วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 17:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


การรู้เท่าทันความพอใจไม่พอใจดับทุกข์ได้

ความพอใจ ไม่พอใจ คือ อวิชชา คือ การที่เรามีความคิดเห็นในสิ่งทั้งปวงที่มากระทบสัมผัสผิดไปจากความเป็นจริง จึงพากันหลงไปพอใจไม่พอใจกับสิ่งนั้น ตัวความพอใจไม่พอใจนั้นเกิดขึ้นได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพียง ๖ ทางนั้น เรียกว่า อินทรีย์ ๖ ความพอใจไม่พอใจจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้ถึงความจริงของธรรมชาติและชีวิต หรือ ไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความพอใจ หรือ โลภะ หรือ กามสุขัลลิกานุโยค ซึ่งพระพุทเจ้าตรัสว่าเป็นทางสุดโต่งด้านหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งคือความไม่พอใจ หรือ โทสะ หรือ อัตตกิลมถานุโยค ซึ่งพระพุทเจ้าตรัสว่าเป็นทางสุดโต่งอีกด้านหนึ่ง พระพุทธองค์ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้อง ที่สุดทั้ง ๒ ด้านนี้ในพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตร

การรู้ไม่เท่าทันความพอใจไม่พอใจ เรียกว่า ความหลง หรือ โมหะ ฉะนั้น บุคคลรู้ไม่เท่าทันความพอใจไม่พอใจต่อสิ่งที่มากระทบสัมผัสทางอินทรีย์ ๖ ในขณะปัจจุบันแล้ว บุคคลนั้นบำเพ็ญ โลภะ โทสะ โมหะ หรือ โลภ โกรธ หลง ให้กับตัวเองตลอดเวลาที่ไม่หลับ ถ้าท่านลองตรวจสอบตัวเองในขณะนี้จะทราบได้ว่า ตลอดเวลาตั้งแต่เราตื่นขึ้นมาจนหลับลงไปนั้น คนเราบำเพ็บบาปให้กับตัวเอง คือ พอใจ ไม่พอใจ หรือ โลภ โกรธ หลง ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มากเพียงใด คนเราจึงมี โลภะ โทสะ โมหะ ฝังอยู่ในใจของปุถุชนคนธรรมดาอย่างแน่นหนา ลักษณะนี้เรียกว่า เรามีความเคยชินในทางที่ผิดเก็บไว้ในใจตลอดเวลา ที่เรียกว่า อวิชชา

หากจะนับง่ายๆ ว่า ถ้าเราหลงพอใจ ไม่พอใจ ๑ ชั่วขณะ เท่ากับเราต้องไปชดใช้กรรมในนรก ๑ ปี ฉะนั้น ในแต่ละวันั้น เราสะสมบาปให้กับตัวเองที่จะต้องไปใช้กรรมในนรกนับปีไม่ถ้วนเลยทีเดียว ถ้าจะทำเป็นบัญญชีบาป เอามาเรียงซ้อนๆ กัน จากพื้นดินไปถึงฟ้า ก็อาจจะมากกว่าหรือสูงกว่าฟ้าเสียด้วยซ้ำ

เมื่อมีอะไรมากระทบสัมมผัสทางอิยทรีย์ ๖ สติของเราก็จะระลึกความเคยชินออกมารับกระทบสัมผัส คือ โลภะ โทสะ โมหะ แทบทุกครั้ง อย่างนี้เรียกว่ากรรมเก่า เมื่อเราเกิดความพอใจไม่พอใจตามมา อย่านี้เรียกว่ากรรมใหม่ กรรมเก่าสร้างกรรมใหม่ เป็นอย่างนี้ไม่สิ้นสุด คนเราจึงเวียนว่ายตายเกิดในสงสารวัฏนับชาติไม่ถ้วน

พะรพุทธองค์ตรัสว่า เราปล่อยให้อวิชชากำหนดชีวิต ทำให้เวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน อวิชชาเป็นความเคยชินที่ติดแน่นหนาอยู่ในใจของมนุษย์ ถ้าดับอวิชชาได้ก็ดับความเกิดได้ เมื่อดับความเกิดได้ ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็ไม่มี ดับทุกข์ได้ถาวร อวิชชานั้นเกิดจากการที่เราไม่รู้เท่าทันสิ่งที่มากระทบสัมผัสสตัวเราในขณะปัจจุบันจึงทำให้หลงไปพอใจไม่พอใจกับสิ่งที่มากระทบสัมมผัสนั้น นี่แหละคือรากเหง้า(สมุทัย)ของทุกข์ทั้งปวง

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนในธรรมจักรกัปปวัตนสูตรว่า ผู้ใดรู้เท่าทันความเป็นจริงของโลกและชีวิตในขณะปัจจุบัน หรือรู้เท่าทันความพอใจไม่พอใจ สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นที่ถูกต้องเกิดขึ้นในทันที ต่อจากนั้น องค์ธรรมของมรรคมีองค์ ๘ ก็จะเกิดตามมาครบถ้วน ทางนี้พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นทางดับทุกข์ เมื่อเรานำความจริงมาตั้งรับกระทบสัมมผัสในขณะปัจจุบันแทนความเห็นเหรือความเชื่อ สติก็จะทำหน้าที่ดึงเอาความจริงของโลกและชีวิตมากั้นความพอใจไม่พอใจตรงผัสสะ กันไม่ให้เลยไปถึงเวทนา ใจจิตใจเราก็โปร่งโล่งไม่มีขยะ เพราะมันถูกกำจัดทิ้งไปทันทีที่ถูกกระทบสัมผัส

ถ้าเราเจริญความจริงไว้ในใจเรามากๆ ปัญญาก็จะเกิดฝังแน่นติดในใจเรา ถ้าเรามีปัญญาหรือความรู้ที่ดับทุกข์ได้ สติจะดึงเอาปัญญามาตอบรับกับสิ่งที่มากระทบ ทุกข์ก็ไม่เกิด ถูกดับทันทีตั้งแต่ถูกกระทบ นี่คือการรู้เท่าทันความพอใจไม่พอใจจะมีปัญญาดับทุกข์ได้ถาวร

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 18:00
โพสต์: 64


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พึงให้สิ่งปรุงแต่งทั้งมวลที่มากระทบ ให้หยุดอยุ่แค่ทวารนั้นเถิด

อย่าได้รับมาปรุงแต่งเป็นตัณหา

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๑๐. สามิทัตตเถรคาถา

สุภาษิตเกี่ยวกับการรู้เห็นเบญจขันธ์

[๒๒๗] เบญจขันธ์เรากำหนดรู้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ตั้งอยู่ ชาติสงสารสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี.

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร