วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 10:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2009, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เคล็ดลับสู่ความสุข

รูปภาพ
หลาน “ตาครับ ผมเรียนใกล้จะจบแล้ว ดีใจมากๆเลยครับ”

ตา “เออ ตาก็ดีใจด้วยนะ ที่หลานจะได้เป็นผู้ใหญ่รู้จักทำงาน
ไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้เสียที แต่หลานรักของตา ตาอยากฝากเคล็ดลับสู่ความสุขและความสำเร็จในการใช้ชีวิตให้หลาน หลานตั้งใจฟังตานะ”

หลาน “ครับตา”

ตา “คนเราทุกคนปราถนาความสุขกันอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกคน ถ้าหลานอยากมีความสุขและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องมี 3 พ.นะหลาน
จำไว้นะ หรือจำง่ายๆก็คือถ้าไม่รู้จักพอก็หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้
พ.ที่หนึ่ง พากเพียรเรียนรู้ พ.ที่สอง พอดี พ.ที่สาม พ้นทุกข์ ง่ายๆแค่นี้เอง”
หลาน “ตาช่วยอธิบายหน่อยครับ”

ตา“พ.ที่หนึ่ง พากเพียรและเรียนรู้ตลอดชีวิต ความสำเร็จของชีวิตกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์นี้มาจากความเพียรทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีเงินทองโดยไม่ต้องทำอะไร เพราะคงไม่มีใครจ้างเราให้ไปอยู่เฉยๆ คนที่ไม่มีความเพียรบางครั้งก็เป็นอาจกลายเป็นคนไม่มีน้ำใจเพราะไม่อยากมีภาระเพิ่ม ทำงานก็ทำแบบสุขเอาเผากิน ไม่พัฒนาฝีมือความสามารถเพราะมองที่เงินเดือนที่ได้รับมากกว่า เมื่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็พลอยช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ ถึงมีชีวิตคู่ คนที่อยู่ด้วยก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย

อีกข้อก็คือการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพราะชีวิตคือการศึกษาและพัฒนาความรู้ความสามารถ ความรู้ที่เจ้าเรียนจบนี้ก็เป็นเพียงวิชาที่จะใช้ทำงานเลี้ยงชีพ
เท่านั้น แต่เรายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เรื่องอีกมากมายตลอดชีวิต เพราะโลกนี้มีแต่ความเปลี่ยนแปลง ความรู้ก็ไม่ได้อยู่เฉพาะในห้องเรียน แต่อยู่ในชีวิตประจำวัน ในหน้าที่การงาน ในสังคมรอบข้างอีกด้วย เพียงแต่เราเปิดใจให้กว้างไม่เป็นคนแบบที่เขาว่าเป็นชาล้นถ้วย ยิ่งรู้มากเท่าใดโลกก็จะเปิดกว้างกับเรามากเท่านั้น จงทำงานทุกๆงานด้วยความรักและใส่ใจในทุกๆงานที่ทำ เมื่อตัวของเรามีความรู้ความสามารถหลายๆด้าน แล้ว ตัวเรานี่แหละจะสามารถเลือกทำงานที่เรารักและเหมาะกับตัวเรามากที่สุดในภายหลัง จำไว้ว่าอย่าผลักชีวิตเข้าไปในมุมที่แคบที่สุดหรือทางตันเพราะคำว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่จงเรียนรู้และพัฒนาดัวเองในทุกๆงาน เหมือนเดินออกจากมุมมืดหรือทางตันเปิดสู่โลกกว้าง แล้วเราค่อยวางตัวเองลงไปในจุดที่เราสามารถทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมที่สุดต่อตนเองสังคมและประเทศชาติในที่สุด แล้วเราก็จะมีความสุขกับการที่เราได้ทำงานที่เรารักทุกๆวัน หลานฟังตาพูดแล้วอาจขัดๆกับที่เขาสอนกันนะ แต่จากประสบการณ์ตาว่าทำแบบนี้ทำให้เราได้รู้กว้างขวาง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ถ้าเราไม่ได้ลองทำดู แค่เห็นๆแค่คิดๆเอาเอง ไม่เคยลงมือทำหรือสัมผัสด้วยตัวเองไม่พอหรอก”

หลาน “ผมว่าที่ตาพูดน่าจะถูกกว่านะครับ แล้วข้อต่อไปล่ะครับ”

ตา “พ.ที่สอง พอดี คำว่าพอดีนี้เข้าใจยากที่สุด เป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการใช้ชีวิตชั้นสูงทีเดียว ทำอย่างไรจึงจะพอดีระหว่างการกินกับการออกกำลังกาย การทำงานกับการพักผ่อน ยามร่างกายแข็งแรง
หรือเจ็บป่วย หรือแม้ในยามร่างกายแก่ชราลงตามวัย เราต้องหาจุดสมดุลให้ได้ทุกๆวัน เพื่อให้ร่างกายอันเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของเรา แข็งแรงและสมดุล ตลอดชีวิต เพื่อให้ห่างไกลจากโรคต่างๆมากที่สุด

ชีวิตนี้มีความต้องการเป็นลำดับขึ้นไป 5 ขั้น ตามที่มาสโลว์กล่าวไว้คือ ข้อหนึ่งต้องการปัจจัยสี่เพื่อความอยู่รอด ข้อสองต้องการความปลอดภัยในชีวิต ขัอสามต้องการมีความรักและความเป็นเจ้าของ ข้อสี่ต้องการยอมรับนับถือย่อง และข้อห้าต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงอันเป็นจุดสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายของมนุษย์หรือการเข้าถึงความสุขที่แท้จริงนั่นเอง

ลำดับทั้งห้าบอกเราว่าจุดที่เรียกว่า พอดี ในความรู้สึกของเราไม่ใช่จุดที่อยู่นิ่ง แต่เป็นจุดที่เปลี่ยนไปตามลำดับขั้นของชีวิต เมื่อได้ขั้นหนึ่งจึงพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง จุดที่เรียกว่า พอดี อยู่ในใจของเราเมื่อเรารู้สึกว่าสมเหตุสมผลถูกธรรมนองคลองธรรมในการได้มา ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต รู้จักหักห้ามใจไม่พอใจหรือเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไป เพราไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ยศศักดิ์ นินทา หรือ สรรเสริญล้วนมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคนๆหนึ่งตลอดเวลา การติดยึดไม่ปล่อยวางนำมาซึ่งความทุกข์ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะมาดึงดูดชีวิตเราให้ไกลจากความพอดี ความพอดีนี้เสมือนการได้รู้และปล่อยวางมากกว่า เพื่อที่เราจะได้พัฒนาจิตใจของเราให้ไปถึงขั้นที่สูงๆขึ้นไป” ตานิ่งหยุดพักเหนื่อยครู่ใหญ่

หลาน “แล้วข้อสุดท้ายหล่ะ ผมอยากฟังแล้วครับ”

ตายิ้มพร้อมพูดต่อ“ พ.ที่สาม พ้นทุกข์หรือเรียกอีกอย่างว่ามีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอกนั่นเอง ไม่ว่าเราจะผ่านระดับความต้องการมาได้กี่ขั้นจะมีฐานะร่ำรวยหรือยากจน จะมีเกียรติหรือไร้เกียรติแค่ไหนก็ตาม เราสามารถมาถึงขั้นที่ห้าคือความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงได้เลย เพราะในพุทธศาสนาของเรามีคำสอนเกี่ยวกับการศึกษากายและใจเพื่อเข้าใจตนเองอยู่อย่างครบถ้วนแต่ก็มีคนมากมายมาไม่ถึงจุดนี้ เพราะยังมีความเห็นไม่ถูกต้องกับชีวิตบ้าง ด้วยความประมาทมัวเมาบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเสียเวลาในการหาทรัพย์สินเงินทอง หาชื่อเสียง ฯลฯหรือหลงอยู่ในอบายมุขต่างๆ จนหมดเวลาในชีวิตในชาติหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย จะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามีเงินหลายล้ายบาทแต่ไม่มีเวลาพอที่จะหาความสงบสุขให้จิตใจ เกิดมาทั้งชาติแต่ไม่สามารถพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นได้เลย ยังเป็นทาสของกิเลสตัณหา ความทะยานอยาก เหมือนเดิม แล้วเมื่อไหร่จะหาความสุขที่แท้จริงได้เสียที

ฉะนั้นสิ่งที่ตาจะเน้นย้ำกับหลานก็คือ ให้ศึกษาการทำงานให้กว้างขวางที่สุดตามที่ได้เรียนมา ศึกษาและพัฒนาความรู้ให้ทันโลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลง เรียนรู้สุขและทุกข์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่มีค่า หาจุดที่พอดีให้เจอทุกๆวัน ศึกษาธรรมะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพื่อความไม่ประมาท ใช้ธรรมเป็นเครื่องชี้นำชีวิตและเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เราควรจะไปให้ถึง ไม่ว่าคนอื่นเขาจะเห็นว่าชีวิตควรเป็นอย่างไร แต่เราในฐานะชาวพุทธมีศาสดาที่รู้แจ้งถึงที่สุดและสอนเป้าหมายชีวิตและวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนแล้ว ขอเพียงเราปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์เท่านั้น ชีวิตของเราก็จะรู้จักคำว่าพอดี มีความสงบสุขทางจิตใจ ดำรงชีวิตอันจะมีประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ตามความรู้ความสามารถที่พัฒนามาดีแล้ว ทำได้อย่างนี้จึงจะได้ชื่อว่ามิได้ปล่อยเวลาอันมีค่าในชีวิตให้เสียไปโดยไร้ประโยชน์เลย”

หลาน“ครับตา ผมจะจดจำไว้ ครับ” หลานตรงเข้าไปกอดตาไว้ด้วยความรู้สึกรักและเคารพ

ที่มา จินตนาการ

อิกคิว

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2009, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พ.ที่สาม พ้นทุกข์หรือเรียกอีกอย่างว่ามีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก
ชาวพุทธมีศาสดาที่รู้แจ้งถึงที่สุดและสอนเป้าหมายชีวิตและวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนขอเพียงเราปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
ชีวิตของเราก็จะ..
- ชีวิตของเราก็จะรู้จักคำว่าพอดี
- มีความสงบสุขทางจิตใจ
- ดำรงชีวิตอันจะมีประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ตามความรู้ความสามารถที่พัฒนามาดีแล้ว
- ได้ชื่อว่ามิได้ปล่อยเวลาอันมีค่าในชีวิตให้เสียไปโดยไร้ประโยชน์เลย”
(เรียงตามลำดับผลที่ได้)


คุณตา คนนี้เก่งจริงๆๆ หลานที่พูดถึง คงไม่ใช่ หลานอิกคิวหรอกนะ cool :b55: :b55: :b55: :b55: :b55: ??? หุๆๆๆๆๆๆๆ

ปล.. หลานเข้าไปกอดคุณตา ด้วยความรักและเคารพ เป็นเรื่องที่แต่งไว้ได้ดีมากคับ :b20: :b20: :b20: :b20: :b20:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2009, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ ทุกๆท่านที่ร่วมโมทนาและแวะเข้ามาอ่าน

ขอบคุณ คุณอินทรีย์ 5 ที่แวะเข้ามาอ่านและช่วยสรุป
พ.ที่สามไว้เป็นข้อๆให้ด้วย :b8:

อยากมีคุณตาเก่งๆอย่างนี้ไว้ให้กอดเหมือนกันครับ ^^
หลานจะได้ไม่หลงทางเสียเนิ่นนาน :b9:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2009, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ขอบคุณเรื่องราวดีดีน่ารักจังเลยค่ะ
คุณอิกคิว...หายไปนานนะคะ งานยุ่งเหรอคะ

:b48: ระลึกถึงค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2009, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณเช่นกันครับ ระลึกถึงเพื่อนๆทุกคนเช่นกันครับ :b8:

ใช่แล้วครับเดือนที่แล้วปิดเทอม คนไข้เยอะมากเลย

แล้วก็เลยทำได้แค่รับส่งเมลล์ก็หมดเวลาครับ

มีเวลาว่างก็เลยได้แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน

เมื่อเช้าส่งบุญให้คุณแม่คุณลูกโป่งแล้วนะ

ขอให้คุณแม่หายไวๆ จะส่งบุญให้เรื่อยๆ

ยังไงก็ดูแลสุขภาพกายใจให้แข็งแรงด้วยนะครับ

เพื่อนๆทุกคนเป็นห่วง cool

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 76 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร