที่เรียกว่า จินตามยปัญญา นั้น
ย่อมสามารถละสักกายทิฏฐิ และวิจิกิจถาเป็นต้นเหล่านั้นได้โดย วิกขัมภนปหาน
คือข่ม ระงับไว้ใได้เป็นเวลานานๆ และความรู้ที่เกิดขึ้นโคยอาศัยการปฏิบัติ
วิปัสสนาตามสุตมยปัญญา หรือจินตามขปัญญา ที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา นั้น
ย่อมสามารถละสักกายทิฏฐิ และวิจิกิจฉาเป็นต้นเหล่านั้นได้โดย สมุจเฉทปหาน
คือละได้โดยเด็ดขาด

ถ้าจะแสดงเปรียบเทียบความรู้ในรูปนามตามเหตุผลดังกล่าวแล้วนั้น
สุตมยปัญญา. ก็ได้แก่ ปัญญาของผู้ที่มีความรู้ในปฏิจจสมุปบาท และปัฏฐาน
โดยอาศัยการศึกษาเล่าเรียน หรือ การฟัง

จินตามยปัญญา เมื่อว่าโดยทางโลกแล้ว ได้แก่ ปัญญาของผู้คิดค้นคว้า
สร้างวัตถุสิ่งของต่างๆ ขึ้น เช่นสร้างเครื่องบิน วิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น เมื่อว่า
โดยทางธรรมแล้ว ได้แก่ ปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2023, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1687870550496-removebg-preview.png
1687870550496-removebg-preview.png [ 159.68 KiB | เปิดดู 1533 ครั้ง ]
ภาวนามยปัญญาที่เกิดขึ้นโดยอาศัยสุตมยปัญญานั้น ได้แก่ ปัญญาของ
พระอริยสาวกทั้งหลาย

ภาวนามยปัญญาที่เกิดขึ้นโคยอาศัยจินตามยปัญญานั้น ได้แก่ ปัญญา
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า

ความรู้ความเข้าใจในรูปนามตามเหตุผล ที่เป็นสุตมัย จินตามัย และ
ภาวนามัยทั้ง ๓ เหล่านี้ ถ้าสงเคราะเข้าในวิปัสสนาญาณแล้ว ย่อมได้ ๒ อย่าง
คือนามรูปปริจเฉทญาณ และปัจยปริกคหญาณ และถ้าสงเคราะห์เข้าในวิสุทธิ
แล้วก็ได้วิสุทธิ - คือ ทิฏฐิวิสุทธิ แลกังขาวิตรณวิสุทธิ

ผู้ที่มีความเข้าใจดี ในปฏิจจสมุปบาทแถะปัฏฐานแล้วนั้น ก็ย่อมได้
เข้าถึงปัจจยปริกหคญาณ อันเป็นกังขาวิตรณวิสุทธิโดยตรง สำหรับการเข้าถึง
นามรูปปริจเฉทญาณ อันเป็นทิฏฐิวิสุทธินั้น ก็เพราะผู้ที่รู้ในปฏิจจสมุปบาท
และปัฏฐานนั้น ก็ต้องรู้ดีในเรื่องรูปนามอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ นามรูปปริจเฉทญาณ
อันเป็นทิฏฐิวิสุทธิจึงสงเคราะห์สำเร็จไปด้วย
ตามที่ได้กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ได้ปฏิบัติจนได้สำเร็จเป็น
พระอริยะพันจากวัฎฏทุกข์ได้นั้น ที่จะไม่รู้ถึงความเป็นไปของรูปนามตาม
ปฏิจจสมุปบาท หรือปัฎฐานโดยภาวนามัยนั้นย่อมไม่มีเลย แต่ผู้ที่รู้ทั้ง ๒ นัย
นั้น มีได้แต่เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว นอกจากพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้าแล้ว พระอริขบุคคลทั้งหลายนับตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้น จนถึง
พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมรู้ความเป็นไปของรูปนามโดยภาวนามัย ตามนัยแห่ง
ปฏิจจสมฺปบาทนัยเดียว หมายความว่าผู้ปฏิบัติเมื่อเข้าถึงปัจจยปริกคหญาณเป็นต้น
จนถึงอนุโลมญาณนั้น ย่อมรู้ความเป็นไปของรูปนามที่เป็นเหตุเป็นผลเนื่องกัน
ตามปฏิจจสมุปบาทด้วยกันทั้งสิ้น แต่ที่รู้กว้างขวางสามารถแสดงให้ผู้อื่นฟังได้
โดยละเอียดนั้น ต้องอาศัยมีหลักปริยัติ ถ้าขาดหลักปริยัติเสียแล้ว แม้แต่
พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถแสดงความเป็นไปของสัตว์ทั้งหลายตามนัยแห่ง
ปฏิจจสมุปบาทโดยละเอียดได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร