วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 01:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2023, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1699235533805-removebg-preview.png
ei_1699235533805-removebg-preview.png [ 170.6 KiB | เปิดดู 1660 ครั้ง ]
รูปอาหารปัจจัย

รูปอาหารเป็นปัจจัยแก่รูปคือ กายนี้มี ๒ อย่าง ได้แก่รูปอาหาร
ภายนอกกับรูปอาหารภายใน รูปอาหารปัจจัยจึงแสตงได้เป็น ๒ นัย คือ
นัยที่ตรงกับพระบาลีนิทเทสอย่างหนึ่ง และนัยที่สามารถเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง

รูปอาหารนัยที่ตรงกับพระบาลีนิทเทสปัจจัยได้แก่กพฬีการาหาร
หรือพหิทธโอชาซึ่งเป็นอาหารภายนอก คือโอซาที่อยู่ในอาหารต่าง ๆ ที่กลืน
กินเข้าไปเรียกว่ารูปอาหาร พอกินเข้าไปแล้วไปบำรุงเลี้ยงร่างกายเมื่อใด
อาหารนั้นก็เป็นปัจจัยให้เกิดรูป (รูปที่เกิดจากอาหาร) เรียกว่าอาหารซรูป
หรืออาหารสมุฏฐานิกรูป ซึ่งเกิดจากอาหารภายนอกเป็นปัจจัย

อาหารชรูปเป็นรูปที่เกิดจากอาหารภายนอกโดยตรงอย่างหนึ่ง ด้วย
อำนาจชนกสัตติ เพราะรูปอาหารทำให้เกิดอาหารซรูป และรูปที่เกิดจาก
อาหารภายนอกนี้ ยังมีอำนาจอุปถัมภ์รูปอื่น ๆ ทั้ง ๔ สมุฏฐานให้มีกำลังตั้ง

อยู่ได้ดีอีกด้วย เป็นอุปถัมภกสัตติ เช่น อาหารชรูปไปอุปถัมภ์รูปที่เกิดจาก
กรรม มีปสาทตาเป็นต้น ทำให้ตาแจ่มใสแลเห็นได้ขัดเจนเพราะได้อาหาร
สมบูรณ์ ถ้าปสาทตาขาดอาหารก็ทำให้เกิดโรคตา เป็นตามัวฝ้าฟาง เป็นต้น
อาหารรูปยังอุปถัมภ์รูปที่เกิดจากจิตได้อีก เช่นรูปอิริยาบถ ๔ ทำให้ลุก นั่ง
ยืน เดิน ได้สะดวกคล่องแคล่ว แต่ถ้าขาดอาหารรูปก็ไม่แข็งแรง
ผอมแห้ง อาหารซรูปยังไปอุปถัมภ์รูปที่เกิดจากอุตุ ทำให้รูปนั้นไม่เย็น ไม่
ร้อน เกินไป เพราะได้อาหารสมบูรณ์ก็ไม่เป็นโรคเกิดจากอุตุ อาหารชรูป
ยังอุปถัมภ์รูปที่เกิดจากอาหารด้วยกันให้มีกำลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อาหารภายนอก คือโอชาในกพฬีการาหารที่ได้มาทีแรก เกิดจาก
อุตุก่อนเรียกว่าอาหารนั้นมีอุตุเป็นปัจจัย พอเอาอาหารนั้นมากินอาหารนั้นก็
ทำไห้เกิดรูปเป็นอาหารซรูปที่เรียกว่า อาหารสมุฎฐาน อาหารชรูปนั้นจึงมี
อุตุเป็นปัจจัยมีอาหารเป็นสมุฏฐาน คือมีอุตุเป็นปัจจัยโดยอ้อม มีอาหาร
เป็นปัจจัยโดยตรง

อาหารรูป
องค์ธรรมได้แก่ โอชารูป
อาหารชรูป
หรืออาหารสมุฏฐานิกรูป
องค์ธรรมได้แก่
อวินิพโภครูป ๘ ปริจเฉทรูป ๑ วิการรูป ๓ อุปจยะ สันตติ ที่เรียกว่า
อาหารสมุฏฐานิกรูป ๑๒-๑๔

อาหารซรูปเป็นรูปที่กลั่นมาแล้วจากอาหารที่กินเข้าไป เปรียบเหมือน
วิตามิน เป็นโอชาที่หล่อเลี้ยงร่างกาย อาหารชรูปจึงเป็นรูปที่เกิดภายในสัตว์
ไม่ใช่เกิดภายนอก

รูปอาหารนัยที่สามารถเป็นไปได้ หมายถึงรูปอาหารภายใน เรียก
ว่า อัชฌัตตโอชา คือโอชารูปที่อยู่ในอวินิพโภครูปในรูปกลาปต่าง ๆ ที่
เกิดจากสมุฏฐานทั้ง ๔ เป็นปัจจัยแก่รูปที่เหลือในกลาปเดียวกับตนโดย
ชนกสัตติ และเป็นปัจจัยแก่รูปกลาปที่เหลือโดยอุปถัมภกสัตติ
เช่นเป็น ชนกสัตติ คือโอชาในกัมมชกลาป มีจักขุทสกกลาป
เป็นต้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2023, 06:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1699660874573-removebg-preview.png
ei_1699660874573-removebg-preview.png [ 148.85 KiB | เปิดดู 1445 ครั้ง ]
โอชาในจักขุทสกกลาป --> อวินิพโภครูป ๗ (เว้นโอชา) ชีวิตรูป จักขุวัตถุ
(เป็นปัจจัยในกลาปเดียวกัน)

ถ้าเป็นอุปถัมภกสัตติ คือโอชาในจักขุทสากลาป --> จิตตชกลาป ๖
อุตุชกลาป ๔ อาหารชกลาป ๒ (เป็นปัจจัยแก่กลาปอื่น ๆ)
โอชาภายในที่อยู่ในกัมมชกลาปเป็นต้น สามารถจะสร้างรูปอาหาร
ให้เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปได้ถึง ๓- ๔ สันตติ อาหารที่เกิดจากรรมนี้ ก็จะไป
อุปถัมภ์รูปที่เกิดจากกรรมให้ตั้งอยู่ใต้ต่อไป เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
แล้ว ถ้าไม่ได้อาหารอุปถัมภ์ก็จะตั้งอยู่ไม่ใด้ โอซาในกัมมชกลาปจึงเรียกว่า
โอชารูป มีกรรมเป็นปัจจัย มีอาหารเป็นสมุฏฐาน คือ มีกรรมเป็นปัจจัย โดยอ้อม
มีอาหารเป็นปัจจัยโดยตรง

องค์ธรรมรูปอาหารปัจจัย

ปัจจัย
๑.พหิทธโอชา คือโอชารูปที่ในกพฬีการาหาร
๒. อัชฌัตตโอชา คือโอชารูปที่ในรูปกลาปทั้ง ๔ สมุฏฐาน
คือกัมมโอชา จิตตชโอชา อุตุชโอชา อาหารซโอชา
และพหิทธโอชา ( คือโอชาที่เกิดภายนอกสันดาน )
ปัจจยุบบัน
๑. อาหารสมุฏฐานิกรูป ๑๒-๑๔
๒. จตุสมุฏฐานิกรูป ( เว้นโอชาที่ในกลาปเดียวกับปัจจัย )
และจตุสมุฏฐานิกรูปทั้งหมด
ปัจจนิก
๑. จิต๔๙ เจ.๕๒ รูปที่เหลือจากปัจจยุบบัน ๖ หมวด คือ
ปฏิ.กํ. ปวัตติกํ. อสัญญ.กํ. พาหิรรูป จิตตชรูป อุตุชรูป
๒. จิต๔๙ เจ.๕๒และพาหิรูรูป (คือรูปภายนอกที่ยังไม่ได้
กินเข้าไป) และโอชารูปที่อยู่ในกลาปเดียวกับปัจจัย
หรือโอชารูปทั้งภายในภายนอก -- > จตุสมุฏฐานิกรูป (เว้นโอชา
ในกลาปเดียวกัน) ปัจจนิก = จิต ๘๙ เจ.๕๒ รูป ๖ หมวดที่เหลือ
(เว้นอาหารชรูป)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 80 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron