ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=22407 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 25 พ.ค. 2009, 16:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว |
ดังนั้น เมตตานั้นคือธรรมะเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ เมื่อเจริญเมตตาเต็มที่แล้ก็จะได้เมตตาเจโตวิมุติ คือสามารถ เพิกขอบเขตของจิตได้ และมีความสุขยิ่งใหญ่มาก แต่ความสุข นี้ยังไม่ถาวร และถ้าติดอยู่ในเมตตา ปัญญาจะไม่สมบูรณ์ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมตตาเจโตวิมุติอันบุคคล เจริญแล้วได้อย่างไร มีอะไรเป็นคติ มีอะไรเป็นอย่างยิ่ง มีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็นที่สุด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเมตตา เจโตวิมุตติว่า มีสุภวิโมกข์ (เห็นอะไรดีงาม สวยงามไปหมด) เป็นอย่างยิ่ง เพราะภิกษุยังไม่แทงตลอดวิมุติอันยิ่งยวดในธรรมวินัย ปัญญาของ เธอจึงยังเป็นโลกีย์" ดังนั้น จึงควรพักเมตตาด้วยกรุณา กรองด้วยมุทิตา กลั่นด้วยอุเบกขา แล้วแผ่จิตผสานสัมพันธ์กับธรรมชาติ จึงจะเข้าใจธรรมชาติและมนุษย์ ได้อย่างลึกซึ้ง กว้างขวาง ครอบคลุม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ที่สุดแห่งอมตภาพ ยังต้องชำระจิตให้บริสุทธิ์จึงจะมั่นคงนิรันดร การชำระจิตให้หมดจดมั่นคง ความบริสุทธิ์นั้นคือ ที่สุดแห่งวิวัฒนาการของทุกสิ่ง จิตใจของ ทุกคนเมื่อพัฒนาถึงที่สุดก็ย่อมเข้าสู่ความบริสุทธิ์ สิ่งใดก็ตามเมื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์แล้วย่อมสิ้นสุดพัฒนาการ เพราะไม่มีอะไรให้ พัฒนาต่อไปอีกแล้ว จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีก เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะอมตะนิรันดร ความสุขอันบริสุทธิ์จึง เป็นความสุขสถาพร อันประมาณมิได้ และนี่คือความต้องการสูงสุดของทุกชีวิต บุคคลสามารถชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ได้ด้วยกุศโลบายรวบยอดทั้งสองขั้นตอนคือ ๑) อยู่เหนือความรัก ๒) ชำระจิตจากการยึดถือในสิ่งทั้งปวง การอยู่เหนือความรัก ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ที่สุดของความรักนั้น คือ เมตตา แต่เมตตาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นบนหนทางแห่งความบริสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้น แม้เมตตาจะให้ความสุขยิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องปล่อยวาง พัฒนาจิตใจ ต่อไปโดยลำดับ เพื่อเข้าสู่อุเบกขา เมื่อเรามีเมตตาอยู่ นั้น หากติดสุขในเมตตา ไม่ยอมพัฒนาต่อ ก็จะติดสุข ติดดี เหมือนเรายึดโปรตอน (ประจุบวก) อยู่เป็นภาวะของตน และโดยธรรมชาตินั้น เมื่อมีโปรตอนอยู่ที่ใด อิเลคตรอนอันเป็นประจุลบ จะมาจับเกาะทันที ดังนั้นถ้าติดดีจะมีความ ชั่วมาเกาะอาศัย เมตตานั้นแม้ปลอดภัย ระดับหนึ่ง แต่จะยังไม่ปลอดภัยที่สุด เพราะยังเป็นที่อาศัยของความชั่วได้ ดังนั้นต้องพัฒนาเข้าสู่อุเบกขาให้ได้ เมื่อพัฒนาอุเบกขาแล้ว เหมือนจิตใจที่เป็นนิวตรอน ว่างไม่มีประจุโดยตัวเอง แต่โดยธรรมชาตินั้นโปรตอนจะมาอยู่กับนิวตรอน โดยมีอิเลคตรอนอยู่ ด้านนอก ดังนั้นในความว่างและเป็นกลางนั้นจะมีความดีสถิตย์อยู่ โดยมีความ ชั่ววนเวียนอยู่ภายนอกไม่อาจเข้ามาได้ เมื่อทรงอุเบกขาได้แล้ว จากนั้นพัฒนาอุเบกขาจนถึงที่สุดก็จะได้ ความว่างอันไร้ขอบเขตสากล ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขาเจโตวิมุติ อันบุคคลเจริญ แล้วอย่างไร มีอะไรเป็นคติ มีอะไรเป็นอย่างยิ่ง มีอะไรเป็นผล มีอะไรเป็นที่สุด " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุเบกขาเจโตวิมุติ ว่า มีความว่างอันไร้ขอบเขต (อากิญจัญญายตนะ) เป็นอย่างยิ่ง เพราะ ภิกษุนั้นยังไม่แทงตลอดวิมุติอันยิ่งยวดในธรรมวินัยนี้ ปัญญาของเธอ จึงยังเป็นโลกีย์” แต่การจะเข้าอุเบกขาให้สมบูรณ์ได้ นั้น ต้องละความรัก ความชัง ความดีใจ ความเสียใจ ให้ได้โดยสิ้นเสียก่อน จิตจึงเห็น เข้าถึงและบรรลุ ความไร้ ใจจึงจะเป็นกลางวางเฉยอยู่ เมื่อเฉยแล้ว ให้สำรอกความเฉยนั้นอีกโดยลำดับ เพื่อชำระอุเบกขา ให้บริสุทธิ์ถึงที่สุด ใจจะค่อย ๆ ไร้ขอบเขตมากยิ่งขึ้น จนถึงที่สุดแห่งอุเบกขา จะบรรลุความว่างสากล ในความว่างสากลนี้นั้น ไร้ซึ่งความรัก ความชัง ความดีใจ ความเสียใจ โดยประการทั้งปวง มีแต่ความว่างและสติบริสุทธิ์บริบูรณ์ปรากฏอยู่ แต่กระนั้นภาวะนี้ก็ยังไม่ใช่ที่สุดแห่งความบริสุทธิ์ เป็นเพียงท่ามกลาง หนทางสู่ความบริสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องชำระจิตใจต่อไปเพื่อความสุขอันบริสุทธิ์ ชำระจิตจากการยึดถือ ทั้งปวง พระผู้มีพระภาคตรัสสอนธรรมอันประณีต ในระดับนี้ว่า เมื่อเข้าความว่างอันไร้ขอบเขตสากลแล้วนั้น นั่นเข้าใกล้ความ บริสุทธิ์แล้ว เพียงพิจารณาด้วยปัญญาให้แทงตลอดว่า แม้ความว่างก็ไม่เป็นตน ตนไม่มีในความว่าง ปล่อยวาง แม้ความว่างอันไร้ขอบเขตนั้นเสียได้ จิตจึง หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง บรรลุความเบิกบานร่าเริงอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งคือที่สุดแห่งความบริสุทธิ์ ดังพระพุทธวจนะที่ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อะไรคือเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่งอรหันตมรรค ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า ความหมดจนแห่งปฏิปทา (มีศีลธรรมดังกล่าวแล้ว) เป็นเบื้องต้น -มีต่อ- |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 26 พ.ค. 2009, 05:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว |
"การกระทำให้มากในอุเบกขาเป็นท่ามกลาง ความร่าเริงเป็นที่สุดแห่งอรหันตมรรค" เมื่อเราพัฒนาจิตใจถึงเพียงนี้ก็จะมีความสุขอันบริสุทธิ์เบิกบาน ไร้ขอบเขตอยู่ เมื่อนั้นจะมีความรักหรือไม่มีความรัก จะมีคู่หรือไม่มีคู่ก็ไร้ความ หมายเสียแล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่เฉียบขาดที่สุดที่จะอยู่คนเดียวได้อย่างเป็นสุข และเป็นสุขยิ่งกว่าใครในโลก หากแม้ยังไม่ถึงที่สุด ทุกขั้นที่พัฒนาตนมาก็ย่อมได้ความสงบ สุขอันประณีตยิ่งขึ้นตามระดับความบริสุทธิ์ที่ตนบรรลุถึง ความ สุขนั้นจะอยู่กับความสงบเป็นสำคัญ ยิ่งสงบมากก็ยิ่งเ ป็นสุขมาก เพราะความสุขมีธรรมชาติเหมือนผีเสื้อ เมื่อเราไล่จับมันจะ บินหนี แต่หากเราอยู่อย่างสงบเฉย มันจะบินมาเกาะเราอย่างนุ่มนวล และความสงบนั้น จะขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ ยิ่งบริสุทธิ์มาก ก็ยิ่งสงบมาก ส่วนความบริสุทธิ์นั้นจะขึ้นอยู่กับการฝึกจิตชำระใจ ปล่อยวาง การยึดถือในสิ่งทั้งปวง แม้ความรัก ความชัง ทั้งรูปธาตุ นามธรรม เมื่อปล่อย ได้หมดจริงก็ย่อมเข้าถึงความบริสุทธิ์นิรันดร์ได้ และนั่นคือที่สุดแห่งชีวิต -จบกระทู้บริบูรณ์- ขอขอบพระคุณ กัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูล |
เจ้าของ: | ariyachon [ 26 พ.ค. 2009, 22:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว |
ขอบคุณนะครับ สาธุ สาธุครับ |
เจ้าของ: | pimz [ 26 พ.ค. 2009, 22:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตวิทยาแห่งการอยู่คนเดียว |
ขอบคุณค่ะ |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |