วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรจึงจะแก้ความมีนิสัยสุดโต่ง ระหว่างแสวงหานิพพานกับแสวงหาความสุขในกาม มันเกิดขึ้นสลับกันไป

คำตอบ
คำว่าสุดโต่งในพุทธศาสนามี 2 อย่าง คือหมกมุ่นอยู่ในกามสุข (กามสุขัลลิกานุโยค) กับหมกมุ่นอยู่ในการทรมานตัวเองให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค)
การแสวงหานิพพาน ไม่จัดว่าเป็นสุดโต่ง เพราะเป็นการสำรอกเอากิเลสออกจากใจ บุคคลใดยังหมกมุ่นในกามสุข จิตยังตกเป็นทาสของกามโอกาสที่จะยกระดับจิตเข้าสู่กระแสพระนิพพาน ไม่อยู่ในวิสัยที่จะเกิดขึ้นได้ นั่นหมายความว่า ถ้าจะแสวงหานิพพานต้องทิ้งกามสุข

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การใส่บาตรแก่พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ เคยทราบว่าคนแรกที่ใส่บาตรจะได้บุญมาก แล้วคนที่ใส่บาตรถัดไปจะให้บุญมาก เช่นคนแรกไหม

คำตอบ
คนแรกที่ใส่บาตรได้บุญมาก คนที่ใส่ถัด ๆ ไปได้บุญมากแต่ไม่เท่าคนแรก ทั้งนี้คนแรกที่ใส่บาตรต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้ง 3 กาลคือ ก่อนให้มีใจยินดี ขณะให้มีจิตผ่องใส ให้แล้วเบิกบานใจ ถ้าคนแรกมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่คนถัดไปมีเจตนาบริสุทธิ์ คนที่ใส่บาตรถัดไปได้บุญมากกว่า
นอกจากดูที่เจตนาแล้ว ต้องดูจากของที่ใส่ลงในบาตรด้วย ของที่จะใส่ลงในบาตรต้องได้มาโดยบริสุทธิ์และต้องเหมาะสมกับผู้รับจะบริโภคใช้สอยด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณแม่มีโรคประจำตัวคือ Parkinson Disease เมื่อกลางเดือนมกราคม 2548 ล้ม ทำให้เจ็บสะโพก เอ็กซเรย์พบว่ากระดูกเอวข้อที่ 2 ทรุด ขณะนี้ คุณแม่ยังเดินได้ช้าๆ แต่จะอยู่บนชั้น 2 ของบ้านเป็นส่วนใหญ่ การล้มตัวลงนอนหรือลุกจากเตียงด้วยตัวเองค่อนข้างลำบาก ลูกๆ (ที่อยู่ไกลจากคุณแม่) จะช่วยเหลือคุณแม่โดยใช้ธรรมะ เช่น ฝึกสติ สวดมนต์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล อย่างไรได้บ้างเพื่อให้คุณแม่ผ่อนคลายจากความเจ็บป่วยได้บ้างค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูง


คำตอบ
การปฏิบัติธรรม การสวดมนต์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล เป็นต้น ทุกอย่างสามารถช่วยลดความทุกข์ความทรมานให้แม่ได้ แต่ทำแล้วต้องบอกให้แม่อนุโมทนาด้วย เพื่อให้แม่ได้บุญมากขึ้น แต่ลูกต้องทำด้วยใจจึงจะได้ผลดี

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในชีวิตพบแต่คนไม่จริงใจ ทำบุญอย่างไรจึงจะพบคนจริงใจ

คำตอบ
ตัวเราเองต้อง
1. จริงกาย วาจา ใจ
2. มีศีล
3. มีสัจจะ
4. เว้นอบายมุข เพราะในวงอบายมุขมีแต่คนไม่จริงใจ เมื่อเราสร้างเหตุปัจจัยที่ดี ย่อมมีอานิสงส์ให้พบคนที่ดีเหมือนเรา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 14 พ.ค. 2010, 01:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะทำอย่างไรไม่ให้จิตใจเศร้าหมอง หม่นหมอง

คำตอบ
1. อยู่กับปัจจุบัน และเจริญสติ
2. มองเห็นทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง เป็นอนัตตา จิตใจเราจะเป็นอิสระ
3. เราต้องละกามสุข มุ่งหาความสุขจากจิตสงบ และเป็นอิสระดีกว่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีเป็นคนเห็นผิดเป็นชอบเห็นกงจักรเป็นดอกบัวชอบยกตนข่มผู้อื่นทำอย่างไรจึงจะช่วยให้เขาสนใจใฝ่ ธรรมะเหมือนเรา

คำตอบ
เราได้ครูดีแล้ว ทำหน้าที่ของเราให้ดี สิ่งไม่ดีในตัวเราให้ลดละเลิก พัฒนาสิ่งที่ดี ให้เพิ่มพูนขึ้น มองเห็นเขาเป็นครูสอนเรา เช่น เขาชอบข่มคนอื่น เขาอัตตาเยอะ เราจะไม่เป็นอย่างเขา
เขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เขามีมิจฉาทิฏฐิ
เขากิเลสหนา เขาสร้างเหตุลงอบายภูมิ
เราอย่าทำอย่างเขา เราแค่เป็นผู้ดู อย่าไปแสดงร่วมกับเขา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเป็นแม่ค้าซึ่งต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน การปฏิบัติธรรมตามที่ท่านอาจารย์สอน ถือว่าสวนกระแสในการใช้ชีวิต จึงเกิดสงสัยว่าสิ่งที่เราเลือกทำนี้ถูกต้องหรือ


คำตอบ
ชีวิตแม่ค้า ถ้าอยากเจริญรุ่งเรืองต้องบริหารด้วยธรรมะ คือต้องมีศีล สัมมาวาจา ปิยวาจา เมตตา ทาน และซื่อตรงต่อลูกค้า จะเป็นแม่ค้าที่เจริญรุ่งเรือง อาชีพเราก็ทำไป แต่ประกอบด้วยธรรมไม่จำเป็นต้องทำตัวให้แปลกแยกจากสังคม คนปฏิบัติธรรมไม่ใช่คนที่ทำตัวแปลกประหลาดจากสังคม เราอาศัยธรรมะเพื่อพัฒนาจิตใจและการดำเนินชีวิตได้ทุกคน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาตัวที่ 3 มีจริงหรือ ทุกคนทำได้จริงหรือ


คำตอบ
ต้องพิสูจน์เอง ต้องไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และทำอย่างจริงจังและประกอบด้วยปัญญา จึงจะเห็นผล
ยกตัวอย่างเช่น ถามว่าขนตามีจริงไหม มีจริงแต่เจ้าของมองไม่เห็น ต้องมีเครื่องมือที่มีมาตรฐานคือเอากระจกส่องจึงจะมองเห็น (ตาต้องไม่บอดด้วยนะ)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะนี้ ดิฉันถือศีล และเจริญสติปัฏฐานอยู่ค่ะ ดิฉันสงสัยเรื่องอินทรียสังวรศีล และ การถือศีลโดยทั่วไป มันต่างกันอย่างไรคะ รบกวนอาจารย์ให้คำอธิบายด้วยค่ะ


คำตอบ
อินทรีสังวรศีล เกิดจากการสัมรวมระวังอายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเป็นทวารที่ทำให้
เกิดความปรุงแต่ง อินทรีสังวรเป็นผลจากการมีสติสัมปชัญญะ ยิ่งจิตตั้งมั่นมีสติสัมปชัญญะมากเท่าใด
อินทรีสังวรก็ยิ่งมีมาก ความนึกคิดปรุงแต่งยิ่งลดลง ศีลจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เป็นการเกิดศีลมาจากราก
แก้วภายใน คือ ศีลคุมใจ เป็นผลได้อัตโนมัติจากการเจริญสติ เป็นศีลของนักปฏิบัติธรรมเจริญสติโดยแท้
จริง เป็นความปรกติของจิตใจ
ศีลทั่วไป คือข้อห้ามทางกาย เป็นเครื่องป้องกันการตกไปสู่อบายภูมิเป็นพื้นฐานที่จะควบคุมความประพฤติ ยังให้
เกิดความสงบสุขในชีวิต แต่ยังไม่ครอบคลุมลึกซึ้งถึงใจเพราะไม่ได้เกิดจากภายใน ไม่ได้เป็นผลได้จากการ
เจริญสติ แต่เกิดจากการระวังห้ามทางกาย จึงยังไม่ใช่ศีลในความหมายที่แท้จริง ของผู้เข้าถึงความเป็น
พุทธะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.จะจัดการกับความอยากที่เกิดขึ้นอย่างไรครับ เช่นอยากบรรลุธรรมเร็วๆ อยากมีความรู้ทางธรรมที่สามารถจะสนทนากับผู้อื่นได้ครับ

คำตอบ
ถ้ามีความอยากเกิดขึ้น ใช้จิตกำหนดรู้หนอ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนความอยากหายไป
อยากรู้ธรรมะต้องเรียนอภิธรรม รู้ธรรมะก็สนทนากับผู้อื่นได้
อยากมีธรรมะ ต้องปฏิบัติธรรม มีธรรมะก็สนทนากับผู้อื่นได้ดีกว่า
อยากบรรลุธรรมเร็วต้องเร่งความเพียร ปรับสมดุลของพละ 5 เอาชีวิตเข้าแลกธรรมะเป็นต้น


2. การปฏิบัติธรรมเจริญสติอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ครับ

คำตอบ
เจริญสติอย่างเดียวไม่พอ เพราะได้แค่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ต้องเจริญสติปัฎฐานด้วย จึงจะได้ปัญญานำชีวิตได้ดี
การปฏิบัติธรรมเป้าหมายอยู่ที่ทำจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง


3. ทำไมถ้าขาดการนั่งสมาธิผมจึงมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้ปฏิบัติธรรมทั้งที่ก็มีการเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวันครับ

คำตอบ
การเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ต่างไปจากการนั่งปฏิบัติสมาธิต้องทำความเพียรต่อเนื่อง ในอิริยาย่อยในชีวิตประจำวันด้วย จึงจะรวมจิตได้เป็นสมาธิง่าย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะทราบอย่างไรว่าเรามีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

คำตอบ
ทราบโดย
1.มีสติระลึกทันสิ่ง กระทบมากขึ้น
2.เห็นการเกิดดับของสิ่งกระทบมากขึ้น
3.มีอารมณ์ลดน้อยลง
4.จิตเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลสบางประการที่ครอบงำจิตใจ เช่นความริษยา จะมีวิธีแก้ไขที่แยบคายอย่างไร

คำตอบ
แก้ไข 2 วิธี
1.พอความริษยาเกิดขึ้นในจิต ให้กำหนดว่ารู้หนอ รู้หนอ ไปเรื่อย ๆจนกว่าความริษยาหายไป
2.ทำจิตให้นิ่ง แล้วใช้จิตตามดูความริษยา เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือเมื่อมีเกิดขึ้น จะมีเปลี่ยนแปร แล้วในที่สุดความริษยาดับไป ดูไปเรื่อย ๆ มันเกิดขึ้นได้ในที่สุดมันก็ดับได้ธรรมชาติของจิตเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อความริษยาไม่มี เราก็ไม่หลงยึดถือว่าเป็นของเรา เราก็ปล่อยวาง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 02:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามว่าเทวดาองค์เดียว สามารถแตกจิตออกเป็นหลายองค์ได้หรือไม่

คำตอบ
แตกจิตไม่ได้ แต่จิตเคลื่อนที่ออกไปเนรมิตเป็นร่างอื่นได้ เนื่องด้วยพลังงานจิตเกิดดับเร็วและเคลื่อนที่เร็วมาก ตามนุษย์สัมผัสไม่ทัน จึงเห็นเป็นหลายร่าง ตัวอย่าง พระอินทร์เนรมิตมาเป็นผู้เฒ่า รอใส่บาตรรพระมหากัสสปะ หลังจากออกนิโรธสมาบัติในวันที่ 7 ขณะเป็นผู้เฒ่าอยู่ในเมืองมนุษย์ จะไม่มีจิตของพระอินทร์อยู่ในดาวดึงส์ และเมื่อกลับสู่ดาวดึงส์แล้ว จะไม่มีจิตของผู้เฒ่าเนรมิตอยู่ในเมืองมนุษย์
ถ้าจะเปรียบเทียบกับคนบางคน เช่น เมื่อเช้าเห็นท่านนายก นั่งสั่งงานอยู่ที่ทำเนียบตอนสายเห็นอยู่ที่เขื่อนเจ้าพระยา ตอบเที่ยงเห็นนั่งทานข้าวซอยอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนเย็นเดินอยู่บนเขื่อนลำตะคองที่โคราช ถามว่านายกคนที่เห็นเมื่อตอนเช้า ตอนสาย ตอนเที่ยง เป็นท่านนายกคนเดียวกันหรือเปล่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในโลกวิญญาณ ถ้าถูกทำร้าย ถูกฆ่า จะตายแล้วฟื้นคืนชีพได้อีกหรือไม่

คำตอบ
ฟื้นคืนชีพได้ แต่จะเร็วหรือช้าขึ้นกับเวลาในแต่ละมิติไม่เท่ากัน เช่นเวลาในมิตินรกเร็วกว่าเวลาในมิติที่เป็นมนุษย์ เวลาในมิติมนุษย์เร็วกว่าเวลาในมิติเทวดา ด้วยเหตุนี้คนที่ตายไปเกิดเป็นสัตว์นรก ถูกเจ้าพนักงานเมืองนรก (ยมบาล) ลงโทษจนตายแล้วเกิดใหม่เป็นสัตว์นรกเหมือนเดิม ตายแล้วเกิดใหม่ ตายแล้วเกิดใหม่เร็วมาก มนุษย์บางคนตายแล้วกลับมาเกิดในร่างเดิม (ตายแล้วฟื้น) ขณะตายถูกยมทูตพาไปดูสัตว์นรกบางขุมอยู่นานหลายวันแต่พอฟื้นขึ้นมาในร่างเดิม เวลาในเมืองมนุษย์เพิ่งผ่านไปได้แค่ 5 นาที คนบางคนตายแล้วกลับชาติมาเกิด เกิดเป็นมนุษย์ทันทีแต่จิตเข้าไปอยู่ในร่างใหม่ อย่างนี้เรียกว่ากลับชาติมาเกิด บางคนตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นเทวดา อย่างนี้เรียกว่าชีพ (ชีวิต) กลับคืนมาใหม่ (ฟื้น) ในร่างของเทวดา จิตเป็นอมตะไม่ตายไม่สลาย แต่สิ่งที่ตายที่สลายคือร่างที่จิตเข้าไปอยู่อาศัย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 02:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาที่ 3 ที่อาจารย์พูดถึงคืออะไร ทำอย่างไรถึงจะเกิดได้

ตอบ
ปัญญาที่ 3 คือปัญญาที่เกิดจากการทำจิตให้นิ่ง (ภาวนามยปัญญา) เป็นความรู้ขั้นสูงหรือปัญญาขั้นสูง (อภิญญา) ที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้มี 2 ระดับ คือ โลกิยอภิญญา เช่น ความรู้ที่ใช้แสดงฤทธิ์ได้ หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ใจคน ฯลฯ กับโลกุตตรอภิญญา เช่นความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ
การเข้าถึงปัญญาขั้นสูง ระดับโลกิยอภิญญา เข้าถึงได้ด้วยการเจริญสติให้เข้มข้นถึงขั้นที่เกิดสมาธิสูงสุดจนเข้าฌานได้แล้ว จึงจะเกิดโลกิยอภิญญา แต่ถ้าทำจิตให้เป็นสมาธิระดับกลาง (อุปจารสมาธิ) แล้วพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ให้เห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์แล้วจะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (โลกุตตรอภิญญา)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร