วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 16:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2023, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1698624561348-removebg-preview (2).png
ei_1698624561348-removebg-preview (2).png [ 84.51 KiB | เปิดดู 911 ครั้ง ]
อธิบาย สมฺมาสมพุทธ ศัพท์

คำอธิบายอรรถของบท มีดังต่อไปนี้
คำว่า สัมมาสัมพุทธะ คือ ผู้ตรัสรู้ ชอบด้วยพระองค์เอง
ในบทว่า สมฺมาสมฺพุทธ นี้ สมฺมา ศัพท์เป็นบทนิบาตที่เป็นไปในอรรถว่า ชอบ
(ถูกต้อง) ซึ่งเป็นการแสดงว่า กิริยาการรู้แจ้ง(ของพระพุทธเจ้า]มีปกติแผ่ไปทั่วในเญยย-
ธรรมที่พึงรู้ ดังปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาว่า
ตถา หิ ปเทสณาเณ ฐิตา ปจฺเจกพุทฺธาทโย อตฺตโน วิสเย เอว อวิปรึตํ พุชฺฌนฺติ
อวิสเย ปน อนฺธกาเร ปวิฎฺฐา วิย โหนฺติ "
"พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้ดำรงอยู่ในญาณบางส่วนแล้ว ย่อมรู้แจ้ง
โดยชอบในวิสัยของตน ส่วนในอารมณ์อันมิใช่วิสัยก็เหมือนเข้าไปในที่มืด"

วิสัยของพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์มีน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับวิสัยของ
พระสัพพัญญู เหมือนดั่งอากาศในอุ้งมือมีจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับอากาศในท้องฟ้า
ความจริง พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ไม่สามารถหยั่งรู้ธรรมมีผัสสะ (สภา
กระทบอารมณ์) เป็นต้น โดยประการทั้งหมด แต่ไม่มีธรรมที่พระสัพพัญญูไม่ทรงรู้แจ้งชัด
เพราะพระองค์ทรงหยั่งเห็นธรรมอันเป็นไปในกาล ๓ และพันจากกาล (นิพพานและบัญญัติ)
ในสังสารวัฏอันไม่ปรากฎเบื้องต้นและในโลกธาตุอันหาที่สุดมิได้ ทรงทราบถ้วนทั้งหมด
แก้วมณีในพระหัตถ์ สมจริงดังสาธกว่า

สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต ฌาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ
ธรรมทั้งหลายย่อมมาปรากฏในข่ายพระญาณของพระผู้มีพระภาค ผู้ทางรู้เห็น
โดยสิ้นเชิง"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2023, 03:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




ei_1698445865857-removebg-preview.png
ei_1698445865857-removebg-preview.png [ 66.82 KiB | เปิดดู 909 ครั้ง ]
ในพากย์นั้น คำว่า ในข่ายพระญาณ หมายถึง มหาภวังค์ (มหาวิปากจิตดวงแรก
ซึ่งทำหน้าที่ภวังค์)ของพระสัพพัญญู ความจริงธรรมเหล่านั้นแม้ปรากฏเสมอในมหาวังค์
แต่ครั้งพิจารณาพระอภิธรรม ณ ควงไม้ไพธิพฤกษ์ แต่เมื่อพระสัพพัญญูทรงประสงค์
พิจารณาธรรมเหล่าใด ย่อมพิจารณาใคร่ครวญธรรมเหล่านั้นด้วยอาวัชชนจิตเป็นอย่างๆ
และใครๆ ย่อมไม่สมควรท้วงติงว่า ธรรมทั้งหลายมีหลากหลาย แต่มหาภวังค์เป็นจิต
เล็กน้อยไม่ไช่หรือ ความจริงเรื่องนี้เป็นอานุภาพของธรรมที่บรรลุถึงความยิ่งยวด

ส่วน สํ ศัพท์เป็นบทอุปสรรคที่มือรรถเหมือน สามํ (ด้วยพระองค์เอง) ซึ่งแสดง
ว่าพระผู้มีพระภาคทรงรู้แจ้งธรรมโดยปราศจากครู ดังพระพุทธวจนะว่า

น เม อาจริโย อตฺถิ.
"อาจารย์ของเราไม่มี"

ถามว่า : อรูปาวจรสมาบัติที่ ๓ และที่ ๔ ของพระผู้มีพระภาคมีมูลเหตุคือ
อาฬารดาบสและอุทกดาบสมิใช่หรือ
ตอบว่า : อรูปาวจรสมาบัติที่ ๓ และที่ ๔ มีมูลเหตุคือดาบสเหล่านั้นก็จริง
สมาบัติเหล่านั้นไม่ใช่บาทแห่งกิริยาตรัสรู้ในภายหลัง เพราะพระองค์มิได้กระทำฌานให้
เป็นองค์ประกอบแห่งการตรัสรู้ เพียงแต่บรรลุแล้วสละไป เช่นนั้นแล้วปฏิเวธธรรมจะเกิดขึ้น
โดยอาศัยสมาบัติอย่างไร สมาบัติเหล่านั้นจึงมิได้เป็นครูนำทางไปสู่การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

ความข้อนี้สอดคล้องกับพระบาลี ดังพระพุทธวจนะว่า
ตตฺถ กตโม จ ปุคฺคโล สมฺมาสมฺพุทฺโธ. อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ
ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ. ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปาปุณาติ พเลสุ จ วสีภาวํ อยํ
วุจฺจติ ปุคฺคโล สมฺมาสมฺพุทฺโธ "

"ในข้อนั้น บุคคลใดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลนั้นในโลกนี้ย่อมรู้แจ้งสัจธรรม
เองในธรรมที่ไม่เคยสดับมาก่อน บรรลุความเป็นผู้รู้ธรรมทั้งปวงและความเชี่ยวซาญใน
ทศพลญาณทั้งหลายด้วยความรู้แจ้งนั้น บุคคลนี้ชื่อว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระดำตรัสว่า ตตฺถ ลงสัตตมีวิภัตติในอรรถเทตุ
พระดำรัสว่า พเลสุ แปลว่า ในทศพลญาณทั้งหลาย
พระดำรัสว่า วสีภาวํ (ความเชี่ยวซาญ) คือ ความเป็นไหญ่
พระดำรัสว่า ปุพฺเพ ฯเปฯ สามํ (รู้แจ้งสังธรรมเองในธรรมที่ไม่เคยสดับมาก่อน)
แสดงอรรถของคำว่า สํ (ด้วยพระองค์เอง)
ส่วนพระดำรัสเป็นต้นว่า ตตฺถ (บรรลุความเป็นผู้รู้ธรรมทั้งปวงและความเป็น
ใหญ่ในทศพลญาณด้วยความรู้แจ้งนั้น) แสดงอรรถของคำว่า สมฺมา (โดยชอบ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 74 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร