วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 17:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2023, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1653171146061.jpg
FB_IMG_1653171146061.jpg [ 66.96 KiB | เปิดดู 863 ครั้ง ]
ปฏิจจสมุปบาทนัยมี ๒ อย่าง คือ สุตตันตนัย และ อภิธรรมนัย
ลำดับแรก ตามสุตตันตนัย อวิชชามี ๔ อย่าง คือ
๑. อวิชชาที่ปิดบังความเป็นทุกข์
๒. ปิดบังความเป็นสมุทัย
๓. ปิดบังความเป็นนิโรธ
๔. ปิดบังความเป็นมรรค

ส่วนตามอภิธรรมนัย อวิชชามี ๘ อย่าง คือ (อวิชชา ๔ อย่างแรก]พร้อมทั้ง
อวิชชา ๔ คือ
๑. อวิชชาที่ปิดบังส่วนแรก (ภพก่อน) . ปิดบังส่วนหลัง (ภพต่อไป)
๓. ปิดบังทั้งส่วนแรกและส่วนหลัง (ภพก่อนและภพต่อไป)
๔. ปิดบังปฏิจจสมุปบาท (การเกิดขึ้นอาศัยเหตุปัจจัยของขันธ์ไนภพปัจจุบัน)
(สุตตันตนัย คือ สุตตันตภาชนียนัย (นัยจำแนกตามพระสูตร) ที่ปรากฎในคัมภีร์วิภังค์
อภิธรรมนัย คือ นัยที่แสดงไว้ในพระอภิธรรมบิฎกโดยทั่วไป)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2023, 07:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ตามสุตตันตนัย สังขาร คือ เจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลชื่งเป็นไปกับด้วยอาสวะ
มี ๓ อย่าง คือ
๑. อปุญญาภิสังขาร คือ เจตนาในอกุศลจิต (อกุ. ๑๒)
๒. ปุญญาภิสังขาร คือ เจตนาในกุศสจิตที่เป็นกามาวจรและและรูปาวจร(มหา.กุ. ๘ รูป.กุ. ๕)
๓. อาเนญชาภิสังขาร คือ เจตนาในอรูปาวจรกุศล(อรูป.กุ.๔)

ส่วนตามอภิธรรมนัย สังขาร คือ เจตนาในกุศลจิตและอกุศลจิตที่เป็นโลกียะ
และโลกุตตระ
ส่วนเจตนาในกิริยาจิตทั้งหมดไม่ได้กล่าวถึงในคัมภีร์วิภังค์ ในคัมภีร์อรรถกถา
กล่าว(ถึงเหตุ)ว่า
กิริยธมฺมานํ ปน ยสฺมา เนว อวิชฺชา น กุสลากุสลมูลานิ อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตํ
ลภนฺติ, ตสฺมา กิริยวเสน ปจฺจยากาโร น วุตฺโต."
"อวิชชาและกุศลมูลพร้อมทั้งอกุศลมูล ย่อมไม่ได้รับความเป็นปัจจัย อันเป็นที่
อาศัยมีกำลังของธรรมอันเป็นกิริยา พระผู้มีพระกาคจึงไม่ตรัสปฏิจจสมุปบาทโดยเนื่องกับ
ธรรมอันเป็นกิริยา"

ความหมายก็คือ อวิชชาและกุศลมูลพร้อมทั้งอกุศลมูลไม่ใช่ปัจจัยอันเป็นที่อาศัย
มีกำลังของธรรมอันเป็นกิริยา ดังนั้น ธรรมอันเป็นกิริยาจึงไม่กล่าวถึงในปฏิจจสมุปบาท.
เทศนา แม้ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย พระพุทธองค์ตรัสว่า

ยโต โข ภิกฺขเว ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, โส อวิชฺชาวิราคา
วิชฺชุปฺปาทา เนว ปุญฺญาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, น อปุญฺญาภิสงฺขารํ, น อาเนญฺชาภิสงฺขารํ
อภิสงฺขโรติ.

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุกำจัดอวิชชาแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว เธอย่อมไม่ปรุงแต่ง
ปุญฺญาภิสังขาร ไม่ปรุงแต่งอปุญญาภิสังขาร ไม่ปรุงแต่งงอาเนญชาภิสังขาร เพราะกำจัด
วิชชาแล้ว เกิดวิชชา"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2023, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่การที่กิริยาจิตเกิดอาศัยปัจจัยโดยเนื่องกันกับปัจจัยที่สมควรแก่ตน มิได้ถูก
ห้ามไว้ เพราะไม่มีสังขตธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่พ้นจากการเกิดขึ้นโดยอาศัยปัจจัย

วิญญาณเป็นต้นก็มีนัยอย่างเดียวกัน
ตามสุตตันตนัย วิญญาณ คือ วิปากจิตที่เป็นโลกิยะ ๓๒ ดวง
ส่วนตามอภิธรรมนัย คือ จิตที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ๖๙ ควง ยกเว้นกิริยาจิต
ตามสุตตันตนัย นามรูป คือ ขันธ์ ๓ มีเวทนาขันธ์เป็นต้นที่เกิดร่วมกับโลกิยจิต
พร้อมทั้งกรรมชรูปในปฏิสนธิกาลและจิตตชรูปไนปวัตติกาล
ส่วนตามอภิธรรมนัย คือ ขันธ์ ๓ ที่ประกอบกับวิปากจิตซึ่งเป็นกุศลและอกุศล
พร้อมทั้งรูปที่กล่าวมาแล้ว แต่ในคัมภีร์อรรถกถารวมเอารูปที่มีสมุฏฐาน ๔ ซึ่งได้รับ
ปัจฉาชาตปัจจัยทั้งหมดไว้

(๒๓๒) ในคัมภีร์วิภาวนีกล่าวว่า ตทุภยมฺปิ อิธ ปฏิสนธิวิญณาณสหคตํ " (ในข้อนี้ นาม-
รูปทั้ง ๒ เกิดร่วมกับปฏิสนธิจิต) ข้อความนั้นไม่สมควร
คัมภีร์อนุทีปนีอธิบายว่า ข้อความดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสุตตันตนัยและอภิธรรมนัย
ที่กล่าวมาแล้ว จึงไม่สมควร]

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร