ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

กำหนดปัจจุบัน
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=64882
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 16 ก.ย. 2024, 10:01 ]
หัวข้อกระทู้:  กำหนดปัจจุบัน

ควรตามกำหนดเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่าจะในขณะที่เห็น ได้ยิน ลิ้มรส สัมผัส เดิน ยืน นั่ง นอน คู้ เหยียด หรือ
ขณะที่คิด ซึ่งล้วนเป็นปัจจุบันธรรม ก็ขอโยคีทำการกำหนดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขึ้นเหล่านั้น
เพื่อให้มองเห็นรูปนามเหล่านั้นเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ก็ถ้าไม่มีการ
กำหนดทัน ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า รูปนามนี้เป็นสิ่งที่เที่ยง เป็นสุข อยู่ใน
บังคับบัญชาหรือ เป็นอัตตา เป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นสิ่งที่สามารถสำเร็จได้ตามที่ต้องการ
ซึ่งจะทำให้เกิดตัณหาความยินตีในรูปนามเหล่านั้นได้ ทิฏฐิกล่าวคือความเห็นผิด
ก็จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งในขณะนั้นเอง จิตก็จะทำการนึกคิดถึงกามวิตกเป็นต้นตามอำนาจ
ของตัณหาและทิฏฐินั่นเอง ลักษณะการเกิดจิตเช่นนั้น พึงทราบว่า ในขณะที่เห็น
หากโยคีไม่สามารถกำหนดพิจารณาได้นั้น ก็จะเกิดความนึกคิดจินตนาการเอาผิดๆ
โดยนัยเป็นต้นว่า "เราได้เห็นใครหนอ เห็นหญิงหรือเห็นชาย เขาผู้นั้นเป็นบุตรธิดา
ของใคร เป็นบิดามารดาของใคร มาที่นี่เพื่อประโยชน์อะไร สภาพจิตของเขาเป็น
เช่นไร ลักษณะการพูดจาของเขาเป็นอย่างไร" ดังนี้เป็นต้น เท่านี้ยังไม่พอ หากโยคี

ไฟล์แนป:
Screenshot_20240916_062859_TikTok.jpg
Screenshot_20240916_062859_TikTok.jpg [ 144.69 KiB | เปิดดู 1231 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 17 ก.ย. 2024, 04:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กำหนดปัจจุบัน

นั้นเกิดไปเห็นสิ่งที่พึ่งปรารถนาน่าพอใจก็จะเกิดกามวิตกต่อๆกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โดยทำนองว่า "อุปธิรูป(รูปร่างหน้าตาตา)ของเขาสะอาดสะอ้าน ลักษณะการพูดจา
ก็สุภาพ กิริยาอาการ เรียบร้อยอ่อนโยน หากได้พูดจากับเขาก็คงจะดี หากได้เป็น
เพื่อนสนิทก็คงจะดี" ดังนี้เป็นต้น หรือหากโยคีนั้นเกิดไปเห็นรูปที่น่ารังเกียจ
น่าขยะแขยงก็จะทำให้เกิดพยาปาทวิตกหรือวิหิงสาวิตกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยทำนอง
ที่ว่า "คนนี้ช่างมีรูปร่างน่ารังเกียจ จิตใจความประพฤติก็คงจะน่ารังเกี่ยจเช่นกัน
ผู้นี้ได้ทำแต่สิ่งที่ไม่ใช่ประไมซน์แก่เรา หากมันตายไป ก็คงจะดี จทำอย่างไรหนอ เรา
จึงจะฆ่าผู้นี้ได้ ขอให้เขาได้เจอแต่ทุกข์ ขอให้เขาจงประสบเหตุชั่วร้าย" ดังนี้เป็นต้น

จิตที่มีลักษณะดังกล่าวข้างดันนี้ชื่อว่าเป็นจิตที่อยู่ภายใต้กรงเล็บของตัณหา
และทิฏฐิ ในภาษาบาลีท่าน เรียกว่า สํหิรจิต เป็นจิตที่พินาศด้วยอำนาจของตัณหา
และทิฏฐิ แม้ในเรื่องของอารมณ์อื่นๆ เช่น ในขณะที่ได้ยิน ได้ดมกลิ่น เป็นต้น
หากโยคีไม่สามารถกำหนดทัน จิตของโยคีนั้น ก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของตัณหา
และทิฏฐิและกลายเป็นจิตที่พินาศไปโดยทำนองเดียวกันนี้

[หมายเหตุ โยคีสามารถที่จะเปรียบเทียบคำอธิบายที่ได้กล่าวไปแล้วนี้กับ
พระบาลีอัฏฐกถาขยายความ ซึ่งมีข้อความว่า รูป อตฺตโต สมนุปสฺสติ ดังนี้เป็นต้น)

แต่ถ้าหากโยคีสามารถกำหนดตามทัน วิปัสสนาจิตที่เป็นตัวกำหนด
รู้ก็จะไม่คิดอกุศลมีกามวิตกเป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นตามอำนาจของตัณหาและทิฏฐิ
เพราะฉะนั้น วิปัสสนาที่มีการกำหนดรู้เป็นสภาวะ จึงชื่อว่า อสํหีระ และ อสังกุปปะ
หมายความว่า ในขณะที่ทำการกำหนดรู้ทันรู้ทันรูปนามที่เกิดขึ้นอยู่นั้น โยคีจำเป็นต้อง
ภาวนาวิปัสสนาดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงสังขารุเปกขาญาณ
ซึ่งเรียกว่าปฏินิสสัคคานุปัสสนา ต่อด้วยอนุโลมญาณ โคตรภูญาณ มรรคญาณ
และผลญาณในที่สุด ถามว่า : ก็ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นท่านได้นำเอาส่วนที่
พระมหากัจจายนะได้วิเคราะห์ไว้แล้วมากล่าวโดยหมายเอาอัทธาปัจจุบันมิใช่หรือ
ตอบว่า ข้อนั้นจริง แต่ว่าในการเกิดสังทีรจิตและสังกุปปจิตเท่านั้น จึงจะมีความ
เกี่ยวข้องกับอัทธาปัจจุบันใหญ่ทั้งหมด
ส่วนในเรื่องของวิปัสสนานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอัทธาปัจจุบันใหญ่ทั้งหมด
เพราะฉะนั้น จึงมีใช่เป็นการให้โยคีทำการกำหนดพิจารณาโดยรวมสภาวธรรม

ไฟล์แนป:
1726518232608.jpg
1726518232608.jpg [ 122.87 KiB | เปิดดู 1056 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/