วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ก า ร ทำ ดี ต้ อ ง ไ ม่ มี พ อ

การทำดีต้องไม่มีพอ ต้องทำให้ยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
เพราะไม่มีใครอาจประมาณได้ว่าเมื่อใดจะตกไปในที่มืดมิดขนาดไหน
ต้องการแสงสว่างจัดเพียงใด


ถ้าไม่ตกเข้าไปในที่มืดมิดมากมายนัก มีแสงสว่างมากไว้ก่อน
ก็ไม่ขาดทุนไม่เสียหาย
แต่ถ้าตกเข้าไปในที่มืดมิดมากมาย แสงสว่างน้อย
ก็จะไม่เพียงพอจะเห็นอะไรๆ ได้ถนัดชัดเจน

การมีแสงสว่างมากจะช่วยให้รอดพ้นจากการสะดุดหกล้มลงเหวลงคู
หรือตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายจนถึงตายถึงเป็น

อานุภาพของความดีหรือบุญกุศลนั้นเป็นอัศจรรย์จริงเชื่อไว้ดีกว่าไม่เชื่อ
และเมื่อเชื่อแล้วก็ให้พากันแสวงหาอานุภาพของความดีหรือของบุญกุศล
ให้เห็นความอัศจรรย์ด้วยตนเองเถิด


ที่จริงนั้นใจบริสุทธิ์ผ่องใส
กิเลสเข้าจับทำให้สกปรกไปตามกิเลส
ปล่อยให้กิเลสจับมากเพียงไรใจก็สกปรกมากขึ้นเพียงนั้น

นำกิเลสออกเสียบ้างใจก็จะลดความสกปรกลงบ้าง
นำกิเลสออกมากใจก็ลดความสกปรกลงมาก
นำกิเลสออกหมดสิ้นเชิงใจก็บริสุทธิ์สิ้นเชิง
เป็นสภาพใจที่แท้จริง มีความผ่องใส

เมื่อใจกับความสกปรกหรือกิเลสเป็นคนละอย่างไม่ใช่อย่างเดียว
อันเดียวกันทุกคนจึงสามารถจะแยกใจของตนให้พ้นจากกิเลสได้
คือสามารถจะนำกิเลสออกจากใจได้

การจะทำให้ใจเป็นสุขผ่องใสนั้นไม่มีใครจะทำให้ใครได้
เจ้าตัวต้องทำของตัวเองวิธีทำก็คือ
เมื่อเกิดโลภโกรธหลงขึ้นเมื่อใดให้พยายามมีสติรู้ให้เร็วที่สุด
และใช้ปัญญายับยั้งเสียให้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้ช้า
เพราะจะเหมือนไฟไหม้บ้านยิ่งดับช้าก็ยิ่งดับยากและเสียหายมากโดยไม่จำเป็น


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


ถ้าไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรคือดีอะไรคือชั่ว
ก็ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเชื่อตามที่ทรงสอน
ก็จะรู้ว่าอะไรคือดีอะไรคือชั่ว


ที่จริงแล้วทุกคนรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว
แต่ไม่พยายามรับรู้ความจริงนั้นว่า
เป็นความจริงสำหรับตนเองด้วย
มักจะให้เป็นความจริงสำหรับผู้อื่นเท่านั้น

ดังที่ปรากฏอยู่เสมอผู้ที่ว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
และตัวเองก็เป็นเช่นนั้นด้วย
โดยตัวเองก็หาได้ตำหนิตัวเองเช่นที่ตำหนิผู้อื่นไม่

ถ้าจะให้ดีจริงๆ ถูกต้องสมควรจริงๆ แล้ว
ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า
ท่านทรงสอนให้เตือนตนแก้ไขตน
ก่อนจะเตือนผู้อื่นแก้ไขผู้อื่น


ทำความดีอย่างสบายๆ อย่างมีอุเบกขา
คือทำใจเป็นกลางวางเฉยไม่หวังผลอะไรทั้งสิ้น
การตั้งความหวังในผลของการทำดีเป็นธรรมดาของสามัญชนทั่วไป
ซึ่งก็ไม่ผิดแต่ก็จะถูกต้องกว่าหากจะไม่ตั้งความหวังเลย

เมื่อรู้ว่าเป็นความดีก็ทำเต็มความสามารถของสติปัญญา
ไม่เดือดร้อนให้เกินความสามารถ
ไม่มุ่งหวังให้ฟุ้งซ่าน ไม่ผิดหวังให้เศร้าเสียใจ
การทำใจเช่นนี้ไม่ง่ายแต่ก็เป็นสิ่งทำได้
ถ้าทำไม่ได้พระพุทธเจ้าก็จะไม่ทรงสั่งสอนไว้

การทำดีหรือทำบุญกุศลที่จะส่งผลสูงสุด
ต้องเป็นการทำด้วยใจว่างจากกิเลส
คือความโลภโกรธหลงความผูกพันในผลที่จะได้รับ
เป็นทั้งความโลภและความหลงจึงไม่อาจให้ผลสูงสุดได้


แม้จะให้ผลตามความจริงที่ว่าทำดีจักได้ดี
แต่เมื่อเป็นความดีที่ระคนด้วยโลภและหลง
ก็ย่อมจะได้ผลไม่เท่าที่ควร
มีความโลภความหลงมาบั่นทอนผลนั้นเสีย

(มีต่อ)


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 21:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


ทำดีไม่ได้ดีไม่มีอยู่ในความจริง
มีอยู่ก็แต่ในความเข้าใจผิดของคนทั้งหลายเท่านั้น
ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่นอนเสมอไป

ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ นานา ปรากฏขึ้น
เหมือนทำดีไม่ได้ดีนั้นเป็นเพียงการปรากฏ
ของความสลับซับซ้อนแห่งการให้ผลของกรรมเท่านั้น

เพราะกรรมนั้นไม่ได้ให้ผลทันตาทันใจเสมอไป
แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในใจแล้วกรรมให้ผลทันทีที่ทำแน่นอน
เพียงแต่ว่าบางทีผู้ทำไม่สังเกตด้วยความประณีตเพียงพอจึงไม่รู้ไม่เห็น
ขอให้สังเกตใจตนให้ดีแล้วจะเห็นว่า
ทันทีที่ทำกรรมดีผลจะปรากฏขึ้นในใจเป็นผลดีทันทีทีเดียว


ทำกรรมดีแล้วใจจักไม่ร้อน
เพราะไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะได้รับผลไม่ดีต่างๆ
ความไม่ต้องหวาดวิตกหรือกังวลไปต่างๆ นั้นนั่นแหละ
เป็นความเย็นเป็นความสงบของใจ
เรียกว่าเป็นผลดีที่เกิดจากกรรมดีซึ่งจะเกิดขึ้นทันตาทันใจทุกครั้งไป
เป็นการทำดีที่ได้ดีอย่างบริสุทธิ์แท้จริง

ส่วนผลปรากฏภายนอกเป็นลาภยศสรรเสริญต่างๆ นั้น
มีช้ามีเร็วมีทันตาทันใจ แลไม่ทันตาทันใจ
จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากมาย
ว่าทำดีไม่ได้ดีบ้างทำชั่วได้ดีบ้าง

ทำดีได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว
บรรดาผู้ทำความดีทั้งหลายซาบซึ้งในสัจจะคือความจริงนี้


ดังนั้นก็ไม่น่าจะลำบากนักที่จะเชื่อด้วยว่า
ควรทำดีโดยทำใจเป็นกลางวางเฉยไม่มุ่งหวังอะไรๆ ทั้งนั้น

การที่ยกมือไหว้พระด้วยใจที่เคารพศรัทธาในพระรัตนตรัยสูงสุดเพียงเท่านี้
ได้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าจะยกมือไหว้
พร้อมอธิษฐานปรารถนาสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปด้วยมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง

หรือ การจะบริจาคเงินสร้างวัดวาอาราม
ด้วยใจที่มุ่งให้เป็นการบูชาคุณพระรัตนตรัยเพียงเท่านี้
ก็ได้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าปรารถนาวิมานชั้นฟ้า
หรือบ้านช่องโอ่อ่าทันตาเห็นในชาตินี้

หรือการจะสละเวลากำลังกายกำลังทรัพย์
เพื่อช่วยเหลืองานพระศาสนาโดยมุ่งเพื่อผลสำเร็จของงานนั้นจริงๆ
เพียงเท่านี้ก็ได้ผลดีแก่จิตใจ
ยิ่งกว่าปรารถนาจะได้หน้าได้ตาว่าเป็นคนสำคัญ
เป็นกำลังใจให้เกิดความสำเร็จ


หรือการคิดพูดทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
ด้วยใจที่มุ่งเทิดทูนรักษาอย่างเดียวเช่นนี้
ให้ผลดีแก่จิตใจยิ่งกว่าหวังได้ลาภยศหน้าตาตอบแทน


(มีต่อ)


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 21:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


ทุกวัน เรามีโอกาสทำดีด้วยกันทุกคน
ดังนั้นจึงขอให้พยายามตั้งสติให้ดี
ใช้ปัญญาใคร่ครวญ อย่าโลภ อย่าหลง
อย่าทำความดีอย่างมีโลภมีหลงให้ทำความดีอย่างบริสุทธิ์ สะอาดจริงเถิด

มีวิธีตรวจใจตนเองว่าทำความดีด้วยใจปราศจากเครื่องเศร้าหมอง
คือ กิเลส โลภ โกรธ หลง หรือไม่


ก็คือให้ดูว่าเมื่อทำความดีนั้นร้อนใจที่จะแย่งใครเขา
หรือเปล่ากีดกันใครเขาหรือไม่
ฟุ้งซ่านวุ่นวายกะเก็งผลเลิศในการทำหรือเปล่า
ต้องการจะทำทั้งๆ ที่ไม่สามารถจะได้
แล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจหรือโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทอุปสรรคหรือเปล่า


ถ้าเป็นคำตอบปฏิเสธทั้งหมดก็นับว่าดี
เป็นการทำดีอย่างมีกิเลสห่างไกลจิตใจพอสมควรแล้ว

และถ้าพิจารณาใจตนเองเห็นความสว่างไสว
สบายใจเย็นใจในการทำความดีใดๆ
ก็นับว่ามีกิเลสห่างไกลใจในขณะนั้นอย่างน่ายินดียิ่ง
จะเป็นเหตุให้ผลอันจะเกิดจากกรรมดีนั้นบริสุทธิ์สะอาดและสูงส่งจริง


:b8: :b8: :b8:

“พอ” เป็นสิ่งหายากในหมู่คน “โลภ”

“นิ่ง”
เป็นสิ่งหายากในหมู่คน “โกรธ”

”หยุด” เป็นสิ่งหายากในหมู่คน “หลง”

“ธรรมะ” .....................เท่านั้นที่ช่วยท่านได้


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : http://www.kanlayanatam.com/sara/sara111.htm)


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 21:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบทความค่ะ คุณกุหลาบสีชา :b8:

beby ธรรมะขอบคุณค่ะ beby

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับคุณกุหลาบสีชาด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 11:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มิ.ย. 2005, 10:56
โพสต์: 265


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร