ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
โอปปาติกะ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=24973 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 17 ส.ค. 2009, 07:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | โอปปาติกะ |
โอปปาติกะ อุป ( เข้าไป , ใกล้ , มั่น ) + ปต ธาตุ +ณิก ปัจจัย ปาติก ( ผู้ตกไป ) ผู้เกิดผุดขึ้น หมายถึง กำเนิดหนึ่งในกำเนิด ๔ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นตัวที่สมบรูณ์ทันที ไม่ ต้องอยู่ในท้องหรือเป็นเด็กก่อน และเวลาตายร่างกายก็หายไปทันที ไม่เหลือซากศพ ไว้ ได้แก่ พวกเปรต อสุรกาย สัตว์นรก เทวดาในชั้นสูงๆ พวกพรหม และมนุษย์ สมัยต้นกัป อุปาทายรูป อุป ( เข้าไป ) + อาทาย ( ถือเอา , อาศัย ) + รูป ( รูป ) รูปที่เข้าไปอาศัยมหาภูตรูป หมายถึง รูป ๒๔ รูป นอกเหนือจากมหาภูตรูป ๔ ซึ่ง ไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามลำพังได้ จะต้องอาศัยมหาภูตรูปเกิดพร้อมกัน มหาภูตรูป ๔ จึงเป็นที่อาศัยของอุปาทายรูป ๒๔ เป็นเหมือนกับแผ่นดิน ที่เป็นที่อาศัยรองรับต้นไม้ หรือบ้านเรือน อุปาทายรูป ๒๔ จะเกิดไม่พร้อมกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสมุฏฐานที่เป็น ปัจจัยให้เกิด และเกิดในกลาปไหน แต่ที่แน่นอนคือ อวินิพโภครูป ๘ รูป ต้องเกิด พร้อมกัน และมีอยู่เป็นพื้นฐานในกลุ่มของรูปทุกกลุ่ม ทันทีที่เห็นดับไป ขณะต่อไปเกิดขึ้นมีสติเกิดร่วมด้วยไหม ไม่ สามารถจะบอกได้ แม้แต่การฟังก็จะต้องมานั่งทบทวนจิตที่รับรู้อารมณ์ต่อ จากจักขุวิญญาณเป็นจิตอะไร มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร ก็ต้องมานั่งคิด โดยไม่รู้ลักษณะของสติ เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ลักษณะของสติ ไม่ใช่เพียง การจำว่าสติมีลักษณะอย่างไร เกิดกับจิตขณะไหนบ้าง เพราะแม้ขณะนี้ก็ยัง ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าขณะนี้น่ะจิตเป็นกุศลหรือเปล่า หรือเป็นอกุศลหรือว่าเป็น วิจารณญาณหรือว่าเป็นกิจธุระ เพราะว่าไม่ได้รู้สภาพที่เป็นจิต เพียงแต่ได้ ยินชื่อ ได้ยินเรื่องราวของทั้งจิต เจตสิก รูป ทั้งหมดมากมาย แต่ขณะนี้มีสิ่ง ที่เป็นจิตจริง ๆ กำลังเห็นจริง ๆ แต่ไม่รู้ลักษณะของจิตที่เห็น เพราะฉะนั้นจึง ไม่สามารถที่จะแยกได้ ว่าขณะที่เห็นนั้นไม่ใช่ขณะที่กำลังเป็นจิตประเภทอื่น เช่นความยินดีติดข้องในสิ่งที่เห็น แค่นี้ก็ไม่รู้แล้ว แล้วจะไปรู้ลักษณะของ สติ หรือเพียงแต่ไปจำว่าขณะนั้นน่ะมีสติเจริญเกิดร่วมด้วยหรือเปล่า เพราะ ฉะนั้นการศึกษาธรรมต้องรู้ว่าจุดประสงค์ก็คือเราไม่เคยรู้ความจริงของสิ่งที่ ปรากฏทั้งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นการที่ฟังเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ แต่เราก็ไม่สนใจไปสนใจเรื่องสติอะไรๆ อีกเยอะแยะแต่ไม่สนใจที่จะรู้ว่าขณะ นี้มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น และความจริงของสิ่งนี้ก็คือว่า มีอย่างนี้ว่าเมื่อไรเห็น เกิดขึ้น เมื่อไรก็ทีสิ่งนี้แหละปรากฏให้เห็น เพราะฉะนั้นฟังเพื่อให้เข้าใจถูก จนกว่าจะรู้สึกธรรมที่ปรากฏ แต่เราก็ไม่ติด เรื่องสติ เรื่องสมาธิ ลืมว่าเพื่อ เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |