วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 15:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์ครับ ไม่ทราบว่าการพูดสรรพนาม Mueng,Gu
ในบางครั้งจะทำให้ศีลด่างพร้อยถึงขั้นขาดศีลข้อมุสาวาจาเลยหรือเปล่าครับ
คือผมสนใจด้านการปฏิบัติภาวนามากอยากให้ศีลบริสุทธิเพื่อจิตจะได้ตั้งมั่น
แต่ในชีวิตบ้างคร้งต้องพูดกับเพื่อนด้วยสองคำนี้นะครับ
ไม่ทราบจะมีผลถึงกับทำให้จิตใจหวั่นไหวไม่เป็นสมาธิเลยหรือเปล่าครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ
art

คำตอบ
พูดมึง , กู ถือว่าไม่มีอินทรีย์สังวรศีล ข้อมุสาวาท ซึ่งประกอบด้วย พูดเท็จ , พูดหยาบ , พูดส่อเสียด และพูดเพ้อเจ้อ ให้ระวังเรื่องพูดเพ้อเจ้อด้วย เพราะคนมักนึกไม่ถึงว่าจะทำให้ศีลขาดได้

ในบางสถานการณ์บางคนคำพูดมึง , กู ดูเป็นธรรมดา ไม่ใช่คำหยาบ แต่เมื่อเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้ว ถึงอย่างไรก็ควรสำรวมระวังวาจา ไม่ควรพูด ถ้ายังเลิกเด็ดขาดไม่ได้ ก็ค่อย ๆ ลดลง ลดลง จนเลิกได้ในที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนเขาเห็นผมเปลี่ยนไปหลังจากบวช คือ ผมจะอ่านหนังสือธรรมะมากขึ้น ฟัง mp3 ธรรมมะ เขาก็ถามตามประสาคนที่ยังไม่เข้าใจเลยหรืออาจจะเข้าใจผิวเผิน ว่า "งมงายหรือเปล่า"

ผมจะอภิบายให้เขาฟังอย่างไร ให้เข้าใจและเห็นภาพ ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดว่าไม่ใช่ "งมงาย"
(ผมก็อภิบายให้เขาฟังบ้างแล้ว แต่ในความรู้สึกของผม ยังไม่ดีพอ และยังไม่กินใจ หรือเห็นภาพ แล้วผมอยากจะอธิบายให้เขาฟังเพิ่มเติม)


คำตอบ
ถ้าเราดีแล้ว ไม่ต้องอธิบายให้ใครเข้าใจ เราทำดีให้เขาดู เป็นครูให้เขาเห็นด้วยการกระทำ เมื่อเราพัฒนาพฤติกรรม จิตวิญญาณจนใสสะอาดแล้ว ไม่ต้องอธิบายใคร เพราะคนอื่นเห็นเขาก็รู้และยอมรับนับถือเอง

หากเรายังคิดหวังให้คนอื่นเข้าใจ ยอมรับ ถือว่ายังไม่อยากดีจริง เพียงแต่อยากเป็นที่ยอมรับ ซึ่งในรอบตัวเรามีบัวหลายเหล่า เราไม่อาจทำอะไรให้ถูกใจทุกคนได้ ดังนั้นทำความดีเพื่อความดี จิตใจเราค่อย ๆ พัฒนา คนอื่นคิดอย่างไร เรื่องของเขา ทองแท้ไม่กลัวไฟ คนดีแท้ไม่กลัวการพิสูจน์ทราบ คนบางคนยังไม่ถึงเวลาของเขา อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังนั้น ปล่อยวางคนอื่น ใครจะว่าอย่างไรยกให้เขา หันมาสำรวจตรวจกายใจเราดีกว่า แล้วเราก็จะดีจริง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องผลกรรมของการค้ายาเสพติด จะมีผลต่อตัวผู้ค้า
และครอบครัวของเขาด้วยไหมคะ และผลกรรมจะเป็นอย่างไร


คำตอบ
การค้ายาเสพติด ย่อมมนำความวิบัติมาสู่ตนและครอบครัว

1. สุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยบ่อย มีโรคร้าย

2. ทำมาหากินไม่เจริญ พบความวิบัติ

3. เกิดวิกฤตในชีวิต ทำให้พลิกผันไปทางเสื่อมได้

ทั้งนี้เพราะผลจากกรรมที่ทำให้เพื่อนมนุษย์ชาดสติ สัมปชัญญะ และฆ่าคนอื่นแบบผ่อนส่ง เมื่อประมวลจากศีลข้อที่ร้ายแรงที่สุดคือ ข้อ 5 สุราเมรยะ เพราะถือว่าทำให้ขาดสติ เมื่อขาดสติแล้ว ผลร้ายตามมาได้มากมาย ดังนั้นหากเราเป็นผู้ทำให้ผู้อื่น ด้วยการค้ายาเสพติดถือว่ามีวิบากกรรมหนักและนาน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อาหารที่ใช้ไหว้เจ้าในวันเทศกาลต่าง ๆ ของจีน เช่น วันตรุษสารท วันตรุษจีน เป็นต้น หลังจากไหว้เจ้าหรือไหว้วิญญาณแล้ว สามารถนำไปใส่บาตรพระได้หรือไม่? เพราะไหว้แต่ละครั้งอาหารและผลไม้เยอะมาก บางอย่างแบ่งมาใส่บาตรไม่ได้ เช่น เป็ด ไก่ ตอนนี้ยังไม่กล้านำไปใส่บาตร เพราะกลัวทำไม่ถูกต้องค่ะ

ตอนนี้ได้พยายามแนะนำให้ทางบ้านใช้ของไหว้เป็นผลไม้แทน แต่ทางบ้านก็ยังไม่แน่ใจเพราะเป็นประเพณีมายาวนานแล้ว

หลังจากได้เริ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมมาเล็กน้อย ก็พยายามถ่ายทอดสิ่งที่ได้ฟัง ได้อ่าน ได้ปฏิบัติ ให้ครอบครัวฟัง โดยเฉพาะพ่อกับแม่ค่ะ ก็รู้สึกมีการตอบสนองในทางที่ดี

คำตอบ
อาหารที่นำไปไหว้เจ้าแล้ว ไม่ควรนำไปใส่บาตร เพราะผลที่ได้รับจะเป็นบาป ถ้าอาหารและผลไม้มีมากก่อนนำไปไหว้เจ้า ควรแบ่งส่วนหนึ่งไว้ไปใส่บาตร อีกส่วนหนึ่งนำไปใช้ไหว้เจ้า การกระทำอย่างนี้เป็นบุญ ของที่ไหว้เจ้าแล้ว ควรแบ่งปันให้เพื่อนบ้านตามเห็นควร เพื่อเป็นการสร้างทานต่อไป

2. ข้าวที่จะใส่บาตร เป็นข้าวหม้อเดียวกับที่ทานเหลือวันก่อนได้ไหมค่ะ เนื่องจากเวลาหุงข้าวจะหุงคราวละมากๆ

คำตอบ
ข้าวที่จะใส่บาตร เป็นข้าวหม้อเดียวกับที่ทานเหลือจากวันก่อน ไม่ควรนำไปใส่บาตรเพราะเป็นอาหารเดน ถ้านำไปใส่บาตรก็เป็นเดนทาน ถ้าพระที่มาบิณฑบาต เป็นพระที่มีคุณธรรมสูง จะส่งผลให้ผู้ใส่บาตรต้องรับอกุศลวิบาก
ตัวอย่างเช่น นางเรวดีเป็นภรรยาของนันทิยะมาณพ นำอาหารที่เหลือจากการบริโภคแล้ว ไปใส่บาตรพระอริยบุคคล ทำให้ตนเองตายแล้วลงไปเกิดเป็นสัตว์นรก

3. เรื่องการพูดค่ะ บางครั้งรู้สึกว่าแม่ชอบพูดเพ้อเจ้อ ชอบเอาเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ดีของคนอื่น มาพูดอยู่เรื่อย จนบางครั้งทนไม่ได้ ก็โมโหบ้าง พยายามเตือนแม่หลายหน ก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เมื่อมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ก็กำหนด "ยินหนอ ๆ ๆ" บางครั้งก็ไม่หาย จะทำอย่างไรดี เพราะกลัวว่าแม่จะผิดศีลข้อมุสาฯ ด้วยค่ะ (รู้สึกว่าตัวเองจะมีกรรมด้วย เพราะชอบเตือนแม่ ก็เลยทำให้พูดไม่ออกบ้าง ลิ้นแข็งบ้าง)

คำตอบ
แม่ชอบคุยเรื่องไม่ดีของคนอื่น เป็นเรื่องอกุศลกรรมของแม่ ถ้าอยากจะช่วยแม่ ตัวเองต้องสงบปากสงบคำ ไม่สนับสนุน ไม่ตำหนิ ไม่เตือน แต่ต้องทำดีให้แม่ดูเป็นตัวอย่างด้วยการไม่พูดจากสานต่อคำพูดที่ไม่ดีของแม่

4. ข้อนี้อาจเป็นปัญหาไร้สาระค่ะ คือว่า การทำบุญกระเบื้องมุงหลังคาวัด หรือพื้นอาคารในวัด ที่ให้ซื้อทำบุญเป็นแผ่น ๆ หากเรายังไม่หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร แล้วสมมติเราละจากภพนี้ไปสู่ภพหน้า เช่น เป็นเทวดา อานิสงค์นี้จะทำให้เรามีบ้านหรือที่อยู่อาศัยหรือไม่คะ ? และหากเรายังไม่หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร การทำบุญอย่างไรหรืออะไรบ้าง จึงจะทำให้เมื่อละจากภพนี้ไปแล้วจะมีสิ่งต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม (ส่วนอาหารและยาที่เป็นของทิพย์คิดว่าได้จากการใส่บาตรและทำสังฆทาน) หรือ สวรรค์สมบัติ เป็นต้น ที่จะเป็นปัจจัยให้ชีวิตในภพต่อไปมีพร้อม

และช่วยเกื้อหนุนให้ได้ทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อเข้าสู่ความหลุดพ้นค่ะ

หรือจะใช้การอธิษฐานจิตคะ?

คำตอบ
เรื่องการทำบุญดังที่มีระบุไว้ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ควรต้องทำอยู่เสมอ ทำบุญด้วยกระเบื้องมุงหลังคาวัด หรือพื้นอาคารวัด เป็นการทำทานด้วยวัตถุที่มีผลเป็นบุญ การที่บุคคลจะพัฒนาจิตวิญญาณตัวเองให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ ต้องมีบุญเป็นพื้นฐานรองรับ จึงจะพัฒนาจิตวิญญาณได้สำเร็จ ดังนั้นไม่ควรปฏิเสธการทำบุญควรจะทำให้หลากหลาย เพราะบุญเป็นทรัพย์ภายใน ติดตามข้ามภพชาติ หากเรายังจำเป็นต้องเกิดใหม่

5. ในภพภูมิที่เป็นเทวดา จะสามารถสามารถปฏิบัติธรรม เช่น วิปัสสนากรรมฐาน ได้หรือไม่? ดิฉันเคยได้ยินว่าเทวดาจะสร้างบารมีให้ตัวเองเพิ่มได้ยาก ยกเว้นแต่เป็นเทาวดาชั้นสูงจริง ๆ



คำตอบ
ในภพภูมิที่เป็นเทวดา เทวดาบางองค์สามารถปฏิบัติธรรม จนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นเทวดาโสดาบันได้ และเทวดาโสดาบัน บางองค์ปฏิบัติธรรม จนบรรลุอรหัตถผลเป็นพระอรหันต์ได้ เทวดาโสดาบันบางองค์ ต้องจุติลงไปเกิดเป็นมนุษย์โสดาบันแล้วปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตถผลเป็นพระ อรหันต์ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ขณะที่ขับรถอยู่ เคยเห็น สุนัข แมว ถูกรถทับ อยู่ข้างทาง บ้างก็ต้องมีอุบัติเหตุเสียชีวีต เลย คิดว่าอยาก จะแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ และ วิญญาณ สัพพะเวสี ซึ่งน่าจะมีอยู่ข้างทางระหว่างที่เราขับรถผ่านไปมา

เราควร หรือทำได้หรือไม่ มีข้อเสียหรือไม่คะ ถ้าทำได้ ควร จะ กล่าวคำ แผ่เมตตา หรือ อุทิศส่วนกุศล อย่างไร ดีคะ แล้วพวกเขาเหล่านั้น จะได้รับบุญหรือไม่

คำตอบ
สุนัข แมวที่ทิ้งซากศพอยู่บนถนน ถ้าคุณขับรถผ่านไปเห็นซากศพของมัน ถ้าคุณมีเมตตาและสงสารต่อสัตว์โลก คุณควรอุทิศบุญกุศลให้กับสัตว์ที่ถูกรถทับตายนั้น เขาจะได้รับบุญกุศลที่คุณอุทิศให้ ถ้าจิตวิญญาณมาอนุโมทนา และจะไม่ได้รับถ้าจิตวิญญาณของเขาไม่ทราบและไม่มาอนุโมทนา

2. ระหว่างที่นั่งสมาธิ มีอาการรู้สึก นึกถึงพระคุณบิดามารดา และซาบซิ้ง ถึงความดีของ เพื่อน ที่ เขา ดี กับเรามากๆ ใจมีสุขมากคะ และเหมือนกับบอกให้ตัวเราต้องทำดีต่อพวกเขา และทำบุญให้มากๆ คะ

ควร ปฏิบัติ กำหนด อย่างไร และ อาการนี้เรียกว่า อย่างไรคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ มา ณ โอกาสนี้คะ



คำตอบ
ระหว่างนั่งสมาธิ มีอาการรู้สึกนึกถึงพระคุณของบิดามารดา ฯลฯ นั่นเป็นช่วงที่สติไม่ได้อยู่กับอิริยาบถปัจจุบัน เป็นอาการของคนขาดสติ ควรดึงสติกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม ด้วยการกำหนดว่า รู้หนอ
รู้หนอ ๆ ๆ เรื่อยไป จนอาการรู้สึกนึกถึงดังกล่าวหายไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกมีปัญหาที่จะขอเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ ลูกจะมีปัญหาในการคบหาเพื่อนต่างเพศเสมอมา ต้องการเรียนถามวิธีปฏิบัติที่จะให้พ้นวิบากกรรมนี้ค่ะ และได้พบผู้ที่จะมาค้ำชูอุปถัมภ์ให้ลูกมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขี้นไป

ขอกราบพระคุณท่านอาจาร์ยค่ะ

คำตอบ
เพื่อนมีทั้งดีและไม่ดีเป็นของธรรมดาโลก เพื่อนดีเรียกว่า กัลยาณมิตร ซึ่งมีลักษณะเด่น 2 อย่างคือ เวลาเราทำไม่ดี เพื่อนประเภทนี้จะขัดขวาง ท้วงติงไม่ให้ทำความชั่ว ในขณะเดียวกันเขาจะชักชวนให้เราทำดี เพื่อนไม่ดีเรียกว่า บาปมิตร มีลักษณะตรงข้ามกับกัลยาณมิตร ควรคบทั้งสองประเภท แต่จะคบอย่างใกล้ชิด (เพื่อนซี้) โดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ คบแล้วสบายใจ ไม่ทำให้เราเสียหาย ต้องคบกัลยาณมิตร เมื่อได้กัลยาณมิตรมาเป็นเพื่อนแล้วต้องปรับปรุงตนเองให้เป็นคนสะอาด (มีศีล) ให้เป็นคนดี (มีคุณธรรม) คนดีเป็นคนมีอารมณ์เย็น มีความอ่อนน้อม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาแต่ใจตัวเอง มีความกตัญญูกตเวที มีการเสียสละ มีความขยัน มีความอดทนอดกลั้น มีความรับผิดชอบ ฯลฯ
ถ้าปรับปรุงตัวเองให้ดีได้อย่างนี้แล้ว ปัญหาเรื่องการคบเพื่อนจะหมดไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การที่บางคนบูชาสิ่งที่คิดว่าจะช่วยเสริมบารมี หรือแก้ไขในจุดที่บกพร่อง โดยการนำมาตั้ง วาง ติดตัวนั้น จริง ๆ แล้ว สามารถช่วยได้มั้ยคะ (เช่น สิงโต มังกร สัตว์ประจำราศี ต่าง ๆ)

คำตอบ
พระพุทธเจ้าสอนว่า อย่าศรัทธาโดยใช้อารมณ์ แต่ให้ศรัทธาโดยใช้เหตุผล เป็นเครื่องรองรับ จะเป็นศรัทธาที่ยั่งยืน ถ้าต้องการเสริมบารมีให้กับตัวเอง ต้องปฏิบัติธรรม 10 อย่างให้มีอยู่ในใจตัวเอง (ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา) และถ้าต้องการแก้ไขสิ่งบกพร่องของชีวิต (ดวงชะตา) ให้ดีสามารถทำได้ด้วยการเจริญสติให้มาก แล้วใช้สติควบคุมการคิดให้คิดแต่สิ่งดี ควบคุมการพูด ให้พูดแต่สัมมาวาจา (ไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่เสียดแทง ไม่เพ้อเจ้อ) ควบคุมการกระทำให้ดี ให้ทำแต่สิ่งดี (ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เบียดเบียน) ทุกขณะตื่น ทำได้อย่างนี้ ดวงดีแน่นอน

2. ศาลต่าง ๆ ที่มีคนสร้างอุทิศให้กับ สัตว์ ที่มีบุญคุณ หรือบางครั้งถือว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทาง แล้วก็มีคนไปกราบไหว้ เหมาะสมมั้ยคะ เพราะเราน่าจะอยู่ในภพที่สูงกว่า และอาหาร สิ่งของที่คนนำไปถวาย จะได้รับ ได้ใช้หรือไม่ และเจ้าที่นั้น จะให้คุณ โทษ กับผู้ที่เคารพและไม่เคารพได้มั้ยคะ และจะมีผลต่อไปอย่างไร (ภพหน้า)

คำตอบ
สัตว์บางตัว มีคุณธรรมสูงกว่ามนุษย์ เช่นพระโพธิสัตว์ ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ดรัจฉาน เพื่อบำเพ็ญบารมี ตายไปแล้วสร้างศาล สร้างสถูปให้รูปนามที่เป็นทิพย์มาสิงสถิตย์ มนุษย์ที่ไปกราบไหว้นั้น เขาไหว้คุณธรรมที่มีอยู่ในใจของสัตว์ อย่างนี้ทำแล้วดี ทำแล้วเป็นมงคล (ปูชาจะปูชณียานังฯ)

การบวงสรวงการเซ่นไหว้ เป็นพิธีกรรมที่แสดงออกให้เห็นถึงการให้ทาน แก่ผู้มีรูปนามเป็นทิพย์ เป็นการแสดงออกถึงการระลึกถึงคุณความดี และตอบแทนคุณความดี (กตัญญูกตเวที) วิธีหนึ่ง มีแต่คุณไม่มีโทษอะไร

3. ในวันพระ ถ้าทำบุญจะได้บุญมากกว่าวันธรรมดา ใช่มั้ยคะ และถ้าทำบุญให้บรรพบุรุษ ก็จะมารับได้โดยตรง หรือไม่คะ และวันพระไทย / วันพระจีน ถือเป็นวันพระที่เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร

คำ ตอบ
ทำบุญจะได้บุญมากหรือน้อยอยู่ที่กำลังศรัทธาของใจ ไม่ขึ้นกับวันเวลาหรือฤกษ์ยาม วันพระไทยกับวันพระจีน ต่างกันที่สมมุติไม่ตรงกัน

ทำบุญให้บรรพบุรุษ ถ้าเขามาอนุโมทนาเขาก็ได้รับ ถ้าสื่อไปไม่ถึงเขาไม่รู้ว่าเราส่งบุญไปให้ เขาไม่มาอนุโทนาเขาก็ไม่ได้รับ

4. การเผากระดาษ ซึ่งสมมตว่าเป็น เงิน ทอง เครื่องใช้ ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับจริงมั้ย แต่คุณแม่ก็ว่าเป็นประเพณี ต้องทำ และบรรพบุรุษ จะได้มีของใช้ และส่งคืนกลับมาให้เรา ซึ่งเป็นความเชื่อ ตรงนี้ อาจารย์คิดว่าบรรพบุรุษจะได้รับสิ่งของเหล่านี้มั้ยคะ

เพราะดิฉันนับถือแต่พระรัตนตรัย แต่คุณแม่บอกว่าต้องนับถือทั้งหมด 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน คุณแม่ว่าคิดว่ากว่าเราจะขึ้นสวรรค์ ต้องผ่านหลายด่านค่ะ


คำ ตอบ
ในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าไม่เคยบอกเลยว่า ผู้ที่ตายไปแล้ว จะได้รับสิ่งที่ลูกหลานเอาไปให้ แต่บอกว่า ทรัพย์ภายใน (บุญ) เท่านั้นที่จะนำติดตัวไปได้ บุญเท่านั้นที่ส่งถึงกัน ได้ (อุทิศบุญกุศลให้ผู้ล่วงลับ)

ในครั้งพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ถวายอาหาร ถวายผ้านุ่งห่ม ถวายวัดเวฬุวัน แต่พระพุทธเจ้าและสาวก หลังอุทิศบุญกุศลส่งไปให้ญาติที่เป็นเปรตมารอรับส่วนบุญได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.การที่เราอยากมีบุตรไว้สืบสกุล แต่ไม่่มี ถือว่าเป็น กุศลกรรมที่ทำมา หรือ
อกุศลกรรมที่ทำมา ครับ

คำตอบ
การที่อยากมีบุตรไว้สืบสกุล แต่ไม่มี ถือว่าเป็นกุศลกรรมที่ทำมาก็ได้ เช่นนางวิสาขามหาอุบาสิกาในครั้งพุทธกาล ไม่มีใครกล้ามาเกิดเป็นลูกเพราะ นางวิสาขามีคุณธรรมสูง (เป็นโสดาบันบุคคล) นางวิสาขาไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่าอยากมีบุตร พระพุทธเจ้าขึ้นไปดาวดึงส์ประกาศให้เทวดามาเกิดเป็นลูกของนางวิสาขาได้ มีผู้สมัคร 400 องค์ แต่ด้วยข้อจำกัดของระบบสรีระของมนุษย์ เทวดาจุติมาปฏิสนธิเป็นมนุษย์ในครรภ์ของนางวิสาขาได้เพียง 20 องค์ที่เหลือเกิดเป็น หลาน เหลน และบริวารจนครบจำนวนสมัคร
อีกส่วนหนึ่งถือว่าเป็นอกุศลกรรม ที่เกิดจากการผิดศีลข้อ 3 เป็นมูลเหตุการทำหมันสัตว์ คุมกำเนิดสัตว์ ความเครียดของจิตใจ ฯลฯ เหล่านี้เป็นเหตุนำมาซึ่งการไม่มีลูกได้

2.การมีอาชีพปล่อยเงินกู้ เป็นการสร้างอกุศลกรรม
หรือเปล่าครับ ผมคิดว่าหากเราให้เขากู้ โดยไม่ได้คิดดอกเบี้ย จนแพงเกินไป
เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้กู้ จะถือเป็นอกุศลกรรมด้วยหรือเปล่าครับ

คำตอบ
อาชีพปล่อยเงินกู้ ถ้าไม่คิดดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้บรรเทาความเดือดร้อน เป็นกุศลกรรมทำแล้วได้บุญ แต่ถ้าคิดดอกเบี้ยจะถูกหรือแพงก็ตามถือว่าเป็นการกระทำที่เบียดเบียน เป็นบาปเป็นอกุศลกรรม

3. อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรกับศาสตร์ฮวงจุ้ยครับ
บางกรณีประสบปัญหาด้านการค้า หลังจากแก้ไขฮวงจุ้ย กลับขายดีขึ้น
หรือบางกรณีที่ผู้อยู่อาศัยในบ้านประสบเคราะห์กรรมตายไปที่ละคน
เกี่ยวเนื่องกับฮวงจุ้ยในบ้านหรือเปล่าครับ




คำตอบ
ศาสตร์เกี่ยวกับฮวงจุ้ยมีจริง เป็นความรู้ (วิชา) ที่ยังข้องเกี่ยวอยู่กับโลกเป็นเรื่องความสมดุลลงตัวของการไหลเวียนของกระแส ธรรมชาติ หากเราไปทำสิ่งที่ขัดต่อการไหลเวียนของกระแสดังกล่าว ทำให้ผู้กระทำโดยไม่รู้มีอุปสรรคและปัญหาได้ เช่นไปซื้อบ้านอยู่ในพื้นที่ลุ่ม โอกาสถูกน้ำท่วมมีได้ การปักกลดของพระธุดงค์ ขวางทางโคจรของสัตว์ที่มีกายหยาบหรือมีกายทิพย์ ทำให้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการหลับนอนได้ ฯลฯ
การที่ผู้อยู่อาศัยในบ้านตายไปทีละคน (ตายหลายคน) ถ้าตายก่อนอายุขัยอาจเป็นผลมาจากฮ้วงจุ้ยได้ ถ้าตายทีละคนตามอายุขัย ไม่เกี่ยวกับฮวงจุ้ย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. “ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ” หมายความว่าอะไร อยากให้ช่วยอธิบาย เพราะดูเหมือนรู้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถูกต้องไหม

คำตอบ
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต หมายความว่า ผู้ใดเห็นสรรพสิ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปในที่สุด คือไม่มีตัวตน จิตไม่ยึด เอาสรรพสิ่งมามีอำนาจเหนือใจของตนจิตปล่อยวางเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง ผู้เห็นตามนี้และปฏิบัติได้ตรงตามนี้เรียกว่าผู้นั้นเห็นธรรม พระพุทธเจ้าเห็นตรงตามนี้และปฏิบัติได้ตรงตามนี้ ผู้เห็นธรรมจึงเห็นพระพุทธเจ้า

2. ผู้ปฏิบัติธรรมมีโอกาสได้เห็นหน้าตาของพระพุทธเจ้าที่เป็นกายเนื้อหรือไม่ ที่สงสัยเพราะพระพุทธรูปเช่น พระประธานตามวัดต่างๆหน้าตาทำไมไม่เหมือนกันเลย

คำตอบ
ผู้ปฏิบัติธรรมมิได้หมายความว่า เป็นผู้เข้าถึงธรรม ผู้เข้าไม่ถึงธรรมไม่มีโอกาสเห็นพระพุทธะ ผู้เข้าถึงธรรม (เข้าถึงกระแสพระนิพพาน) เคยบอกว่าได้เห็นพระพุทธเจ้าพร้อมอัครสาวกในรูปนิมิต มิได้เป็นกายเนื้อกายหนังอย่างมนุษย์ อริยบุคคลไม่เชื่อคำพูดที่ออกจากปากมนุษย์ แต่เชื่อเหตุและผล ฉะนั้นคำตอบนี้พึงอย่าปลงใจเชื่อ
พระประธานตามวัดต่าง ๆ มีหน้าและตาไม่เหมือนกัน เพราะใจของช่างผู้สร้างองค์พระมีศีลและมีธรรมแตกต่างกัน

3. ผู้ที่ยังไม่ถึงอายุขัยถูกรถยนต์ชนตาย วิญญาณจะยังคงอยู่ที่จุดที่รถยนต์ชนหรือไม่ หรือพเนจรไปเรื่อยๆ และสามรถทำร้ายคนที่ผ่านไปมาได้หรือไม่ เราจะแผ่เมตตาให้ได้หรือไม่ เมื่อผ่านจุดที่เคยมีคนตาย

คำตอบ
คนที่ตายก่อนอายุขัย ตายแล้วโอปปาติกะเป็นสัมภเวสี รูปนามที่เป็นทิพย์จะยังคงอยู่ที่จุดถูกรถยนต์ชนตาย หรือมีคนนำไปอยู่ในวัดก็ได้ สัมภเวสีบางตนชอบแกล้งคนที่ยังไม่ตาย ให้วิบัติหรือตายได้ ถ้าคุณมีเมตตาแผ่เมตตาให้เขาย่อมทำได้ถ้าคุณมีบุญกุศลคุณอุทิศบุญกุศลให้เขา ย่อมทำได้

4. ถ้าก่อนตาย ผู้ตายตั้งใจว่าไม่ขอเกิดอีก เป็นไปได้ไหม ว่าจะไม่เกิดอีกคือ นิพพาน


คำตอบ
ก่อนตายจิตยังตกเป็นทาสของกิเลส (โลภ โกรธ หลง ลบหลู่ ริษยา ตระหนี่ ฯลฯ) จิตยังมีอวิชชา (ความไม่รู้จริง) อยู่อีก ตายแล้วจะไม่ขอเกิดอีก ขอได้แต่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าอธิษฐานไม่เกิดอีกแล้วปฏิบัติจนอวิชชาหมดไปอย่างนี้เป็นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีเรื่องจะเรียนถามค่ะ หนูอยากจะช่วยเหลือคนคนนึงให้เค้าสอบได้ เพราะเค้าพยายามมานานเป็นปีแล้ว แต่ยังทำเท่าไรก็ทำไม่ได้สักที และเค้าก็จะป่วยทุกครั้งก่อนมีการสอบ หนูสงสารเค้ามาก และหนูก็อยู่ไกลจากเค้ามาก หนูมีความปรารถนาดี อยากให้เค้าสอบได้ค่ะ หนูแผ่เมตตาให้เค้า หลังจากสวดมนต์เสร็จ และตั้งใจจะไปทำวิปัสสนากรรมฐานที่วัดร่ำเปิง เมื่อหนูได้กลับไปเมืองไทยค่ะ บุญกุศลเหล่านี้ ที่หนูตั้งใจทำให้เค้า จะช่วยให้เค้าได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ไหมคะ หรือว่า จะมึวิธีใดที่หนูสามารถช่วยเหลือเค้าได้บ้างคะ รบกวนอาจารย์ช่วยชี้ทางให้ด้วยนะคะ



คำตอบ
วิธีช่วยให้คนอื่นสอบได้ โดยถูกต้องชอบธรรมและตรงที่สุด คือต้องให้ผู้สอบช่วยตัวเอง ด้วยการฝึกจิตให้มีสติ มีผลให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ผู้มีจิตเป็นสมาธิช่องความถี่ของคลื่นสมองมีการเปลี่ยนแปลง จาก 14-22 cycles/second ไปเป็นช่องความถี่ 7-14 cycles/second ซึ่งเป็นช่องความถี่ที่มีความสามารถ เก็บบันทึกข้อมูลได้มากและยาวนาน ปรัชญาจีนกล่าวว่า “ แก่นแท้ของความรู้จะเกิดขึ้นในจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ”
ถ้าคุณอยากช่วยเขาให้สอบได้ คุณต้องหาวิธีพูดให้เขาเชื่อและทำตามที่บอกนี้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะปฏิบัติ รู้ลมหายใจเข้า-ออกเรื่อยๆ จนมีสมาธินิ่ง แต่ไม่ดิ่ง รู้สภาวะในสิ่งที่กระทบภายใน +นอกตลอด จนกระแสความคิดที่เกิดขึ้น และดับ จนไม่มีคาวมคิดอีก เหลือแต่ความรู้สึกตัวตลอด เช่น ขนลุก จิตใจอิ่มเอิบ
แต่มีสภาวะ ที่สังเกตุคือ ความรู้สึกตัวที่มีตลอดเวลานั้น
(รู้สึกขนลุก ใจอิ่มเอิบแผ่ซ่าน จิตที่นิ่งๆ รู้กระแสในการกระทบ ของสภาวะอายตนะต่างๆที่กระทบ ที่เกิด ดับ) มันไม่ยึดติดกับร่างกายของเรามันลอยๆ ( ไม่ทราบว่าจะอธิบายยังไงค่ะ )

รู้แต่คิดแล้วรู้ คิดแล้วรู้ แล้วดับ แบบนี้ บางครั้งก็สังเกตุลองพิจาราณาสลับกับรู้กลับมาที่รูปทรงสัณฐานของเรา กับความคิดแล้วรู้ของเรา มันคิดแล้วรู้ แยกกับรูปทรงสันฐานของกายจน บางชั่วขณะจิตรู้ว่าความป็นรูปทรงสันฐานไม่มีปรากฏ มี แต่รู้อย่างเดี่ยวค่ะ (ต้องกราบขออโหสิท่านอาจารย์ค่ะ อาจจะวกไปวนมา )

ขอการบเรียนถามค่ะ
1.) ลักษณะนี้เรียกว่า เป็นการรู้รูป นาม ที่ปรากฏตามสภาวะจริงใช่หรือไม่ค่ะ และต้องปฏิบัติอย่างไรต่อ
เพื่อให้มีความก้าวหน้าในการเจริญสมาธิปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น

คำตอบ
ตอบว่าใช่ สิ่งที่ต้องปฏิบัติต่อไปคือ ต้องหาวิธีดับอาการขนลุก ใจเอิบอิ่มแผ่ซ่าน ฯลฯ ให้หมดไปด้วยการกำหนดว่า รู้หนอ ๆ ๆ เรื่อยไปจนกระทั่งอาการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นอีก แล้วจึงดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม
2.) เมื่อก่อนตอนนั่งสมาธิพอถึงระดับหนึ่ งค่ะจะมีสภาวะจิตนิ่งๆ วางเฉย รู้สึกเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไร นิ่งๆ เฉยๆ มีแต่รู้ว่านิ่งๆเฉยอย่างเดียว เมื่อวันที่ 28 สค.05 ได้ไปฟังเทศน์ที่ธรรมศาสตร์ค่ะ
ได้เขียนคำถามเรียนถามท่านพระครูเกษมธรรมทัต ท่านได้เมตตาตอบ และได้นำมาปฏิบัติ พอรู้สึกจิตนิ่งๆ เฉยๆ
หนูก็จะปฏิบัติวางจิตเป็นกลางๆ พิจาราณาสภาวะต่างๆ รู้สภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น จนสังเกตุว่ามีสภาวะ

จิตรู้ ว่าความป็นรูปทรงสันฐานของตนไม่มีปรากฏ มีแต่รู้ที่จิตอย่างเดี่ยวค่ะ

คำตอบ
ผู้ถามได้เรียนถามพระครูเกษมธรรมทัตแล้ว พระครูฯได้ตอบแล้วและได้เล่าเรื่องต่าง ๆ มาให้ฟัง (ฟุ้ง) มิได้ถามอะไรอีกจึงไม่มีคำตอบ

3.) เมื่อมีสภาวะจิตนิ่งๆคิดก็รู้ หนูก็อุทิศบุญขณะที่จิตนิ่งๆ มีสมาธิ ให้แก่ เทวดา พรหม มาร ฯลฯ ตลอดจนสรรพสัตว์ ทั้งหลายในสังสารวัฏรู้สึกกระแสพลังปิติที่แผ่กระจายออกไปจากเรา จนรู้สึกร่างกายเราเบาสบาย
สักพักรู้สึกมีกระแสเย็นๆมากระทบ ขนลุก มีปิติหนูก็อุทิศบุญกลับไปอีก ซึ่งตลอดเวลาในการอุทิศบุญหนูก้รู้กระแสความคิด (คำอุทิศบุญ) ตลอดค่ะ

เพราะหนูเคยฟังเทปอาจารย์ค่ะ ว่าเวลาเรามีสมาธิ จิตนิ่งๆ จิตจะมีพลัง หนูก็เลยอุทิศบุญจากการ ปฏิบัติภาวนาค่ะขณะมีสมาธิ และพอออกจากสมาธิหนูก็อุทิศบุญอีกค่ะ

คำตอบ
เป็นเพียงเรื่องบอกเล่ามิได้ถามอะไร


4.) ลักษณะที่หนูได้กราบเรียนถามอาจารย์ข้างต้นนั้น เป็นทั้ง สมถะ+วิปัสนา หรือเปล่าค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ต่อไปค่ะ .

ขออนุโมทนาในความเมตตาที่ท่านอาจารย์ มีให้แก่หนูตลอดมาค่ะ ขออาราธนาพระบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม พระอริสงฆ์ ได้ดลบันดาล บุญที่หนูได้ปฏิบัติภาวนา แม้จะชั่วหนึ่งขณะจิต ตลอดการสะสมความดีตั้งแต่อตีตชาติ จนถึงปัจจุบัน ณ.ขณะจิตนี้
ขอกระแสบุญนี้ส่งถึงอาจารย์ให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและบรรลุผลสำเร็จใน สิ่งที่ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ปราถนาค่ะ.
.

คำตอบ
ที่เล่าให้ฟังในข้อ 3 นั้นเป็นเพียงสมถกรรมฐาน ถ้าจะให้เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ต้องตามดูอาการขนลุกดังไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์ เช่นเดียวกัน ต้องใช้จิตตามดูกระแสความคิดดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์แล้ววิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้น ข้อสังเกตจิตระลึกทันรู้ทันปล่อยวาง จิตเป็นอิสระจิตปลอดอารมณ์ (สงบ)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ตอนหลับอยู่เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนมีคนมาขย่มเตียงเหมือนแผ่น ดินไหวมาปลุกแต่ไม่ตื่นก็มาดึงแขนดึงขา คืออะไรคะ เมื่อก่อนไม่เคยเป็น แต่พอมาภาวนาอย่างจริงจังจะมีอะไรแปลกๆบ่อยมาก เกิดจากอะไรคะมีวิธีแก้ไหม แต่หนูไม่กลัวค่ะ

คำตอบ
เกิดจากรูปนามที่ละเอียดมาขอส่วนบุญ วิธีแก้ไขคือทำตามที่ท่านเจ้าคุณโชดกแนะนำ คือทุกครั้งทำจิตภาวนา ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ให้กับญาติที่ตายไปแล้ว ให้กับสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายในวัฏฏสงสาร ฯลฯ แล้วอาการเหล่านั้นจะหายไป

2.ทำไมบางวันจิตก็สงบบางวันไม่สงบเลยช่วงหลังนี้ไม่เคยสงบเลยมีกิเลสเยอะมาก แนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
เป็นเรื่องปกติของคนปฏิบัติจิตตภาวนา ผู้ตอบคำถามเคยผ่านสภาวะแบบนี้มาก่อน วิธีแก้คือเร่งความเพียรให้มากขึ้น ปฏิบัติให้มีสติเข้มมากพอ แล้วอาการเหล่านั้นจะหมดไป

3.ได้ยินเสียงสวดมนต์ตอนดึกไพเราะมากแต่นิดเดียว ทั้งที่ไม่มีใครเปิดเทปหรือมีงานคืออะไรคะ

คำตอบ
นั่นเป็นผลที่เกิดจากจิตนิ่งเป็นสมาธิ ความถี่คลื่นจิตของคุณจูนไปตรงกับความถี่คลื่นในอีกมิติหนึ่ง

4 เวลาตั้งจิตอธิษฐานหรือคุยกับพระบางรูปรู้สึกขนลุกขนพองมากเพราะอะไรคะ

คำตอบ
เพราะขาดสติ อาการขนลุกขนพองจึงเกิดขึ้น ถ้าสติเข้มข้นอาการเหล่านั้นจะไม่เกิด

5 ถ้าหนูจะโมทนาบุญล่วงหน้ากับผู้ที่หนูรู้ว่าเขาชอบทำบุญมากๆรวมถึงท่าน ดร.สนองและพระอรหันต์ทั้งหมดในโลกนี้แต่ท่านไม่ได้บอกหนูโดยตรง หนูขอโมทนาได้ไหม จะได้บุญไหมคะ ถ้าหนูโมทนาบุญกับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่ท่านได้สั่งสมบุญบารมี หนูจะร่วมโมทนาบุญด้วยได้ไหม ต้องใช้คำพูดเช่นไรคะ

คำตอบ
อนุโมทนาบุญได้ เพราะเป็นบุญกิริยาวัตถุ 10 ทำแล้วผู้อนุโมทนาก็ได้บุญ วิธีการคือ ระลึกถึงคุณความดีของท่าน ระลึกถึงการทำดีของท่าน แล้วกล่าวคำว่า สาธุ

6 คำว่าโมทนาบุญกับอนุโมทนาบุญต่างกันอย่างไรคะ

คำตอบ
ต่างกันในการเขียน แต่มีความหมายเหมือนกันคือยินดี

7 เวลาสวดมนต์หรือนั่งภาวนาจะได้ยินเสียงชายมาพูดไม่ดีในสมองว่างมงาย แต่มีเสียงหญิงมาพูดดีว่าเป็นเทวดาที่รักษาตัวเรา คืออะไรคะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
ศัตรู (มาร) คือตัวการที่คอยขัดขวางไม่ให้เราทำความดี ส่วนคนที่สนับสนุนหรือเห็นดีด้วยเมื่อเราทำความดีคือมิตร เวลาสวดมนต์หรือนั่งภาวนาแล้วได้ยินเสียง แสดงว่าสติเคลื่อนออกไป จากการสวดมนต์หรือนั่งภาวนา ควรต้องกำหนดการได้ยินเสียงว่า ได้ยินหนอ ๆ ๆ ๆเรื่องไปจนกว่าการได้ยินเสียงดับไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่การสวดมนต์หรือองค์ภาวนาเดิม
เรื่องที่ถามว่าเป็นเทวดาอะไรนั่นน่ะ ไม่ต้องไปอยากรู้ รู้มากก็ฟุ้งมาก (อุทธัจจะ) เพราะเท่าที่ถามมาในข้ออื่น ๆ ก็ฟุ้งมากอยู่แล้ว ความฟุ้งซ่านเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง

8 พระ2องค์ หมอดู1คน บอกว่ามีเด็กติดตามตัวหนูตลอดเวลา เป็นกุมาร เป็นเด็กหญิงบ้าง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงไหมคะ หนูชอบแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลทุกครั้งหลังสวดมนต์ ภาวนา เขาถึงมาตามติดหนูใช่ไหมคะและต้องทำอะไรให้เขาบ้างคะ

คำ ตอบ
คำพูดที่ออกจากปากคน พระอริยะเขาไม่เชื่อ พระอริยะเชื่อเหตุผล คุณปฏิบัติจิตตภาวนา เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง เพื่อเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลในวันข้างหน้า ฉะนั้นควรดับความฟุ้งซ่านต่าง ๆ ที่เกิดกับใจของคุณให้ได้ แล้วการปฏิบัติจิตตภาวนาจึงจะสัมฤทธิ์ผล

9 เราสามารถละกิเลสโดยการตามดูจิตของเราเองตลอดเวลาโดยไม่ต้องนั่งสมาธิเลยได้ ไหมคะ ต้องทำเช่นไรคะ และจะทำให้ถึงนิพพานได้ไหม ถ้าไม่ทำสมถะและวิปัสนากรรมฐานด้วยการนั่งภาวนาอย่างเดียว ข้อนี้มีคนอื่นฝากถามมาค่ะ

คำตอบ
สามารถทำได้แต่ต้องสงบ แล้วดูจิตที่ถูกอายตนะภายนอก (รูป รส กลิ่น เสียง ฯลฯ) เข้ากระทบ แล้วเห็นสิ่งที่เข้ากระทบดับไป (อนัตตา) สิ่งกระทบไม่มีตัวตน เปรียบได้ดังที่ปฏาจาราเห็นน้ำที่ใช้ราดเท้าทั้ง 3 ครั้งหายลับเขาไปในแผ่นดินไม่มีน้ำเหลือให้เห็น ทุกผัสสะเห็นได้อย่างนี้ จะทำให้จิตปล่อยวาง จิตเป็นอิสระต่อสรรพสิ่ง โอกาสเข้าถึงพระนิพพานมีความเป็นไปได้

10 หนูติดสมถะกรรมฐานมากกว่าวิปัสนา เพราะหนูจะชอบมากกว่า แต่วิปัสนาจะฟุ้งซ่านมาก
ขอวิธีแก้ไขค่ะ

กราบขอบพระคุณและขอโมทนาบุญกับท่านดร.สนองทุกครั้งที่ท่านสร้างบุญค่ะ
สาธุ
จาก ผู้ปรารถนานิพพาน

คำตอบ
ปฏิบัติสมถกรรมฐานอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ เพราะอวิชชา (ความไม่รู้จริง) ยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไป วิธีแก้ไขคือ ขณะที่จิตสงบเป็นสมาธิ ให้ใช้จิตตามดูอาการสงบของจิต จนกว่าจะเห็นความสงบหายไป (อนัตตา) และเช่นเดียวกัน หากนิมิตใดหรืออารมณ์อื่นใดปรากฏขึ้นกับจิต ต้องใช้จิตตามดูจนกว่าสิ่งเหล่านั้นหายไป (อนัตตา) แล้ววิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นแทนที่

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ทำไมทำบาปแล้วกรรมจะตามทันเร็ว มากแต่เป็นกรรมเล็กน้อยเช่นฆ่ามดก็จะคันตามตัวเรื่อยๆเป็นเพราะอะไรคะ กรรมอย่างอื่นก็เป็นคะ

คำตอบ
คนที่มีบุญ หากทำบาปแล้วผลของบาปจะเกิดขึ้นเร็วกว่าคนไม่มีบุญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราต้องใช้หนี้บาปที่ตามมาให้ผล เจ้าคุณโชดกแนะนำว่า หลังจากฝึกกรรมฐานเสร็จในแต่ละวัน ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง

2.พวกผี เปรตสามารถเข้ามาอยู่ในบ้านเราได้หรือไม่คะหนูชอบสวดมนต์นั่งสมาธิเสมอและ อุทิศบุญพร้อมแผ่เมตตาเสมอถ้าเขาเข้ามารบกวนเราควรแก้ไขยังงัยคะ

คำตอบ
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ยาวไกล ปัจจุบันยังไม่สามารถตามกลับไประลึกถึงได้ จึงตอบไม่ได้ แต่จากหลักฐานที่บันทึกกันไว้ มีแต่ไปพบเปรตในอากาศ เปรตบนพื้นดิน เปรตในไร่นา เปรตในหลุม เปรตในป่า เปรตบนทางสัญจร เปรตมีวิมานอยู่อาศัย ฯลฯ เปรตโดยกำเนิดที่อาศัยอยู่ในบ้าน หรือเข้ามาขอส่วนบุญในบ้านมีหรือไม่ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ที่ยังมีเศษกรรมของเปรตเหลือตกค้างอยู่ในจิตใจ (มนุสฺสเปโต) มีบ้านเป็นที่อยู่อาศัยได้ เข้ามารบกวนในบ้านได้ ทางที่ดีควรทำทานให้ไปเท่าที่ตัวเองมีความสามารถจะให้ได้ เป็นหนทางหนึ่งที่เขาทำให้เราได้สร้างทานบารมีอย่าเห็นว่าเป็นการรบกวน หรือทำให้เดือดร้อน ให้เท่าที่มีให้แล้วสบายใจเป็นใช้ได้

3.คนดีมีเทวดารักษาทุกคนใช่ไหมคะแล้วเทวดาจะคุ้มครองเราเรื่องอะไรบ้างคะ แล้วเราต้องตอบแทนท่านอย่างไรบ้าง เทวดาท่านมาจากไหน มาได้อย่างไรและจะคุ้มครองตลอดเวลาไหมและจะเปลี่ยนเป็นองค์ใหม่ได้ไหมคะ

คำตอบ
คุณธรรมของมนุษย์คือการทำความดี คุณธรรมของสวรรค์คือปกป้อง คุ้มครองมนุษย์ผู้ทำความดี เช่นอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีเทวดารักษาอยู่ที่ซุ้มประตูเข้าบ้าน พระโพธิสัตว์ (เจ้าชายสิทธัตถะ) มีเทวดาผู้ใหญ่ 4 องค์ (จตุโลกบาล) คอยปกป้องดูแล เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ที่ติดอยู่กับภพภูมิของมนุษย์ เทวดานี่หน้าที่เหมือนพี่เลี้ยงเขาช่วยทุกเรื่องที่ดีงามที่มนุษย์ผู้มีความ ดีประสงค์จะทำ เทวดาก็อยากได้ทำบุญเช่นเดียวกันมนุษย์ อายุขัยของมนุษย์สั้นนิดเดียว เมื่อเทียบกับอายุขัยของเทวดา นั้นเขาคงไม่เปลี่ยนเทวดาองค์ใหม่มาดูแลมนุษย์ผู้มีบุญหรอก

4เราแผ่เมตตาให้คนตายได้ไหมคะหรือได้แต่คนที่ยังไม่ตายเท่านั้น แล้วคำว่าอุทิศบุญกุศลสำหรับคนตายใช่ไหมคะ
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
คำว่าเมตตามีความหมายว่าความรักหรือความปรารถนาให้ผู้อื่น มีความสุขถ้าคุณมีเมตตา คุณสามารถแผ่เมตตาให้คนอื่นและสัตว์อื่น ทั้งที่มีชีวิตและตายไปแล้วได้
ส่วนคำว่าบุญกุศล เป็นความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ เป็นกุศลธรรม เมื่อคุณได้ทำแล้วและมีบุญกุศลอยู่กับตัวแล้ว สามารถอุทิศบุญกุศลให้ทั้งคนที่มีชีวิตอยู่หรือคนที่ตายไปแล้วได้ แต่มีเงื่อนไขว่าเขาจะได้รับต้องมาอนุโมทนาบุญเอาเอง

5 หนูชอบนั่งสมาธิสวดมนต์เสมอ และแผ่เมตตา อุทิศกุศลให้เหล่าสรรพสัตว์ ทั้งสามทั่วโลกธาตุมานานแล้วจะทำให้พวกกายทิพย์มาคอยรับบุญอยู่ข้างตัวเรา หรือเปล่าคะ หรือเขาจะคอยอยู่นอกบ้าน เพราะไม่อยากให้เขามาอยู่ในบ้าน
ควรทำอย่างไรคะ

คำตอบ
พวกกายทิพย์ เช่น เทวดา พรหม เข้ามาในบ้านได้ ดูตัวอย่างของพระสารีบุตร ก่อนเข้านิพพานอาพาธหนัก มีเทวดาผู้ใหญ่ พรหมผู้ใหญ่ เข้ามาเยี่ยมอาการอาพาธถึงในห้องนอนที่บ้านเกิด เหตุเพราะพระสารีบุตรเป็นพระอรหันต์มีคุณธรรมสูง แต่ถ้าไม่มีคุณธรรม พวกนี้รังเกียจไม่เข้าใกล้ เขาเหมือนมนุษย์ผู้มีร่างกายและจิตใจสกปรก
ตรงกันข้ามจากประสบการณ์ของผู้ตอบคำถาม ภิกษุที่ถูกคนร้ายยิงตายแล้วโอปปาติระเป็นสัมภเวสี มีกายทิพย์เช่นกัน ยังเข้ามาในโบสถ์แล้วสื่อให้มนุษย์ทราบได้ด้วยเสียงคนนอนกรน และกลิ่นเหม็นสาปสาง วันรุ่งขึ้นได้เดินผ่านบ้านเล็ก (ศาลเจ้าที่) จึงได้บอกสัมภเวสีว่า วันนี้ไม่ต้องเข้าไปในโบสถ์ เพราะมีกลิ่นเหม็นให้รออยู่ข้างนอกนี่แหละ แล้วจะอุทิศบุญกุศลให้ วันรุ่งขึ้นสัมภเวสีที่อ้างถึงไม่ได้แสดงสื่อให้ปรากฏอีกเลย ลองเอาเรื่องนี้ไปประยุกต์ให้กับตัวเองดูนะ

6เพื่อนนั่งวิปัสสนาครั้งแรก เขารู้สึกตัวเขาเบาเหมือนปุยนุ่นและไม่ได้ยินเสียงหรือรับรู้สิ่งภายนอก
คืออะไรคะ

คำตอบ
คือปีติชนิดหนึ่ง (อุพเพคาปีติ) เป็นผลที่เกิดจากจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ยังไม่ใช่วิปัสสนาภาวนา

7 ทำดีก็ขึ้นสูง ทำชั่วลงต่ำ
อย่างนี้ถ้าเราทำดีแล้วขึ้นสวรรค์พอเสวยสุขหมดก็ต้องลงมาชดใช้กรรมตามลำดับ ใช่ไหมคะ อย่างนี้แล้วอดีตที่เคยทำกรรมไว้ก็แก้ไขไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบัน ทำแต่ควมาดี อย่างนี้จะขึ้นสูงหรือลงต่ำ ก็ไม่มีผลสิคะ แล้วเราจะฝึกจิตให้ไปดีก่อนทำไมคะ ในเมื่อก็ต้องได้รับทั้งสองอย่างอยู่แล้ว ลำบากก่อน สบายทีหลังไม่ดีกว่าหรือคะ หนูคิดผิดไหมคะ แนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
ใช่แล้ว กรรมทุกอย่างจิตเก็บสั่งสมไว้แก้ไขใหม่ได้ ทำกรรมชั่วไว้แล้วคิดจะหนีผลของกรรมชั่ว ต้องทำดังนี้คือ ทุกขณะตื่นเลิกทำกรรมไม่ดีทุกชนิดทำแต่กรรมดีเรื่อย ๆ ไปให้จิตบันทึกแต่กรรมดีให้ยิ่งใหญ่ แล้วต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบ่อย ๆ อุทิศให้ทุกวันได้ยิ่งดี หากทำได้อย่างนี้ยังพอมีโอกาสหนีวิบากของกรรมไม่ดีได้ ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่ากรรมไม่ดีที่ทำมีความรุนแรงในการให้ผลมากแค่ไหน และกรรมดีที่มีอานิสงส์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของกรรมดี ที่เลือกทำอีกด้วย

8ถ้าเรานั่งสมาธิ แล้วจะมีวิญญาณอื่นสามารถมาเข้าร่างเราได้ไหมคะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ถ้าเขาชวนคุยในจิตแล้วไม่สนใจเขาจะโกรธเราไหมและจะทำอันตรายเราได้ไหม และแก้ไขอย่างไรคะ

คำตอบ
ถ้านั่งสมาธิแล้วมีสติกำกับตลอดเวลา พลังงานอื่น (จิตวิญญาณ) ไม่สามารถมาใช้ร่างกายคุณได้ และที่ถามว่าเขาชวนคุยแล้วไม่สนใจ เขาจะโกรธไหม จะทำอันตรายได้ไหม เป็นคำถามที่เกิดจากคนขาดสติถาม คนมีสติเข้าไม่ถามกัน

9เจ้ากรรมนายเวรของเรามาในรูปแบบไหนบ้างเป็นผี วิญญาณ หรือเป็นอะไรได้บ้างคะ แล้วเขาไม่ไปตามบญกรรมของเขาหรือ ทำไมยังมาจองเวรกับเราได้อยู่ ทำไมพญายมไม่มารับจิตเขาไปพิพากษาตามกรรมเขา เพราะเขาตายไปแล้ว อธิบายและแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
มาในทุกรูปแบบที่ทำให้คุณไม่สบายใจ เป็นอุปสรรคเป็นปัญหา เป็นทุกข์ กรรมไม่ดีหากยังไม่ให้ผล ยังไม่ต้องรับอกุศลวิบากนั้น

10 พวกสัมภเวสีทำไมต้องตายก่อนอายุขัย แล้วเขาอยู่อย่างไรในโลกเรานี้ เขาสามารถไปไหนได้ตามต้องการใช่ไหม และจะมารบกวนคนหรือเข้าสิงได้ไหมคะ

กราบขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ท่านเมตตาถ้าคำถามใดไม่สมควรถามหนูขอกราบขออภัย ท่านด้วยค่ะ
......ผู้ใฝ่ธรรมะ

คำตอบ
ตามชนิดของกรรมที่ทำไว้ก่อน เช่นทำกรรมตัดรอนมาก่อนเขาอยู่อย่างสัมภเวสี ตายตรงไหนมักจะอยู่ตรงนั้น บริเวณนั้น เว้นไว้แต่ว่าจะมีผู้นำเขาไปอยู่ที่อื่นเช่นพาไปอยู่ในวัด พาไปอยู่ข้างนอกโบสถ์ แต่เขาต้องยินยอม และทำตาม เขาอาจมาขอส่วนบุญกับผู้มีบุญ หรือกลั่นแกล้งคนที่ขาดสติให้พบความวิบัติได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมศรัทธาและเคยปฏิบัติแนวพองยุบมา แต่มีปัญหาว่าไม่สามารถจับอาการพองยุบได้เลยแม้ว่าท้องจะพองยุบ ตามปกติ เสมือนหนึ่งไม่มีความรู้สึกบริเวณท้อง เป็นมาหลายปีแล้วครับ รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำวิธีแก้ด้วยครับ อยากปฏิบัติได้มาก

คำตอบ
นั่นเป็นเครื่องแสดงว่า จิตยังมีสติไม่มากพอ จึงไม่สามารถตามไประลึกรู้ อาการพอง – ยุบของหน้าท้องได้ วิธีแก้ไข ให้หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อยปล่อยลมหายใจออกตามปรกติ เพื่อทำให้อาการใหญ่ของการพอง – ยุบ ปรากฏให้สติจับได้แล้วปล่อยให้หายใจตามปกติ ลมเข้า- ออกจะละเอียดขึ้น สติตามระลึกรู้อาหารพอง – ยุบ แม้จะละเอียดเพียงใด ก็ตามระลึกรู้ได้หมด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 04:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญพร..อาจารย์สนอง วรอุไร

อาตมามีเรื่องอยากถามอาจารย์


1. เวลานั่งสมาธิเกิดความฟุ้งซ่านขึ้นมา ควรจะแก้ไขอย่างไร ?

คำตอบ
ความฟุ้งซ่าน(อุทธัจจะ)เกิดจากการส่งจิตออกนอกตัว ไปสู่อดีต อนาคต ไปรับสิ่งกระทบภายนอกมาปรุงแต่งเป็นอารมณ์ ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ในสมัยที่ฝึกอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ก็เคยมีอาการอย่างนี้ และแก้ปัญหา 2 วิธีคือ วิธีแรก หันหน้าเข้าหามุมห้อง เมื่อจิตส่งออกไปกระทบมุมห้องก็กลับเข้าสู่ตัว จิตไม่เที่ยวไปไกล จึงสงบได้
อีกวิธีหนึ่ง สร้างมโนภาพขึ้นมาว่า มีกล่องเหล็กผนังหนา ขนาดกว้าง ยาวประมาณหนึ่งคืบ กล่องนี้ฝังอยู่ในตัวเอง มีรูเปิดรูเดียว เล็กขนาดเข็มเย็บผ้าลอดได้ เอาจิตเราเข้าไปขังไว้ในกรงเหล็กแล้วคอยจ้องดูที่ปากรู ว่าเมื่อไหร่จิตจะหนีออกไปข้างนอก ปรากฏว่าจิตไม่หนีออกไปนอกตัวอีกเลย เพราะเราคอยจ้องที่ปากรู ทั้งสองวิธีสรุปลงได้ว่า จิตมีสติมากขึ้น จึงไม่หนีออกไปข้างนอก ผลทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่านหายไป

2. เวลานั่งสมาธินานจนเหน็บมันกินที่แข้งและขา แล้วก็นั่งไปเรื่อย ๆ จนจิตเข้าสู่ภาวะใดภาวะหนึ่ง ( ไม่ทราบ ) แต่รู้สึกว่าสบาย คล้าย ๆ ว่าตัวลอยอยู่ เบาสบาย แล้วลองเอาจิตคิดว่าจะเลิกทำสมาธิมันก็ไม่อยากจะออก ไม่เหมือนตอนจิตไม่สงบ แต่เวลาจิตเข้าสู่ภาวะนั้นหูก็ยังได้ยินเสียงอยู่ อยากทราบว่าควรจะทำอย่างไร ?

ขอเจริญพรขอบคุณอาจารย์

ธมฺมทินฺโน ภิกฺขุ

คำตอบ
อาการที่บอกนั้นเป็นปีติชนิดหนึ่ง จะเกิดเมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ อาการเป็นเหน็บชาที่แข้งขาหายไป ความเบาสบายเกิดขึ้นแทนที่ คนส่วนใหญ่มักไปติดที่อารมณ์นี้ เพราะจิตสงบ มีความสุข สมาธิระดับนี้หากนำไปพัฒนา วิปัสสนาญานจะเกิดขึ้นได้ ด้วยการตามดูเวทนา (ความเบาสบาย) ให้เห็นเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อความเบาสบายดับไป(อนัตตา) จะเกิดปัญญารู้แจ้งในเวทนาว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ดูตัวอย่างเหน็บที่แข้งขายังหายไปได้ เช่นเดียวกัน ขณะหูได้ยินเสียง ต้องตามดูให้เสียงดับ(อนัตตา) เช่นเดียวกัน แล้วจะเกิดปัญญาเห็นแจ้งในเสียงที่ได้ยินว่าเสียงก็ไม่มีตัวตน จิตปล่อยวางเสียง ทุกชนิดของเสียงในที่สุดดับหมด ถ้ารู้แจ้งเรื่องเสียงอย่างนี้แล้ว เสียงหนวกหู เสียงรบกวน เสียงสรรเสริญ เสียงก่นด่านินทา เป็นต้น ย่อมไม่มีอำนาจเหนือใจเรา จิตเป็นอิสระจากเสียงเพราะเกิดปัญญารู้ทัน(วิปัสสนาญาน)
นมัสการพระคุณเจ้า ทำแบบคนโง่ เชื่อแล้วทำตามคำแนะนำ เดี๋ยวดีเอง ...สาธุ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร