วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2023, 03:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1699395078838-removebg-preview.png
ei_1699395078838-removebg-preview.png [ 204.5 KiB | เปิดดู 1202 ครั้ง ]
อาหารปัจจัย

อาหารปัจจัย เป็นปัจจัยที่ ๑๕ ในปัจจัย ๒๔ หรือเป็นปัจจัยที่ ๒๕ ในปัจจุ ๕๒
อุทเทส อาหารปจฺจโย เพราะอาหาร ๔ เป็นปัจจัย
อาหาร แปลว่า ธรรมที่นำมาซึ่งผล คือนำเอานามรูปมา ทำนามรูป
ให้เกิดขึ้นเป็นชนกกิจ เมื่อนำมาแล้วก็ยังอุปถัมก็นามรูปให้ตั้งอยู่ด้วยดีอีก
เป็นอุปถัมภกกิจโดยอุปถัมภ์รูปให้เกิดสืบต่อ ๆ กันไป เพราะร่างกายถ้าขาด
อาหารก็ตั้งอยู่ไม่ได้ อาหารจึงมีความสำคัญแก่สัตว์โลกทั้ง ๓๑ ภูมิ ดังมี
บาลีกล่าวว่า "สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฐิติกา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ได้
ด้วยอาหาร" อาหารจึงมีกิจอุปถัมภ์เป็นประการสำคัญ คือตามหล่อเลี้ยง
นามรูป เพราะเหตุว่าเป็นตัวอุปการะให้เกิดผล คำว่า อาหารบางแห่งก็หมาย
ถึง ปัจจัยที่ปรุงแต่งสังขารธรรมทั้งหลายให้เกิดขึ้น สังชารธรรม ก็หมายถึง
ขันธ์นี่เอง ส่วนธรรมที่ปรุงแต่งขันธ์ก็คือ ปัจจัย ๒๔
เพราะฉะนั้นคำว่า
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร กับคำว่า สังขารทั้งปวงตั้งอยู่
ได้ด้วยปัจจัย จึงมีความหมายเป็นอย่างเดียวกัน

อาหารคือสภาพที่ทำให้เกิดผลมี ๔ อย่าง คือ
๑. กพฬิการาหาร อาหารที่กระทำให้เป็นคำแล้วกลืนกิน ตาม
สมมุติก็ได้แก่ ข้าว น้ำ เป็นต้น ถ้าตามปรมัตถ์ได้แก่ โอชารูป คือคุณภาพ
ของอาหาร ซึ่งรู้ได้ด้วยใจ ส่วนรส หมายถึงรสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม
เผ็ด เป็นต้น รู้ได้ด้วยลิ้น รสกับโอชาจึงไม่เหมือนกัน
กพฬีการาหาร คือ อาหารที่นำเอาโอชารูปมา (เป็นรูปที่ ๘ ใน
อวินิพโภครูป) หรือนำเอารูปกลาปมาให้เกิดขึ้นในร่างกายของสัตว์
คือทำ รูปให้เกิดขึ้นสืบต่อๆกัน
(กพฬี แปลว่า คำ, การาหาร แปลว่า กระทำอาหาร,
กพฬีการาหาร จึงแปลว่า อาหารที่กระทำให้เป็นคำ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2023, 04:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


๒. ผัสสาหาร อาหารที่นำเอาเวทนามา เพราะผัสสะจึงเบ็นปัจจัยแก่เวทนา
๓. มโนสัญเจตนาหาร อาหารที่นำเอาปฏิสนธิวิญญาณมาสู่ภพทั้ง ๓
เพราะ การเกิดขึ้นของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปในภูมิต่าง ๆ ย่อม
อาศัยภพ
คือ กัมมภพเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ คือ อุปปัตติภพ ภพจึงเป็นปัจจัยแก่ชาติ
๔. วิญญาณาหาร อาหารที่นำเอานามรูปมา เพราะนำเอา เจตสิก
จิตตชรูปและกัมมชรูปมา วิญญาณจึงเป็นปัจจัยแก่นามรูป
อาหารทั้ง ๕ นี้ กพฬีการาหารเป็นรูปอาหาร ส่วนที่เหลืออีก ๓
นามอาหาร
อาหารปัจจัยจึงแบ่งได้เป็น ๒ ปัจจัย คือ รูปอาหาร กับ
นามอาหารๆ บางทีเรียกว่าสหชาตาหาร คือ อาหารเป็นปัจจัยให้เกิด
นามรูปพร้อมกับตน เหตุนี้อาหารปัจจัยจึงเป็นอาหารของนามและรูป คือ
กพฬีการาหารเป็นอาหารของรูป นามอาหารเป็นอาหารของนามและรูป

พระบาลีนิทเทสของอาหารปัจจัย
๑. กพฬิงฺกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจ
(กพฬิการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจอาหารปัจจัย)
คำว่า กายนี้หมายถึงรูปกาย หรือจตุสมุฏฐานิกรูป รูปที่เกิดจากสมุฏฐาน
ทั้ง ๔ คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร ได้แก่รูป ๒๘ นั่นเอง

๒. อรูปิโน อาหารา สมปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ
รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย (นามอาหารเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตธรรม
ทั้งหลายและแก่รูปทั้งหลาย ที่มีนามอาหารและธรรมที่ประกอบกับนาม
อาหารนั้นเป็นสมุฏฐาน ด้วยอำนาจอาหารปัจจัย)
วจนัตถะของอาหารปัจจัย
สกสกปจฺจยุปฺปนฺเน อาหรติ ภุโส หรตีติ = อาหาโร
(สภาพที่นำมา คือสภาพที่ประมวลมาซึ่งผลของตน ๆ ชื่อว่า อาหาร
รูปารูปานํ อุปถมฺภกฎเฐน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2023, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1699387775049-removebg-preview (2).png
ei_1699387775049-removebg-preview (2).png [ 442.14 KiB | เปิดดู 1017 ครั้ง ]
= อาหารปจุจโย (อาหาร ๔ เป็นผู้อุปการะโดยความเป็นสิ่งที่
อุปถัมภ์แก่รูปธรรมและนามธรรมทั้งหลาย ชื่อว่า อาหารปัจจัย)
อาหารปัจจัย เมื่อจะเกิดก็ย่อมยังนาม รูปให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้น
แล้วก็อุปถัมภ์ไว้ไม่ให้ขาดสาย คือรูปอาหารได้แก่โอชารูปก็อุปถัมภ์กายให้
ตั้งอยู่ได้ เพราะสัตว์ทั้งหลายตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร แม้รูปที่เกิดจากสมุฏฐาน
อี่นก็ต้องอาศัยอาหารอุปถัมภ์ด้วย เช่นรูปที่เกิดจาก กรรม จิต อุตุ อาหาร
ด้องอาศัยอาหารอุปถัมภ์ทั้งนั้น ถ้าไม่มีอาหารอุปถัมภ์ รูปเหล่านั้นก็ตั้งอยู่
ไม่ได้ ย่อมจะถึงแก่ความตายไปในที่สุด ส่วนนามอาหารคือผัสสะก็อุปถัมภ์
เวทนา มโนสัญเจตนาหารคือเจตนา ก็ทำนามรูปคือปฏิสนธิวิญญาณและ
กัมมชรูปให้เกิดขึ้น วิญญาณาหารก็อุปถัมภ์นามรูป คือเจตสิก จิดตรรูป
และกัมมชรูป ในอาหารปัจจัยทั้ง ๔ นี้ จึงแบ่งได้เป็น ๒ ปัจจัย คือรูป
อาหารปัจจัย และนามอาหารปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 85 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร