วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 17:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2023, 03:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-3553.jpg
Image-3553.jpg [ 85.28 KiB | เปิดดู 1020 ครั้ง ]
โคตรภูญาณ

ถัดจากอนุโลมญาณไป จิตชนิดหนึ่งจึงได้ละอารมณ์ ที่เป็นสังขารที่คนกำลัง
กำหนดอยู่แล้วมุ่งสู่นิพพาน คือกำหนดนิพพานให้เป็นอารมณ์ จิตประเภทนี้
เรียกว่าโคตรภูชวนจิต และก็ญาณ(บัญญาเจตสิก)ที่เกิดกับจิตดวงนี้ ท่านเรียกว่า
โคตรภูญาณ สักษณะการกำหนดนิพพานเป็นอารมณ์ของจิตดวงนี้ไม่เหมือนกับจิต
ดวงอื่นๆ เพราะว่าจิตดวงอื่นๆนั้นอยู่ภายนอกอารมณ์ แต่จิตดวงนี้เมี่อปล่อย
(ละทิ้ง)อารมณ์ที่เป็นสังขารธรรมแล้วก็เหมือนกับแล่นเข้าสู่นิพพานทันที ดังนั้น
ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค ท่านจึงกล่าวไว้ว่า

อุปฺปาทํ อภิภุยฺยิตฺวา อนุปฺปาทํ ปกฺขนฺทตีติ โคตฺรภู พหิทฺธา สงฺขารนิมิตฺตํ
อภิภุยฺยิตฺวา นิโรธํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทตีติ โคตรภู...

(ขุ.ปฏิ ๓๑/๕๙/๖๘)

สภาวธรรมใดเอาชนะอารมณ์สังขารที่เกิดขึ้นแล้ว แล่นเข้าไปสู่ความดับ
สภาวธรรมนั้นมีชื่อว่า โคตรภู และเพราะเทตุที่เอาชนะ(ครอบงำ)อารมณ์สังขาร
ซึ่งเป็นธรรมภายนอกแล้วแล่นเข้าสู่พระนิพพาน อันเป็นที่ดับของสังขาร จึงมี
ถือว่า โคตรภู

มรรคญาณ ผลญาณ


ถัดจากโคตรภูจิต จะมีมรรคจิตซึ่งกำหนดนิพพานเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ๑ ครั้ง
ก็ญาณหรือปัญญาเจตสิกที่เกิดกับมรรคจิตนี้ ท่านเรียกว่า มรรคญาณ หรือเรียก
อีกอย่างหนึ่งว่า ญาณทัสสนวิสุทธิ และถัดจากมรรคนี้ จะมีผลจิตซึ่งกำหนดนิพพาน
เป็นอารมณ์เกิดขึ้น ๒ ครั้ง แต่ถ้าผู้ปฏิบัติเป็นติกขปัญญาบุคคล ผลจิตจะเกิดขึ้น
๓ ครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ อนุโลมชวนจิตได้เกิดขึ้นเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น จึงเป็นเหตุ
ทำให้ผลจิตเพิ่มขึ้นมาอีก ๑ ครั้ง (หมายความว่า คนมีปัญญามากนั้นไม่จำเป็นต้อง
บริกรรมมากก็สามารถบรรลุได้ คือแทนที่จะใช้อนุโลมจิตหลายครั้ง ถัดจากนั้นก็จะ
เป็นภวังคจิตซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสมควรแล้ว ถัดจากนั้นปัจจเวกขณจิต
ซึ่งทำหน้าที่พิจารณากิเลสที่ละแล้วและกิเลสที่ยังไมได้ละก็เกิดขึ้น

อนึ่ง ระยะเวลาการเกิดขึ้นของมรรคจิตนี้ช่างสั้นนัก รู้ได้เพียง
การอุบัติของจิตทั้ง ๓ (โคตรภู-มรรค-ผล)เท่านั้นแต่ไม่สามารถกำหนด
แยกแยะอย่างชัดเจนได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2023, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1703211376614-removebg-preview (1).png
ei_1703211376614-removebg-preview (1).png [ 418.4 KiB | เปิดดู 738 ครั้ง ]
โคตรภูญาณเป็นชื่่อของปัญญา ที่ละสังขารได้แล้ว ถ้าหากยังมิได้ละสังขารก็ไม่สามารถที่จะมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร