วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 00:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


------------
ที่มา
ถาม – ตอบ เรื่อง “ ศีลวิสุทธิ “ โดย อ.แนบ มหานีรานนท์
http://www.dharma-gateway.com/ubasika/n ... x-page.htm

-------------- :b38:



สัมมาทิฏฐิ นี้ มี 6 ขั้นด้วยกัน คือ

1. สัมมาทิฏฐิในกรรมบถ

2. สัมมาทิฏฐิในสมาธิ

3. สัมมาทิฏฐิในฌาน

4. สัมมาทิฏฐิในวิปัสสนา

5. สัมมาทิฏฐิในนิพพาน

6. สัมมาทิฏฐิในปัจจเวก


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 19:09, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


1. สัมมาทิฏฐิในกรรมบถ

ก็ต้องละมิจฉาทิฏฐิในกรรมบถ สัมมาทิฏฐิ อันนี้เรียกว่า
กัมมัสสกตาปัญญา คือ
ปัญญาที่เชื่อ หรือรู้เหตุผลของกรรมว่า
ผลของกรรม มีอยู่
กรรมดี ย่อมให้ผลเป็น สุข
กรรมชั่ว ย่อมให้ผลเป็น ทุกข์


เขาเข้าใจดี เขารู้และเขาเชื่อด้วยความเชื่อของท่านผู้นี้ถูก
เมื่อความเชื่อถูก หรือความเห็นถูกอย่างนี้เกิดขึ้นในจิตใจแล้ว


ความเห็นทีว่ากรรม และผลของกรรมไม่มี ตายแล้วสูญไป หรือ ไม่มีใครเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
ความเห็นผิดอย่างนี้ก็ตกไป


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 19:15, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


2. สัมมาทิฏฐิในสมาธิ

ผู้ที่เห็นว่า สมาธินี้มีอานิสงส์มาก
ทำให้จิตสงบจากอกุศลต่างๆ สามารถจะมีความสุขในปัจจุบันได้

และเกิดชาติหน้าก็ยังมีความสุขใน “ สุคติ “ อีก
จะได้ภพที่ดี ๆ ภพที่เป็นสุข ไม่มีความทุกข์

เพราะฉะนั้นเขามีความเห็นอย่างนี้ ก็เป็นความเห็นถูก
เพราะว่าสมาธินี้มีผลอย่างนั้นจริงๆ


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 19:17, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


3. สัมมาทิฏฐิในฌาน

ถ้าไม่เชื่อว่าฌานนี้ให้ผลเป็นสุข ไม่เชื่อว่าสามารถจะให้ไปเกิดเป็นพรหมในพรหมโลกได้
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ

ถ้าคนที่เข้าใจอานิสงส์ถูกต้องแล้วก็เป็นสัมมาทิฏฐิในเรื่องฌาน “ มิจฉาทิฏฐิ “ ในอานิสงส์ ของฌานก็หมดไป

แต่ว่า สัมมาทิฏฐิ 2 อย่างนี้ ภายนอก พระพุทธศาสนาก็มีได้ การทำบุญทำทานก็ดี สมาธิก็ดี ฌานก็มีสรุปแล้ว สัมมาทิฏฐิ 2 อย่างนี้ มีได้ทั้งนอก และในพระพุทธศาสนา


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 19:19, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


4. สัมมาทิฏฐิในวิปัสสนา

คือเข้าใจถูกว่า อะไรเป็นวิปัสสนา อะไรไม่ใช่วิปัสสนา
สัมมาทิฏฐิในวิปัสสนานี้ มีแต่เฉพาะในพระพุทธศาสนา เรียกว่า “ ศาสนาสัมมาทิฏฐิ “ บางคนยังไม่เข้าใจสนวิปัสสนา การทำก็ยังไม่เกิดวิปัสสนาที่แท้จริง แต่เข้าใจว่าเกิดแล้ว นี่ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิในวิปัสสนา

ถ้าผู้ที่เข้าใจหรือเข้าถึงวิปัสสนา โดยถูกต้องแล้ว ความเห็นถูกอันเป็นสัมมาทิฏฐิ ก็สามารถละมิจฉาทิฏฐิในความเข้าใจผิดจากวิปัสสนานั้นได้ และละตลอดไปจนกระทั่งถึง มรรค ผล นิพพาน ปัจจเวก ทั้ง 4 นี้ มีในพระพุทธศาสนาเท่านั้น มรรค ผล เป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร ตนได้เข้าไปเห็นถูกต้องแล้วอันนี้ก็ละมิจฉาทิฏฐิที่เข้าใจผิด


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 19:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


5. สัมมาทิฏฐิในนิพพาน

บางท่านคิดว่า พระนิพพานคงจะเที่ยง คงจะไม่ตาย เรานี้จะเข้าไปเสวยสุขในพระนิพพาน อันเป็นเมืองแก้วที่มีความสุขสบาย ถ้าเราไปอยู่ในนิพพาน คงจะเป็นสุขไม่มีความทุกข์เลย
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จัดเป็น “มิจฉาทิฏฐิในนิพพาน“
เพราะนิพพานนั้นไม่มีสุขเวทนาให้ปรากฏเลย พระนิพพานนั้นดับเสียซึ่งขันธ์ 5

ที่ว่าเมื่อถึงพระนิพพานแล้วดับทุกข์นั้นหมายถึงว่า ดับขันธ์ 5
ฉะนั้นความสุขความสบายที่เกิดจากเวทนาจะมีขึ้นได้อย่างไร

พระนิพพานเป็นความสุขที่ดับทุกข์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นความสุขที่อาศัย “ สุขเวทนา “ เข้าไปดับทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเป็นเหตุ หรือเกิดจากชาติเป็นเหตุ หรือเกิดจากวิบากเป็นเหตุ ถ้าดับทุกข์เสร็จก็ถึงพระนิพพาน

เพราะท่านบอกว่า “ ชาติเป็นทุกข์ “ ทุกข์ทั้งหลายย่อมไหลมาจาก ชาติ คือ ความเกิด ถ้าดับชาติคือความเกิด เสียแล้ว เรียกว่าดับทุกข์ทั้งปวง ถ้าเห็นอย่างนี้เป็นการเห็นถูก


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 20:00, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


6. สัมมาทิฏฐิปัจจเวก

พิจารณาว่า
กิเลสยังมีอยู่หรือไม่
กิเลสอะไรที่หมดแล้ว
กิเลสอะไรที่เหลืออยู่

รู้อย่างนี้ เรียกว่า “สัมมาทิฏฐิปัจจเวก"

บางท่านเข้าใจว่ากิเลสหมดแล้ว
....... :b44:
ทั้ง ๆ ที่กิเลสยังอยู่
ความโลภ
ความโกรธ
ความหลง

ยังอยู่ครบครัน

แต่บางทีอาจจะไม่มีอย่างหยาบ แต่อย่างกลาง อย่างละเอียดยังอยู่ ก็เข้าใจว่าหมดกิเลสแล้ว
หรือ ไม่มีอย่างหยาบ ไม่มีอย่างกลาง
แต่อย่างละเอียดยังมีอยู่ก็เข้าใจว่าหมดกิเลสแล้ว

ส่วนปัจจเวกนั้น พิจารณาถึงกิเลสอย่างละเอียด คือ “ อนุสัย “ ถ้าเข้าใจผิดก็เป็น มิจฉาทิฏฐิปัจจเวก


แก้ไขล่าสุดโดย นัน555 เมื่อ 20 มิ.ย. 2009, 20:03, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้ท่านพิจารณาว่า สัมมาทิฏฐิ มี 6 ขั้น และ มิจฉาทิฏฐิ ก็มี 6 ขั้นเหมือนกัน

ทีนี้ท่านได้สัมมาทิฏฐิอะไรบ้าง เราก็พอจะรู้ได้ มาถึงในขั้นไหน ละมิจฉาทิฏฐิขั้นไหนหมดไป สัมมาทิฏฐิอะไร ยังไม่เกิดขึ้นแก่เรา สัมมาทิฏฐิอะไรที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรา

อันนี้สำคัญที่สุดที่จะต้องรู้ เพราะมีหลายขั้น ถ้าท่านไม่ทราบขั้นของสัมมาทิฏฐิ ก็อาจจะเข้าใจว่าเราเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว และเวลามีใครมาว่าเราเป็น “ มิจฉาทิฏฐิ “ เราก็จะโกรธ

ความจริงมิจฉาทิฏฐิมีอีกมากมายหลายอย่างทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่าโกรธเขา

เพราะสัมมาทิฏฐิเราก็มีเหมือนกัน แต่ว่าทิฏฐิบางอย่างก็ยังไม่หมด
ถ้าผู้ที่ไม่เคยบรรลุมรรค ผล นิพพานแล้ว
ก็คงจะได้สัมมาทิฏฐิ 2 อย่าง คือ
1. เชื่อในกรรม
2. เชื่อใน ฌานสมาธิ ว่ามีความสุข
*** นอกจากนั้นยังไม่หมด ***


------------
ที่มา
ถาม – ตอบ เรื่อง “ ศีลวิสุทธิ “ โดย อ.แนบ มหานีรานนท์
http://www.dharma-gateway.com/ubasika/n ... x-page.htm

..
http://www.dharma-gateway.com/ubasika/naab/naab-03.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณ นัน555 :b8:
ด้วยความเคารพ :b45: :b45: :b45:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 150 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron