วันเวลาปัจจุบัน 13 ต.ค. 2025, 04:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 48, 49, 50, 51, 52, 53, 54 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. หากเราใช้เพียง ขณิกะสมาธิ เพื่อพิจารณา เวทนา ที่เกิดขึ้น ทั้งร่างจะเป็นไปได้ไหมค่ะ เนื่องจากดิฉันเป็นผู้ที่มีความฟุ้งซ่านมาก รู้สึกว่า ไม่ค่อยสามารถรวมจิตมาพิจารณา เวทนา ได้ไม่นานจิตก็จะฟุ้งซ่านไป แล้วพอรู้สึกตัวค่อยกลับมาพิจารณาใหม่ หรือว่า ควรจะฝึกจน สมาธิ แน่วแน่กว่านี้ค่อยพิจารณา

2.ดิฉันมีเจตนาตั้งมั่น ในการดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อบริจาคเลือด ทุก ๆ 3 เดือน ก็ทำได้ดีมาระยะนึงแล้วค่ะ แต่ที่สงสัยคือ การบริจาคลือดเป็น อุปบารมี การทำทานชนิดนี้ ให้ผลอย่างไรค่ะ

3. จากข้อสอง การให้ทานแบบนี้ เราสามารถจะอุทิศให้ผู้อื่นได้ด้วยหรือไม่ หากผู้อื่นมาร่วมโมทนาก็จะได้กุศล ด้วยใช่หรือไม่

กราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ เป็นอย่างสูง

คำตอบ
(1) จากคำที่บอกเล่าไป เพียงขณิกสมาธิยังไม่สามารถนำมาแก้ปัญหาเวทนาที่เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นควรต้องเจริญสติจนกระทั่งจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) จึงจะมีกำลังกำหนดเวลาให้หมดไปได้

(2) การบริจาคโลหิตจัดเป็นทานอุปบารมี มีอานิสงส์ส่งผลให้ร่างกายของผู้บริจาคมีสุขภาพแข็งแรง ไม่อาพาธและมีอายุยืนยาว สามารถกำจัดกิเลสอาทิ ความตระหนี่ ให้หมดไปจากใจได้ง่ายขึ้น

(3) บุคคลสามารถให้เลือดเป็นทานกับผู้ต้องการเลือดได้ทุกคน ผู้ใดรู้แล้วอนุโมทนาในทานอุปบารมีของผู้บริจาค เขาผู้นั้นจะได้รับอานิสงส์แห่งทานนั้นด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีญาติบวชเป็นพระ ท่านได้รับสังฆทานมากมาย ถ้าท่านอนุญาตให้เรานำของสังฆทาน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ไฟฉาย เป็นต้น ให้เรานำมาใช้เป็นของส่วนตัว แบบนี้ ผู้ให้ผู้รับจะเป็นบาปหรือไม่

ขอขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์

คำตอบ
คำว่า “ สังฆทาน ” หมายถึง ทางที่ให้แก่หมู่สงฆ์หากหมู่สงฆ์อนุญาตให้ฆราวาสนำสบู่ยาสีฟันไฟฉาย ฯลฯ ไปใช้เป็นการส่วนตัวได้ ผู้รับอนุญาตไม่เป็นบาป ส่วนคำว่า “ ปุคคลิกทาน ” หมายถึง ทานที่ถวายแก่สงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ เมื่อสงฆ์เจ้าของทานอนุญาตให้ฆราวาสนำไปใช้ได้ ไม่ถือว่าเป็นบาปแก่ผู้รับอนุญาต

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ถ้าหนูหมั่นปฎิบัติธรรมด้วยการให้ทาน รักษาศีล และสวดมนต์ ทำสมาธิ อุทิศบุญให้น้องชาย พร้อมทั้งอธิฐานจิตขอให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ยาเสพติด พร้อมทั้งมีดวงตาเห็นธรรมได้ จะสามารถทำให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเลิกสร้างความเดือดร้อนให้กับ ครอบครัวได้หรือไม่ค่ะ หรือ มีการปฏิบัติธรรมแบบใด ที่จะให้
อานิตสงค์ที่สามารถช่วยเขาและครอบครัวของหนูได้ค่ะ

2. มีวิธีใดบ้างค่ะ ที่จะดึงน้องชายออกจากบาปมิตรและสถานที่อโคจร ให้เขามีสัมมาทิฐิ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป เพราะเพื่อนที่คบอยู่ตอนนี้มีแต่คนพาลที่จะชักจูงไปในทางที่ผิด ชอบชวนไปดื่มเหล้าและเที่ยวกลางคืนทั้งนั้น ไม่มีกัลยาณมิตรเลย ห้ามไม่ให้คบ ไม่ให้ไปก็ไม่ได้ค่ะ ทำอย่างไรเขาถึงจะเลิกคบคนพาล และพบเจอแต่กัลยาณมิตรค่ะ

3. มีวิธีใดบ้างค่ะ ที่จะทำให้ครอบครัวหนู โดยเฉพาะน้องชายหันมาปฏิบัติธรรม คิดดี ทำดี พูดดี ได้มีโอกาสเจริญสมาธิ วิปัสสนา ครอบครัวหนู โดยเฉพาะน้องชายกับ พ่อ แม่ของหนู มักจะทะเลาะเบาะแว้ง มีปากเสียงกันรุนแรง หนูเป็นทุกข์ใจในทุกๆวัน ไม่ทราบจะแก้ไขอย่างไรดีค่ะ

ท้ายสุดนี้ขอกราบขอบพระคุณอาจาร์ยเป็นอย่างสูง ที่มีความเมตตาช่วยชี้ทางสว่างให้กับผู้ที่มีความทุกข์ทุกคน
และขอให้บุญกุศลนี้ส่งผลให้อาจาร์ยมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

คำตอบ
(1) อธิษฐานหมายถึงการตั้งใจมั่นหรือการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวในทางดำเนินเพื่อให้ บรรลุจุดมุ่งหมายของตน ผู้ถามปัญหาสามารถอธิษฐานได้แต่จะบรรลุจุดมุ่งหมายได้ต่อเมื่อน้องชายต้อง เห็นดีด้วย แล้วพัฒนาจิตตนเองให้ทำเหตุถูกตรงเพื่อนการพ้นไปจาปัญหานั้น

(2) วิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ในทางโลก ต้องนำตัวผู้สร้างปัญหาออกห่างไกลจากบาปมิตรไปอยู่ในหมู่กัลยาณมิตร หากเป็นกัลยาณมิตรผู้มีบุญบารมีมาก โอกาสที่น้องชายเปลี่ยนใจให้มาอยู่ในทางที่ดีจึงจะมีความเป็นไปได้

(3) ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีธรรมคุ้มครองใจจนพ่อแม่และน้องชายศรัทธา ได้เมื่อใดแล้วปัญหาดังกล่าวจึงจะแก้ไขได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. สามีหนูทำงานประจำ และเริ่มมาทำอาชีพเสริมด้วยการเปิดร้านเช่าพระบูชา ซึ่งได้มาด้วยความสุจริต แต่หนูยังมีความกังวลด้วยถือว่าพระเป็นของสูง แล้วหากนำมาทำเป็นธุรกิจ อาชีพนี้ถือเป็นบาปหรือไม่คะ

2. ปัจจุบันหนูมีร่างกายที่ซูบผอม ซึ่งอาจเกิดมาจากผลกรรมที่เคยทำไม่ดีไว้ แต่ก็ยังคงทำการงานได้ตามปกติอยากให้อาจารย์ช่วยแนะแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงธาตุทั้ง 4 ในร่างกายมีความสมดุลขึ้นกว่านี้ เพียงพอกับเวลาที่เหลืออยู่ของชาตินี้ ที่จะปฏิบัติให้เกิดสติปัญญาในทางธรรมได้ตามกำลังวาสนาบารมีของตนได้อย่าง เต็มที่ โดยไม่มีอุปสรรคทางกายมาเบียดเบียน

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่มีเมตตาช่วยชี้แนวทางสว่างให้กับทุกๆคน และขอให้อาจารย์เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ


คำตอบ
(1) บาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ในการประกอบอาชีพ หากมีเจตนาเพื่อให้ตนมีศรัทธานำไปไว้เป็นที่ระลึกและบูชาคุณงามความดีของพระ พุทธะ หรือบูชาคุณงามความดีของเกจิอาจารย์ไม่ถือว่าเป็นบาป แต่หากมีเจตนารมณ์ต่างไปจากนี้เช่นบูชาในอิทธิปาฏิหาริย์ บูชาเพื่อให้ตัวเองร่ำรวย บูชาเพื่อให้ตนเองอยู่ยงคงกระพัน ฯลฯเหล่านี้ในทางธรรมถือว่าเป็นบาป

(2) ต้องทำเหตุให้ถูกตรงคือสร้างมหาทานด้วยการให้อาหารเป็นทานอยู่เสมอ เช่นสร้างโรงทาน เลี้ยงพระอย่างน้อยเจ็ดวันให้ยาว แรงกรรมจะส่งผลเป็นความสมบูรณ์แข็งแรง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตผมที่ผ่านมาไม่ใช่คนดีมาก ทำให้ต้องปวดหัวใจกับคนที่บ้าน เป็นคนกังวลมาก ขี้สงสาร ขี้กังวล สงสารคนไปหมด เลยต้องรับภาระทำงานหลายอย่าง ทำให้ชีวิตต้องเป็นแบบนี้ ผมเป็นลูกคนโต ต้องพยายามห้ามไม่ให้น้องๆ ทะเลาะกัน เพราะสงสารคุณแม่ ใจจริงผมอยากทำตัวแบบอาจารย์ สอนคน เมตตาคน แต่ตัวเองสมาธิก็ไม่ได้เรื่อง จิตใจว้าวุ่น ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทุกข์กับทางบ้านตลอด ผมอยากทราบอดีตชาติ ไปทำอะไรกับคนทางบ้าน ทำให้ผมต้องมากังวลตลอด นิสัยขี้สงสาร ไม่อยากให้มีปัญหา

กลัวคุณแม่ทุกข์ อยากได้อาจารย์เป็นกัลยมิตร หาทางส่วางผมให้หน่อยครับ คิดว่าเมตตาคนทุกข์ลำบากซะคน ต้องทนทุกข์ลักษณะแบบนี้ เป็นเวลาเป็น สิบ ๆ ปี จนบางทีไม่เข้าใจตัวเองเลยทำไมมารับภาระแบบนี้ ถ้ารู้อดีตชาติทำอะไรมา เมื่อไหร่หมด ผมยอมรับ แต่ทุกวันนี้ไม่ทราบว่าเวรกรรมจะหมดเมื่อไหร่ มันยาวนานแค่ไหน ทุกข์มากจริงๆ ครับอาจารย์ แล้วอยากให้อาจารย์ชี้แนะการปฏิบัติให้ผมด้วย เวรกรรมนี้น่ากลัวมากจริงๆ ผมขอสมัครเป็นศิษย์อาจารย์ด้วยคนครับ สงสารลูกศิษย์คนนี้อีกคนนะครับ


คำตอบ
การไปรู้กรรมในอดีตชาติไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้หมดไป ผู้เห็นถูกใช้ผลของกรรมในปัจจุบันมาเป็นครูสอนใจว่าตัวเองได้สร้างอกุศลกรรม ไว้ก่อน เมื่อกรรมส่งผลเป็นอกุศลวิบกผู้ทำกรรมจำต้องรับและชดใช้หนี้กรรมนี้ จะได้ชดใช้หนี้เวรกรรมให้หมดสิ้นกันไปในชาตินี้

ผู้มีความเห็นถูกเห็นว่าเจ้ากรรมนายเวรเป็นผู้มีพระคุณ เพราะเขาได้ทำให้เราได้สร้างขันติบารมี ทำให้เราได้สร้างสัจจบารมีและยอมใช้หนี้ที่ตัวเองได้ก่อไว้

ผู้เห็นถูกเห็นว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น ฯลฯ

สุดท้ายผู้ถามปัญหาประสงค์เป็นศิษย์ของผู้ตอบปัญหา เรื่องนี้เป็นได้ต่อเมื่อผู้ถามปัญหาต้องเห็นถูกตามธรรมมีจิตเป็นอิสระต่อ ความเห็นผิดใดๆ ได้แล้วความเป็นครูเป็นศิษย์เกิดขึ้นเมื่อนั้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งหนึ่ง หนูได้เคยมีโอกาสได้สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระ เกียรติ84พรรษาที่จ.จันทบุรี ซึ่งท่านอาจารย์ก็ได้เมตตาชี้แนะและตอบข้อสงสัยให้หนู แต่ครั้งนั้นด้วยความปิติดีใจที่ได้สนทนากับท่านอาจารย์จึงลืมที่จะขอ อโหสิกรรมกับท่านอาจารย์ เนื่องด้วยหนูเคยรู้สึกสงสัยในบางคำตอบของท่านอาจารย์ที่เคยมีผู้ถาม แต่ก็รู้ว่าเพราะตัวเองยังพัฒนาจิตของตนได้ไม่ดีพอที่จะพิสูจน์ในสิ่งที่ ท่านอาจารย์ได้ตอบเอง (เป็นคนมีความเพียรน้อยเองค่ะ) หนูจึงกราบขออโหสิกรรมในกาย วาจา ใจ ที่เคยล่วงเกินต่อท่านอาจารย์ด้วยนะคะ

ในวิปัสสนากรรมฐานที่หนูปฏิบัติอยู่ หนูเน้นการดูจิตค่ะ แต่สังเกตว่าถ้าไม่มีสมาธิพอจะดูจิตไม่ทัน

ที่หนูสงสัยและต้องรบกวนถามท่านอาจารย์คือ

1.ที่หนูทราบคือสมาธิมีหลายระดับ แต่ไม่ใช่ทุกคนใช่ไหมค่ะที่สามารถเข้าถึงระดับฌาน ได้แม้จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แต่ถ้าหนูไม่สามารถเข้าสมาธิถึงฌานได้หมายความว่าหนูไม่เคยทำมาก่อนใน อดีตชาติหรือเพราะยังเพียรไม่พอหรือทั้งสองอย่างคะ และจริงๆแล้วจำเป็นหรือเปล่าคะที่หนูต้องเข้าสมาธิถึงระดับฌานได้ และมีความเป็นไปได้แค่ไหนคะ สุดท้ายถ้าหนูอยากเข้าฌานเพื่อพิสูจน์ด้วยตนเองจะไม่ถือเป็นวิปัสสนูปกิเลส หรือคะ

2.ช่วงนี้ หนูมักจะวางอุเบกขาไม่ได้กับเหตุการณ์บ้านเมืองที่มีนักการเมืองไม่ดี ชาวบ้านลำบากทั้งที่ท่านอาจารย์ก็เคยชี้แนะแล้วว่าผู้รู้ต้องพัฒนาจิตตนก่อน ไม่ควรเข้าไปยุ่งในกรรมของคนอื่น แต่หนูก็บริจาคเงิน+ยา ช่วยผู้ชุมนุมอยู่บ่อยๆเพราะสงสารที่ต้องไปตากแดดตากฝนกลางถนนและลึกๆคือ เกลียดคนโกงค่ะ พี่ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกันก็เช่นกัน แต่ตอนนี้หนูเริ่มรู้สึกกลัวว่าเผื่อชาติหน้าหากต้องมาเกิด(แต่จริงๆไม่อยาก เกิดแล้วค่ะ) ต้องมาเจอพวกคนโกงอีกก็เลยบอกพี่ๆและแฟนว่าเราอย่าไปบริจาคช่วยเขาสร้างเวร กรรมกันอีกเลย รอกฏแห่งกรรมลงโทษเองดีกว่า แล้วที่หนูและพี่ๆทำบุญบริจาคไปแล้วจะแก้อย่างไรดีคะ สุดท้ายทางโลกเราต้องวาง เลือกทางธรรมอย่างเดียงแม้จะห่วงอนาคตประเทศชาติใช่ไหมคะ

อยากให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะค่ะ เพราะหนูตั้งใจว่าจะขออนุญาตนำคำตอบของท่านอาจาย์ไปเผยแผ่และอ้างอิงกับญาติ ธรรมทั้งหลายค่ะ



คำตอบ
ให้อโหสิแล้ว ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง มิใช่พัฒนาจิตให้เกิดความตั้งมั่นเป็นสมาธิในฌาน การพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งไม่จำเป็นต้องพัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็น ฌาน คนที่เกิดมาในยุคสมัยนี้ จำเป็นต้องพัฒนาจิตให้เกิดสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ให้ได้ก่อน แล้วปัญญาเห็นแจ้งจึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้

(1) อยากเข้าฌานได้ไม่ใช่วิปัสสนูปกิเลส แต่เป็นกิเลสตัวที่เรียกว่า ตัณหา ผู้ใดมีจิตอยู่ใต้อำนาจความอยาก (ตัณหา) ฌานและญาณจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

(2) ผู้ใดเอาจิตเข้าไปร่วนกระบนกรรมของคนอื่น เมื่อกรรมให้ผลเป็นวิบาก ผู้ร่วมกระบวนกรรมต้องเป็นผู้รับวิบากนั้น ด้วยเหตุนี้ผู้รู้จึงไม่เข้าไปร่วมในกระบวนกรรมของใครผู้ใด แต่ผู้รู้เอาการกระทำของคนอื่นมาเป็นครูสอนใจตนเองว่าหากเขาทำดีเราจะทำ อย่างเขา และหากเขาทำไม่ดีเราจะไม่ทำเช่นเขา

สิ่งที่ผู้ถามปัญหาเคยร่วมกระบวนกรรมกับเขาไปแล้วถือ ว่าบาปได้เกิดขึ้นและถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณแล้ว หากประสงค์จะไม่ให้บาปประเภทนี้มีกำลังกล้าแข็งมากยิ่งขึ้น ต้องหยุดตัวเองไม่เข้าไปร่วมกระบวนกรรมใด ๆ กับเขา แล้วหันมาพัฒนาจิตตนเองให้เป็นอิสระต่อสิ่งกระทบทั้งปวงได้ นับว่าเป็นสิ่งดีที่ควรทำ และหากจะให้ดียิ่งขึ้นต้องพัฒนาจิตตนเองให้เป็นอิสระจากสังโยชน์ 10 ได้แล้วนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่มนุษย์ เทวดา พรหม ผู้หวังอิสรภาพของชีวิตได้ยึดถือปฏิบัติกัน

สุดท้ายอนุญาตให้นำคำตอบไปเผยแพร่อ้างอิงกับญาติธรรม ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูได้สวดพระคาถาชินบัญชรได้ประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ หลังจากสวดมนต์เสร็จก็แผ่เมตตาและสวดอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่และเจ้ากรรมนาย เวร หนูเพิ่งทำบุญทำทาน สนใจเรื่องธรรมะเมื่อต้นปีค่ะ ทุกสิ้นเดือนก็จะบริจาคเงินที่รพ.สงฆ์หรือบริจาคเงินซื้อโลงศพที่มูลนิธิ ร่วมกตัญญูข้างวัดหัวลำโพง แต่จะเขียนชื่อพ่อแม่เสมอค่ะ

แต่เมื่อเช้านี้หนูได้อ่านหนังสือพัฒนาจิตของอาจารย์ค่ะ แล้วรู้สึกง่วงก็เลยนอนแล้วก็ฝันเรื่องที่กังวลอยู่(ไม่ใช่เรื่องที่อ่าน ค่ะ) หลังจากนั้นก็หลับโดยไม่ฝัน สักพักก็เกิดเป็นแสงสว่างไปทั่วแล้วเริ่มมีลูกกลมๆสีเหลืองอมน้ำตาลเป็นภาพ มัวๆจึงเข้าใจไปว่าเป็นลูกแก้วที่เวลาคนนั่งสมาธิแล้วเห็นกัน แต่เกิดความสงสัยว่าใช่หรือไม่ เพราะไม่ค่อยได้นั่งสมาธิ แล้วหนูก็รู้สึกเหมือนจิตดิ่งลงไป แล้วภาพที่เห็นก็ชัดขึ้นปรากฏเป็นรูปดวงตาค่ะ พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมาว่า อะไรเนี่ย ทันทีทีเกิดคำถามขึ้นในใจหนูก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงสวดมนต์ขึ้นที่หู ซ้ายแต่ไม่รู้ว่าเป็นสวดมนต์บทไหน จึงนึกขึ้นว่า ไม่ได้แล้วต้องรีบตื่น เพราะรู้สึกว่าหนูยังไม่ได้ฝึกการนั่งสมาธิที่ถูกต้องเลย จึงคิดว่าไม่ควรเห็นหรือได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น จึงตื่นแต่ค่อยๆลืมตาเพราะรู้สึกว่าหนักตัว ขยับตาและตัวลำบากค่ะ

จึงอยากถามว่า เหตุการณ์ที่หนูได้เจอมันคืออะไรคะ หนูควรจะไปฝึกสมาธิเลยหรือไม่ (ตอนนี้ยังเรียนไม่จบค่ะ) ขอให้ช่วยแนะนำสถานที่สำหรับคนที่ไม่รู้วิธีนั่งสมาธิด้วยค่ะ (หนูพักแถวพาต้าปิ่นเกล้าค่ะ)

ท้ายนี้ หนูขออนุโมทนาบุญที่ท่านอาจารย์ที่มีเมตตาช่วยตอบคำถามคลายข้อสงสัยของ สมาชิกกัลยาณธรรมทุกท่านด้วยค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นภาพลวงใจ เกิดกับจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิชั่วขณะ หากนำตัวเองเข้ารับการฝึกปฏิบัติธรรมจะทำให้จิตมีกำลังของสมาธิเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความจำดีขึ้น เรียนเก่งขึ้น สถานที่ฝึกที่อยู่ไม่ไกลจากพาต้าปิ่นเกล้า แนะนำให้ไปฝึกที่ยุวพุทธิกสมาคม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีข้อสงสัยคือ ผมได้ไปปฎิบัติธรรม ที่วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี โดยทางวัดจะให้ผู้ปฏิบัติรับศิล 8 ขณะรับศิลผมคิดว่าจะขอปฏิบัติแค่ศิล 5 เท่านั้น เพราะตัวผมมีกลิ่นตัว จึงใช้น้ำยาระงับกลิ่นกาย ขณะใช้ก็ไม่คิดว่าเป็นของหอม เพราะต้องการแค่มิให้กลิ่นตัวของเราไปทำลายสมาธิของผู้อื่น ไม่ทราบว่า จะมีผลอย่างไร


คำตอบ
มีเจตนารับเพียงศีล 5 มาปฏิบัติ ให้กล่าววาจาสมาทานศีลเพียงห้าข้อแรกก็มิได้ผิดอะไร ส่วนเรื่องยาระงับกลิ่นกายหากผู้ถามปัญหาประสงค์ไม่ให้กลิ่นเข้าไปรบกวน ประสาทของผู้ปฏิบัติธรรมอื่น ๆ ควรเลือกให้สารที่ไม่ส่งกลิ่นรุนแรงเช่น คนโบราณนิยามใช้สารส้มแก้ปัญหาแบบเดียวกันนี้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ปัจจุบันการดำเนินชีวิตนั้นค่อนข้างจะมีความสับสนมาก เพราะจะยึดถือการดำเนินชีวิตโดยดูจากคนรอบข้าง ซึ่งคนรอบๆข้างส่วนใหญ่ก็จะเดินไปตามกระแสกิเลสตัณหา ถึงแม้เราไม่ได้ ใกล้ชิดกับคนกลุ่มนั้นมากแต่ด้วยได้ดูได้เห็น มันก็เก็บมา คิดโดยอัตโนมัติ จึงหาแบบอย่างการดำเนินชีวิตของคนปัจจุบันนั้นยากผมคิดแบบนี้ถูกมั้ยครับ

2.ผมได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองคือจะพยายามห่างคนพาล( เพื่อน,ญาติ ที่มีพฤติกรรมเป็นคนพาล)ให้มากที่สุด และพยายามเลือกสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อที่จะทำให้เราเป็นคนคิดดี ทำดี พูดดี
การกระทำของผมไม่ได้เป็นการหนีปัญหาใช่มั้ยครับ ผมทำเพื่อระวังใจตัวเองไม่ให้ไหลไปกับความชั่ว

3.ในใจผมยังมีคำปรามาส ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่( พระรัตนตรัย พระอริยะเจ้า) ผู้มีคุณทั้งหลาย ทั้งๆที่ใจไม่ได้ยินดีกับคำปรามาสที่อยู่ในหัวเลยเป็นแค่คำๆที่เหมือนห้าม จิตคิดก็ยิ่งยุให้คิด
ทุกครั้งจะกล่าวขออภัยทุกครั้งในใจ ผมจึงพยายามนั่งสมาธิ อบายมุขต่างๆก็ลด ละ เลิก ให้พยายามคิดแต่สิ่งดีๆ ทุกอย่าง ผมสังเกตตัวเองเลยว่า เพราะมีสิ่งไม่ดีในใจมากเราจึง คิดพูดทำแต่สิ่งไม่ดี แบบนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ การที่เราพยายามคิดดี ทำดี พูดดี ให้ฝังในจิตใจบ่อยจะทำให้ของเก่าที่ไม่ดีในใจหมดไป ใช่มั้ยครับ

4.ทำไมพอเราเริ่มจะหันมา คิดดี ทำดี พูด ดี แล้วมักจะหมดกำลังใจยังไงไม่รู้ครับเพราะใจมันมักจะยังมีสิ่งไม่ดีในใจยัง อยู่เสมอเลยครับ แต่ก็ฝืนความรู้สึกไปในทางที่ดีเสมอ

5.จะทำอย่างไรให้การ คิดดี ทำดี พูดดี ให้สามารถมีอยู่ในใจทุกขณะตื่นแม้เจออุปสรรคก็ไม่ท้อแท้

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ที่ชี้ทางสว่างให้ครับ

คำตอบ
สาธุ...สัมมาทิฏฐิบางเรื่องได้เกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา

(1) เป็นความคิดถูกของผู้ถามปัญหา ผู้รู้คิดวาแบบอย่างการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เขาเหล่านั้นล้วนเป็นครูสอนใจไม่ให้เราประพฤติตามแนบที่เขาได้ทำให้ดู ชีวิตของเราจะไม่สับสนอย่างเขา

(2) สำหรับผู้ที่มีสติสัมปชัญญะไม่กล้าแข็งการจะไม่เสวนากับคนพาลเป็นสิ่งที่ควร ทำ แต่ในทางธรรมสอนให้เรารู้ว่าบุคคลไม่สามารถหนีใจตัวเองได้พ้น ดังนั้นเขาจะไม่ปลีกตัวออกห่างจากคนพาล แต่จะพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้มีกำลังสติปัญญากล้าแข็งแล้วอยู่ร่วมกับ สิ่งกระทบที่ไม่ดีเหล่านั้นได้ โดยจิตไม่รับเอาสิ่งกระทบไม่ดีเข้ามาปรุงให้เกิดเป็นอารมณ์ติดลบ นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาของผู้รู้เขาแก้ปัญหาที่ตัวของเขาเอง ผู้รู้จึงไม่หนีปัญญาด้วยการนำตัวออกห่างจากคนพาล

(3) คนดีทำดีได้ง่ายทำชั่วได้ยาก คนชั่วทำชั่วได้ง่ายทำดีได้ยาก บุคคลทำกรรมได้สามทาง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ความคิดเป็นเรื่องของมโนกรรม ผู้ใดประสงค์มีจิตคิดเป็นกุศล ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง แล้วนำสติมาเป็นตัวหยุดความคิดชั่ว นำสติมาเป็นตัวทำให้เกิดความคิดดีให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ

สุดท้าย แม้ทุกพฤติกรรมที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่ล้วนแต่เป็นกุศลกรรมก็มิได้หมายความว่า อกุศลกรรมเก่าที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณจะหมดไปแต่กุศลกรรมใหม่ไปทำให้อกุศลกรรม เก่าเจือจางลง

(4) ผู้รู้นิยมเจริญความเพียร ๔ อย่างให้เกิดขึ้นอยู่เสมอด้วยการ
- เพียรระวังบาปอกุศลที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น
- เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป (ใช้ไตรลักษณ์เป็นเครื่องมือ)
- เพียรทำกุศลใด ๆ ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
- เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ให้คงอยู่

หากผู้ถามปัญหาเชื่อแล้วทำตามที่ผู้รู้เสนอแนะ จนสามารถเอาชนะใจตนเองได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาดังที่ถามจะหมดไป

(5) ผู้ใดพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติจนเป็น “ มหาสติ ” และพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นถูกตรงตามที่เป็นจริง จนเป็น “ มหาปัญญา ” ได้แล้วจิตจะไม่เป็นเช่นกระโถน รองรับกิเลสทั้งปวง (ขยะ) เข้ามาปรุงแต่งใจให้เกิดเป็นความเศร้าหมองได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีอยู่ช่วงหนึ่งผมฝึกสติ แต่ก็ไม่ได้เอาจริงมาก แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าความจำผมไม่ดี จำอะไรไม่ค่อยได้ ที่เคยจำได้ก็ลืมแบบดื้อเลยครับ แม้แต่ไอที่ไม่น่าลืมก็ลืมในบางส่วน แต่ช่วงนั้นผมฝึกประมานว่าไม่เอาอะไรใส่สมองเลย เห็นอะไรแล้วก็ไม่ใส่ใจ ให้มันผ่านๆไป ไม่เก็บมาคิด อย่างเมื่อก่อนผมอ่านหนังสือธรรมะมาก จำได้เยอะสามารถอธิบายเพื่อนได้ แต่ตอนนี้ผมจำที่อ่านได้แค่บางส่วนเท่านั้น บางทีต้องใช้เวลานึกอยู่นานมาก

1.อยากถามว่าอาจเป็นเพราะผมฝึกสติหรือป่าวครับ เพราะการไม่ใช้ฝึกใช้สมอง ไม่ใช้เชื่อมโยงข้อมูล เลยทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้
2.หรือมีทางเป็นไปได้ไหมครับที่ผมไปลบหลู่ครูบาอาจารย์ เลยทำให้จำอะไรไม่ได้ (นี้เคยไปอ่านเจอมานะครับ)
3.แล้วมีวิธีแก้หรือป่าวครับ หรือวิธีฝึกจำ เพราะใครก็บอกว่าฝึกสติจะทำให้เราเห็นอะไรชัด จึงทำให้จำได้ดี

ขอบพระคุณอาจารย์มากนะครับ

คำตอบ
(1) จากงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศพบว่าผู้ฝึกสติ ภาวนาแบบ T.M.** จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้วมีผลทำให้ความถี่ของคลื่นสมองเปลี่ยนจากความ ถี่ช่วงคลื่นยาวมาอยู่ในความถี่ช่วงคลื่นสั้น ซึ่งส่งผลให้ความจำของสมองเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ฉะนั้นที่ถามไปจึงมิใช่เหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมเว้นไว้แต่ว่าโครงสร้างของ สมองเสื่อมจากการทำหน้าที่ด้วยมีเหตุอื่นที่ให้เสื่อม เช่นการดื่มสุรา การมีจิตเป็นทาสของอารมณ์หลากหลายเหตุเกิดจากความชราของเซลล์สมอง

(2) คำถามในข้อนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความจำเสื่อมได้

(3) ผู้รู้กล่าวว่า “ สรรพสิ่งเกิดขึ้นย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิดเมื่อเหตุดับสิ่งนั้นย่อมดับไปด้วย ” ฉะนั้นประสงค์จะแก้ปัญหานี้ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ พระธุดงค์ที่เจริญมนต์ด้วยการทำวัตรเช้า-เย็นอยู่เป็นปกติ แม้อายุจะล่วงเข้าปีที่ 104 แล้วความจำยังไม่หลงลืม ดังนั้นเหตุที่พูดถึงในข้อ(1) จึงมิใช่ตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาความจำเสื่อม แต่หากปัญหามาจากเหตุในข้อ (2) ผู้มีปัญหาต้องไปขอขมากรรมกับผู้ที่มีคุณธรรมสูงที่ตัวเองไปลบหลู่แล้วต้อง ไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก ปัญหาจึงจะหมดไปได้

**
ประเทศทางตะวันตกในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีประชาชนหนุ่มสาว นักศึกษาหันมาฝึกสมาธิกันมากเป็นพิเศษ และสมาธิที่เขาฝึกกันมาก ก็คือ TRANSCENDENTAL MEDITATION หรือที่เรียกโดยย่อว่า T.M. ซึ่งมหาฦาษีมเหศจากอินเดีย ได้นำเข้าไปเผยแผ่ไว้ในสหรัฐ เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว ต้องเสียเงินค่าเล่าเรียน ขณะนี้มีศูนย์ฝึก T.M. อยู่ทั่วโลกประมาณ 360 แห่ง แม้ประเทศไทยเราก็มีศูนย์ T.M. เช่นกัน เพราะมีนักศึกษาไทยที่เข้าไปเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกานำเข้าเผยแผ่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขาได้รับผลดีจากการฝึก T.M. มาแล้ว

สมาธิแบบ T.M. นี้ ก็คล้ายกับสมาธิในพระพุทธศาสนามาก แต่ก็ไม่เหมือนกันทีเดียว ถ้าเทียบกันแล้วก็เป็นสมาธิขั้นต้นในพระพุทธศาสนา ถ้าเราได้ฝึกกันอย่างจริงจังและใช้เวลาฝึกกันติดต่อกันเป็นปีๆ เช่นนี้ ก็ย่อมได้รับผลเช่นกัน และมีผลเหนือกว่าด้วย เพราะเป็นสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงทดสอบได้ผลเป็นอย่างดีมาแล้ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากที่ดิฉันคิดว่าตัวเองคงไม่ได้ไปฟังบรรยายธรรมที่ธรรมศาตร์แน่แล้ว เพราะดิฉันติดอบรมวันที่ 1-5 กรกฎาคม และยังไม่ได้บัตรมีสิทธิ์เข้าฟัง แต่ปรากฎว่าในวันที่ 30 มิถุนายน ดิฉันได้ทราบว่าเลื่อนวันอบรมจากวันที่ 5 เป็นวันที่ 28 และอีกไม่กี่นาทีดิฉันได้รับบัตรเข้าฟังคำบรรยายธรรม ทำให้ดิฉันคิดว่าดิฉันโชคดีมากๆ เพราะดิฉันอยู่ภาคใต้โอกาสไปกรุงเทพนั้นแสนยาก ตอนที่เข้าฟังบรรยายได้เข้าไปฟังในห้องประชุมเล็ก ไม่สามารถเห็นอาจารย์ได้จริงๆ ก็ยังคิดว่าไม่เป็นไรได้ฟังสดๆก็เป็นบุญแล้ว หลังจากนั้นตอนบ่ายท่านอาจารย์ก็เข้ามาห้องประชุมเล็ก ดิฉันกล้าเข้าไปกราบสวัสดีท่านเพราะดิฉันมาคนเดียว เกิดความประหม่า แต่ในใจก็ปลื้มปิติยินดีที่ได้โอกาสเจออาจรย์จริงๆสักที จึงใคร่เรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. มันเป็นเหตุบังเอิญหรือเพราะแรงอธิษฐานของดิฉันที่ขอให้ได้พบอาจารย์และเข้า ร่วมฟังบรรยายธรรม
2. ถ้าเราเผลอผิดศีลที่ไม่ร้ายแรงบ้างเช่น โกหกเพราะความจำเป็นหรือตัดความรำคาญบ้างจะถือว่าไม่รักษาศีลหรือเปล่า แต่ดิฉันพยายามจะมีศีลคุมใจเหมือนอย่างอาจารย์ได้กล่าวไว้ เพราะกลัวจะไม่บรรลุตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
3. ถ้าเราแต่งงานกับคนต่างศาสนา โดยเราไม่เปลี่ยนศาสนา และเขาก็ไม่กีดกันหรือห้ามเรา แต่เขาก็ยึดมั่นในศาสนาเขาเช่นกัน จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุธรรมของดิฉันไหมค่ะ

ขอขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ค่ะ


คำตอบ
(1) พุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้รู้จึงไม่มีคำว่าบังเอิญทุกสิ่งเกิดขึ้นย่อมมีเหตุ ที่ทำให้เกิดเมื่อใดบุคคลมีบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ แล้วบุญให้ผลสิ่งที่บอกเล่าไปจึงได้เกิดขึ้นตามแรงปรารถนา (อธิษฐาน) ที่ผู้มีบุญตั้งไว้

(2) ยังถือว่าเป็นรักษาศีล แต่รักษาไว้ไม่อยู่ ด้วยเหตุที่มีกำลังของสติอ่อนกว่า แรงผลักดันของกรรมที่มีกำลังเหนือกว่าในช่วงที่จิตขาดสติคุม ฉะนั้นประสงค์ไม่ให้ขาดศีล ต้องเจริญสติภาวนาอยู่เสมอ

(3) หากบุคคลทั้งสองที่เข้ามาอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน มีสติคุมไม่ก้าวล่วงในสิทธิส่วนตัว (ความเชื่อ) ของบุคคลผู้อยู่ร่วม ปฏิบัติธรรมจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สนองเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้ดิฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่เหมือนได้เกิดใหม่บนโลกอีกครั้ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติ ที่ รู้และเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นทุกขณะจิต ขณะนี้ดิฉันมีปรากฏการณ์ของชีวิต ที่คิดว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ช่วยพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ที่มีสติอยู่ทุกข์ขณะคือ ดิฉันตรวจพบเนื้องอกที่มดลูกขนาดใหญ่ ถึง 2 ลูก แต่ดิฉันกลับไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดเลยรู้สึกเฉยๆ กับอาการที่ตรวจพบ แต่กลับรู้สึกว่าถึงเวลานะที่เราต้องเร่งปฏิบัติแล้ว และต้องเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต

ทั้งนี้ดิฉันขอกราบเรียนขอคำปรึกษาและกำลังใจจากท่านอาจารย์ สนอง ในเรื่องธรรมะสำหรับคนป่วย เช่นการกำหนดจิตขณะปวดเพื่อช่วยให้อาการปวดลดลง หรือ การกำหนดจิตให้สงบก่อนการเข้าผ่าตัด และการกำหนดจิตเมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตที่ต้อจากโลกนี้ไป อย่างสงบ

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ดร. สนอง เป็นอย่างสูง

คำตอบ
สาธุ..คุณทำได้ จงทำดีต่อไปด้วยการแสวงเอาธรรมะมาคุ้มครองใจ เพื่อจะได้ก้าวข้ามปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าอย่างสง่างามด้วยทำจิต ภาวนาจนมีกำลังของสติกล้าแข็งได้แล้วเป็นสิ่งที่ควรทำ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากการที่อาตมาได้อ่านหนังสือและฟังการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ เห็นท่านอาจารย์ได้พูดถึงการที่ท่านอาจารย์เมื่อปฏิบัติธรรมไปแล้ว สามารถเห็นผี เห็นเทวดาได้.....ว่าเป็นความจริง แต่ในคิริมานนทสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า "ดูกรอานนท์ คฤหัสถ์ ก็ดี นักบวชก็ดี มากล่าวว่าตัวรู้ตัวเห็นและได้พูดจากับด้วยผี ดังนี้ ก็พึงให้รู้ว่าคนจำพวกนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของเราตถาคต เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ไม่ควรเชื่อถือเอาเป็นครูบาจารย์ เพราะเขาเป็นคนเจ้าเลห์เจ้าอุบายเจ้ากลเท่านั้น ที่มีความรู้จริงเห็นจริงพูดจาสนทนากับผีได้มีแต่ พระพุทธเจ้ากับ พระอรหันต์ เท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้จริงเห็นจริง เป็นคนอุตริทั้งนั้น".......

จากข้อความนี้ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ถ้าท่านอาจารย์เห็นจริง ๆ ตามที่ว่านั้น ท่านอาจารย์ก็เป็นพระอรหันต์นะสิ แล้วทำไมท่านอาจารย์ไม่บวช เพราะพระอรหันต์จะอยู่ในเพศคฤหัสถ์ไม่เกิน 7 วัน ต้องปรินิพพาน......

อยากให้ท่านอาจารย์ตอบข้อสงสัยของอาตมาด้วย เพื่อให้อาตมากระจ่างแจ้งในสิ่งที่ต้องการรู้เพื่อคลายความสงสัย หากมีอะไรล่วงเกินผิดพลาดไปก็ขออภัยและอโหสิกรรมไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย



คำตอบ
ก่อนตอบปัญหานี้ ต้องกล่าวขอบคุณพระพุทธเจ้า ในฐานะครูผู้ทำให้ปัญญาบารมีได้เกิดขึ้นกับผู้ตอบปัญหา ในกาลามสูตรข้อที่ว่า อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์เช่นคิริมานนทสูตรนั้นเป็นสิ่งที่ พระพุทธะตรัสไว้ชอบด้วยธรรมแล้ว ซึ่งผู้ตอบปัญหาได้ประพฤติตามคือไม่เชื่อว่าเทวดามีจริงเพราะตัวเองไม่ สามารถสัมผัสได้จึงได้พิสูจน์ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม สมถกรรมฐานได้เพียง 7 วัน สามารถพิสูจน์จิตให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาณ (อัปปนาสมาธิ) ได้ต่อมาในวันที่ 10 จึงได้ไปเห็นเทวดาว่ามีอยู่จริง ฉะนั้นคฤหัสถ์หรือนักบวชอยู่ใดที่ยังมีสภาวะของจิตเป็นปุถุชนอยู่แต่สามารถ พัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็นฌานได้ โลกิยาอภิญญาที่เรียกว่าตาทิพย์ (ทิพพจักขุ) ย่อมเกิดขึ้นกับจิตของผู้เป็นปุถุชนนั่นแล้ว ส่วนคฤหัสถ์หรือนักบวชผู้ใดที่ไม่สามารถพัฒนาจิตจนเข้าถึงความเป็นฌานได้ รวมถึงพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกก็ไม่สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้เว้นไว้แต่ว่า อมนุษย์เหล่านั้น จะเนรมิตอยู่ในรูปกายหลายให้ตาเนื้อตาหนัง สามารถมองเห็นได้เข้าจึงจะมีสิทธิ์เห็นผีเห็นเทวดาได้

สุดท้ายผู้ตอบปัญหาพูดว่า ไม่มีกรรมใดที่เกิดขึ้นจากการถามปัญหาไม่เป็นโทษต่อกันและกัน นั่นคือยุติไม่เอาโทษ (อโหสิ)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้หนูอายุ 20 ปี เป็นคนจิตใจรวนเร เรียนไม่ค่อยเก่ง พูดไม่ค่อยเป็นขี้หลงลืมง่ายไม่ค่อยจริงจังกับชีวิต แต่บังเอิญได้ทำงานดีในสำนักงานแห่งหนึ่งตำแหน่ง บัญชี รู้สึกว่ายากและเกินความสามารถของตัวอง ขณะที่ทำงานอยู่นั้นมักใจลอย ตาลอย ซึมเซา หาวและง่วงนอนมากตลอดและมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ทำงานได้ 3 เดือนครึ่ง ได้ยื่นใบลาออกแล้วค่ะ และเป็นคนขี้เกียจไม่อยากทำงานเลยค่ะ เพราะรู้สึกเบื่อต่อสิ่งที่ไม่ดี ไม่ชอบค่อยชอบทำงานบ้านพี่เขาทักว่าเหมือนคิดอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา หนูพยายามจะทำให้หายง่วงและฝืนตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่หายจนกว่าจะถึงเวลาเย็นควรแก้ยังไร และจะทำอย่างไรให้ชีวิตหนูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้คะ ขอรบกวน อาจารย์โปรดช่วยแนะนำด้วยนะคะ

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
จิตที่มีอารมณ์มาก อารมณ์หลากหลาย ให้พลังงานของร่างกายลดลง แล้วความขี้เกียจจะเพิ่มขึ้นประสงค์แก้ปัญหานี้ต้องลดอารมณ์ด้วยการเจริญสติ ให้มีกำลัง ด้วยการสวดมนต์แล้วต่อด้วยอานาปานสติก่อนนอนเมื่อกำลังของสติกล้าแข็งแล้ว ปัญหาก็จะหมดไปได้เองในที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2010, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูบุญน้อยเพิ่งมาพบทางสายเอกที่ทำให้ทุกข์น้อยลง เอาเมื่ออายุเข้าไปเกือบจะ 50 แล้ว มัวแต่ทำมาหากิน สร้างหลักฐานทางโลก คิดแค่เพียงว่า เราเป็นคนดี ขยัน ทำมาหากินเก่ง เลี้ยงลูกได้อย่างดี ดูแลและส่งเสริมสามีเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นความทุกข์ใจที่คนใกล้ตัวสร้างให้ได้ แต่หนูได้ click คำของอาจารย์ที่ว่า "ต้องยอมให้เจ้ากรรมนายเวรเขาเอาคืนให้หมดในชาตินี้" เหมือนตอนที่อาจารย์โดนแมวข่วนขา ตอนอาจารย์บวช

ทุกวันนี้หนูยึดคำว่า " ต้องยอม" ไว้เป็นคาถาดับทุกข์ หนูไม่ปริปากพูดตำหนิอะไรเลย ได้แต่นึกไว้เสมอว่า " เราโชคดีที่ได้มีโอกาสชดใช้เขาในชาตินี้ ให้มันหมดๆกับไป"

แต่บางที คำว่า "ต้องยอม" ของเราจะทำให้เขาและคนอื่นๆมองว่าเรา "โง่" หรือเปล่าค่ะอาจารย์ หนูจะใช้คาถาอะไรสะกดคำว่า "โง่" ดีคะอาจารย์

หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูง ที่อาจาย์ได้กรุณาสร้างทางสายเอกเพื่อให้หนูและผู้คนมากมายได้เดินออกจาก ความทุกข์ค่ะ

คำตอบ
สัมมาทิฏฐิได้เกิดขึ้นแล้วกับผู้ถามปัญหา ที่เห็นว่าตัวเองเป็นผู้มีโชคดี “ เราโชคดี ที่ได้มีโอกาสชดใช้เขาในชาตินี้ให้มันหมด ๆ กันไป ” สาธุ..

อนึ่งใครจะมองว่าเราโง่ นั่นแหละคือความโง่ของเขาที่จะต้องมะงุมมะงาหรา นำพาชีวิตเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสารอีกยาวนานไม่มีวันจบซึ่งไม่ต่าง ไปจากคนตาบอดหลงทางอยู่กลางป่าใหญ่หาทางออกไม่เจอนั่นเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 48, 49, 50, 51, 52, 53, 54 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร