ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

แสงเทียนส่องใจ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31679
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  พี่ดอกแก้ว [ 14 พ.ค. 2010, 18:38 ]
หัวข้อกระทู้:  แสงเทียนส่องใจ

เทียนสองเล่มที่ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้าพระปฏิมาพระโบราณจารย์ท่านเปรียบไว้ว่า เสมือนพระธรรมและพระวินัยที่จะนำความสว่างมาสู่ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติตาม

แสงเทียนจากพระธรรม..... ส่องสว่างให้รู้ทั่วถึงความเป็นไปของชีวิต และสรรพสิ่งทั้งหลาย

แสงเทียนจากพระวินัย.... ส่องสว่างให้กระจ่างชัดถึงเส้นทางที่ควรดำเนินไปอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย หากปราศจากความรู้ทั่วเสียแล้ว เราก็มิอาจที่จะดำเนินชีวิตไปให้ตามเส้นทางที่ควรดำเนินได้ และหากปราศจากเส้นทางและความเคร่งครัดเสียแล้ว เราก็มิอาจเดินไปจนบรรลุเป้าหมายได้เช่นกัน


ทั้งสองประการจึงเป็นสิ่งที่คู่ควรอยู่ด้วยกันสมตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏ เพราะหากเรามีเพียงประการใดประการหนึ่ง ความครบสมบูรณ์ย่อมไม่เกิดขึ้น

ผู้ที่เรียนรู้มากแต่ไม่เพียรสังวรเพื่อความบริสุทธิ์ ก็เสมือนติดหลอดไฟไว้ทั่วบ้านแต่ไร้สายไฟที่จะนำพลังงานไปแสดงผล ส่วนผู้ที่เคร่งครัดต่อการปฏิบัติโดยปราศจากความรู้ ก็เหมือนกับการเดินสายไฟไว้แต่ไร้หลอดให้เรืองแสง

เคยสังเกตตนเองหรือไม่ว่า ..ทั้งๆที่เรามีความรอบรู้ในหลักธรรมอยู่มากมาย แต่ทำไมในบางครั้งที่เราประสบปัญหา เรากลับเกิดความท้อแท้และนิ่งดูดายต่อการแก้ไขหรือลุกขึ้นสู้ เราปล่อยชีวิตให้จมอยู่กับอารมณ์ที่มืดมนและหม่นหมอง.... เป็นการเปิดโอกาสให้ความมืดเข้ามาครอบครองชีวิตของเราไปในบางช่วง และเมื่อใดที่รู้สึกตัว... เราจึงเกิดความพยายามที่จะแก้ไข นั่นเป็นเพราะเราขาดความสมดุลในการใช้เทียนทั้งสองเล่มให้ประสบผล.. ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของปุถุชนที่ต่างจากอริยะชนอย่างสิ้นเชิง


อย่างไรก็ดี การรู้จักใช้แสงสว่างในบางคราวก็คือการทำลายความมืดให้หมดสิ้นลงไปในบางครั้ง ผู้ที่ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนจนมีความรู้ความเข้าใจแม้จะยังไม่ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติ อย่างน้อยก็นับได้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่มืดบอดต่อแสงธรรมที่สาดฉาย เพราะยังมีโอกาสที่ดีที่จะใช้แสงสว่างสำรวจดูตนได้ในยามที่สำนึกรู้สึกตัวในภายหลัง..

หากไม่สิ้นชีวิตไปเสียก่อนซึ่งก็ยังดีกว่าผู้ที่ปฏิเสธการศึกษาพระธรรมอย่างสิ้นเชิง ..ซึ่งเบื้องหน้านั้นก็คือการเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคลอย่างแน่นอน ความเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคลนี้ คือผู้ที่มีความมืดบอดยิ่งกว่าผู้ที่จักษุพิการ.. เพราะมืดบอดต่อการกระทำกุศลกรรมที่ประกอบไปด้วยปัญญา มืดบอดต่อทางสายกลางที่ควรดำเนิน แม้จะหวังความสุขอันเป็นอมตะเพียงใดก็ยากยิ่งที่จะได้พบ ทั้งยังมีความสุดโต่งไปในการปฏิบัติอย่างงมงาย กระทำอกุศลก็เข้าใจว่าเป็นกุศล จึงเป็นผู้ที่น่าสงสารเป็นที่สุด ควรที่เราจะหลีกเร้นชีวิตให้ห่างจากโทษสมบัตินี้ให้ได้


ขอให้ท่านผู้อ่านทุกคนได้ประสบแต่สิ่งที่สว่างไสว ไร้รอยหมองหม่น ปราศจากมุมอับและมุมมืดของชีวิต ขอแสงเทียนที่ส่องฉายอยู่เบื้องหน้าองค์พระปฏิมา จงเป็นลำแสงที่ฉายฉานเข้าสู้ทุกดวงใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา พาชีวิตของตยเดินทางก้าวออกจากความมืดมนได้สำเร็จทั่วกันทุกๆท่านนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีต่ะ
พี่ดอกแก้ว.

ไฟล์แนป:
12814.gif
12814.gif [ 25.66 KiB | เปิดดู 3383 ครั้ง ]

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 14 พ.ค. 2010, 19:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แสงเทียนส่องใจ

:b8: :b8: :b8:

พี่ดอกแก้ว เขียน:
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกคนได้ประสบแต่สิ่งที่สว่างไสว ไร้รอยหมองหม่น ปราศจากมุมอับและมุมมืดของชีวิต ขอแสงเทียนที่ส่องฉายอยู่เบื้องหน้าองค์พระปฏิมา จงเป็นลำแสงที่ฉายฉานเข้าสู้ทุกดวงใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา พาชีวิตของตยเดินทางก้าวออกจากความมืดมนได้สำเร็จทั่วกันทุกๆท่านนะคะ

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ smiley smiley smiley

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 15 พ.ค. 2010, 00:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: แสงเทียนส่องใจ

:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ พี่ดอกแก้ว
ขอบพระคุณนะคะ สำหรับบทความธรรมะที่งดงาม :b39:
ที่พี่ดอกแก้วตั้งใจนำมาฝากกัลยาณมิตร ณ ลานธรรมจักร :b1:

ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ

:b48: ธรรมสวัสดีค่ะ :b48:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/