ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อุทธัจจะ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=65363 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 02 ก.พ. 2025, 11:05 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | อุทธัจจะ | ||
จิตที่มีเหตุอย่างเดียวคือ โมหะ เป็นธรรมชาติหลงอย่างยิ่ง เพราะเว้นจากมูลอย่าง อื่น และเป็นธรรมชาติหวั่นไหว เพราะประกอบด้วยวิจิกิจฉาและะอุทธัจจะ เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมชาติสหรคตด้วยอุเบกขาอย่างเดียว. ความที่จิตอันมีเหตุอย่างเดียวคือโมหะ นั้น เป็นธรรมชาติกล้าแข็งเอง แม้ในกาลไหน ๆ จะมีอยู่ก็หามิได้. จริงอยู่ จิต ๒ ดวง ชื่อเป็นไปอยู่ด้วยอำนาจความกระสับกระส่าย และด้วยอำนาจ ความฟุ้งซ่านในอารมณ์ จะพึงมีความกล้าแข็งเอง และความเป็นจิตที่จะพึงให้อุตสาหะใน กิจเช่นไรเล่า เพระฉะนั้น ความต่างแห่งสังขารจึงไม่มีอยู่ในจิต ๒ ดวงนั้น อุทธัจจะ แม้ได้อยู่ในอกุศลจิตดวงอื่น ๆ จึงมีกำลังในจิตนี้เท่านั้นโดยพิเศษ เพราะฉะนั้นเหละ จิตนี้จึงเป็นประธานเป็นไปในสัมปยุตตธรรมทั้งหลาย. เพราะฉะนั้น โมหะจิตนี้แหละ ท่าน จึงกล่าวใช้ให้พิเศษด้วยอุทธัจจะว่า อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตํ สัมปยุตด้วยอุทธัจจะ. จริงอย่างนั้น อัทธัจจะมาแล้วโดยรูปในที่นี่พระบาลี. โมหมูล พึงทราบว่า ท่านกล่าวไว้ ๒ อย่าง คือ วิจิกิจฉาสัมปยุต ๑ อุทธัจจสัมปยุต ๑ ด้วยอำนาจธรรมอันเป็นประธานที่ไม่ทั่วไป ด้วย ประการฉะนี้. ความตกลงไม่ได้ (ลังเล) ได้แก่ ความสงสัย. ความฟุ้งซ่าน ได้แก่ ความ ไม่เข้าไปสงบ อธิบายว่า ความเป็นจิตพลุกพล่าน. อกุศลจิตทั้ง ๑๒ ดวงนี้นั้น พึงทราบว่า หน่วงเอาอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ใน บรรดาอารมณ์ทั้ง ๖ เกิดขึ้นด้วยอำนาจกรรมบถมีปาณาติบาตเป็นต้น และด้วยอำนาจ กรรมตามสมควร โดยเป็นกายกรรมเป็นต้น ทางทวารทั้ง ๓ มีกายทวารเป็นต้น ในลำดับ แห่งมโนวิญญาณธาตุอันเป็นอเหตุกกิริยาสหรคตด้วยอุเบกขา. ในบรรดาอกุศลจิต ๑๒ ดวงนั้น เว้นอกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อกุศลจิต ทั้ง ๑๑ ดวงที่เหลือ ให้ปฏิสนธิในอบายทั้ง ๔ ให้วิบากในปวัตติกาล แม้ในสุคติภูมิ. ส่วน อกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ให้วิบากในปวัตติกาลอย่างเดียวแล. ก็ในอธิการนี้ มีผู้สงสัยถามว่า อกุสลจิตที่สัมปยุตด้วยวิจิกิจฉาซึ่งอ่อนกำลังกว่า อกุศลจิตทุกดวง ย่อมให้ปฏิสนธิ อกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะแม้มีกำลังกว่าอกุศลจิต ที่สัมปยุตด้วยวิจิกิจฉานั้น เพราะมีอธิโมกขเจตสิกอยู่ด้วย ไม่ให้เพราะหตุไร ? ตอบว่า เพราะพระผู้มีพระภาคนีได้ตรัสไว้ในจำพวกธรรมอันโสตปัตติมรรคพึงละ จริงอยู่ อกุศลจิตอันสหรคตด้วยอุทธัจจะนี้ เมื่อจะให้ปฏิสนธิ ก็จะพึงในอบายทั้งหลาย
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 02 ก.พ. 2025, 11:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อุทธัจจะ |
และกรรมที่จะยังสัตว์ให้ไปสู่ภพ ก็เป็นธรรมชาติที่โสดาปัตติมรรคจะพึงละ เพราะฉะนั้น ควรจะตรัสไว้ในจำพวกธรรมทีโสดาปัตติมรรคจะพึงละ แต่ก็หาตรัสไว้ไม่ เพราะเหตุนั้น จึง ไม่ให้ปฏิสนธิ. แต่ใคร ๆ ไม่อาจจะปฏิเสธการให้วิบากในปวัตติกาลของอกุศลจิตที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะนั้น เพราะในวิภังค์แห่งปฏิสัมภิทา ก็ได้ตรัสไว้ว่า ญาณในธรรมอันสหรคต ด้วยอุทธัจจะ ชื่อว่า ธัมมปฏิสัมภิทา ญาณในผลของธรรมนั้น ชื่อว่า อัตถปฏิสัมภิทา. ส่วนอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า อกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอันเกิดขึ้นอยู่แก่ ปุถุขน ย่อมให้แม้ซึ่งวิบากทั้งสองอย่าง เพราะมีความเป็นธรรมอันเป็นสหายของธรรมที่ โสดาปัตติมรรคจะพึงละ ที่เกิดขึ้นแก่พระเสขะ มิได้ให้วิบากทั้งสองฝ้าย เพราะไม่มีธรรม อันเป็นสหายของธรรมที่โสดาปัตติมรรคจะพึงละนั้น. มีข้อที่ควรพิจารณาในอธิการนี้ ดังนี้. ถามว่า ท่านกล่าวการให้วิบากของอกุศลไว้ อกุศลนั้นนั้นอันมรรคเบื้องสูง ๓ จะต้อง ละหรือ หรือไม่ต้องละ ? ตอบว่า ในยังนี้มีข้อที่ควรจะกล่าวอยู่ คือ เบื้องต้นถ้าอันมรรคเบื้องบน ๓ จะต้อง ละ ในคัมภีร์ปัฏฐานก็ขอบที่จะพึงตรัสถึงความที่อกุศลอันมรรคเบื้องบน ๓ จะพึงละว่า มีกรรมอันเป็นไปในขณะต่างกันเป็นปัจจัย. ถ้าไม่ใช่อันมรรคเบื้องบน ๓ จะพึงละไซร้ ใน ทัสสเนนปหาตัพพติกะ ก็ชอบที่จะพึงตรัสไว้ในวิภังค์แห่งบทนี้ว่า เนวทสฺสเนน นภานาย ปหาตพฺพํ ไม่ใช่โสดาปัตติมรรคหรือมรรคเบื้องบน ๓ จะพึงละ ถามว่า ถ้าไม่ควรจะตรัสไว้ในทัสสเนนปหาตัพพติกะนั้น เพราะความเป็นธรรมมี สภาพผิดไปจากนั้นไซร้ แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น ธรรมนั้นก็ต้องเป็นธรรมที่ไม่สมควรจะกล่าว ไว้ในติกะนั้น ? ตอบว่า ไม่ต้อง. ถามว่า เพราะเหตุไร ? ตอบว่า พระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสความที่ธรรมทั้งหลายมือดีตธรรมเป็นตัน ว่าเป็น ธรรมที่ไม่ควรจะกล่าวไว้ในอุปปันนติกะ ฉันใด ก็มิได้ตรัสความที่จิตตุปบาทแม้นี้ ว่าเป็น ธรรมที่ควรจะกล่าวเหมือนฉันนั้น เพราะไม่มีจิตตุปบาทอะไร ๆ โดยประกอบจิตตุปบาท ที่จะพึงจำแนกแสดงไว้ เพราะเหตุว่า จิตตุปบาทที่เป็นอกุศล ๑๒ ดวง อันมาแล้ว ใน จิตตุปปาทกันฑ์ พระองค์ได้ทรงสงเคราะที่ไว้ด้วยบททั้ง ๒. อีกนัยหนึ่ง อกุศลนั้นซึ่งเป็น |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 02 ก.พ. 2025, 12:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อุทธัจจะ |
ไปอยู่ในปุถุชน แม้อันมรรคเบื้องบนสูง ๓ ไม่พึงสามารถเพื่อจะละ ก็เป็นธรรมชาติที่เสมอ กันกับควใเป็นธรรมชาติที่อันมรรคเบื้องบนสูง ๓ จะพึงละ และความเป็นชาติที่ ประกอบด้วยโทษ ดังนั้น จึงมีคำอันเป็นปริยายว่า เป็นธรรมอันมรรคเบื้องบนสูง ๓ จะ พึงจะอยู่ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีข้อเสียมทำการเกี่ยวข้อง ด้วยควานเป็นธรรมที่ให้ควรจะ กล่าวถึง. อนึ่ง ว่าโดยนิปปริยาย ก็มีใช่เป็นธรรมชาติที่อันมรรคเบื้องบนสูง ๓ จะพึงละ เพราะหตุนั้น ท่านจึงมีกล่าวแม้ความเป็นธรรมชาติ ที่มีกรรมอันอื่นเป็นไปในขณะต่างกัน เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจแห่งอกุศลนั้น. โสตาปัตติมรรค ได้กระทำหน้าที่เพียงแต่ความบกพร่องของธรรมอันเป็นสหายแห่ง อกุศลจิตอันสหรคตด้วยอุทธัจจะ แม้เป็นธรรมที่มีความเป็นธรรมอันโสดาปัตติมรรคจะ พึงละเป็นปัจจัยเท่านั้น ภาวะแม้ไร ๆ ที่จะทำให้ถึงความที่อกุศลจิตอันสหรคตด้วยอุทธัจจะ นั้น มีความไม่เกิดขึ้นเป็นธรรม โสดาปัตติมรรคหาได้กระทำไม่. เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าว ความที่อกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุทธัจจะนั้น อันมรรคเบื้องบนสูง ๓ จะพึงละโดยส่วนเดียว. อีกประการหนึ่ง การกล่าวถึงธรรมที่โสดาปัตติมรรคจะพึงละ ก็เล็งถึงความที่เป็นกรรม อันจะทำให้สัตว์ไปสู่อบาย เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวจำแนกอกุศลนั้นไว้โดยไม่มีอกุศลจิต ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะนั้นแล. |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |