วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 16:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ผู้มีปัญญา กับ ปัจจุบันธรรม
พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)
วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี


น้อมรำลึกอยู่เสมอ
ในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า...

“.....ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงไปแล้วมาตาม
ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง


เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว
อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า
สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง

เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญา
จึงไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงไปแล้วมาตาม
ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง


ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบัน
เกิดขึ้นเฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ


ใครจะพึงรู้ว่า ความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้
เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว
ความผูกพันด้วยมฤตยู ความตาย
ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้นมิได้เลย

ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน
อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว
ไม่มีความเกียจคร้าน
ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้


ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ ดังนี้.....”

:b8: :b8: :b8:

(ที่มา :อภิมหามงคลธรรม : คำสอนโดยย่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รวม ๗๕ โอวาทพระสุปฏิปันโนแห่งแผ่นดินสยาม
,
หน้า ๑๖๓)


:b44: ประวัติและปฏิปทา “พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=19590


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบัน
เกิดขึ้นเฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ

ใครจะพึงรู้ว่า ความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้
เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว
ความผูกพันด้วยมฤตยู ความตาย
ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้นมิได้เลย

ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน
อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว
ไม่มีความเกียจคร้าน
ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้

ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ ดังนี้.....”


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณโรส

ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อความบริบูรณ์ ในพยัญชนะ และอรรถ
และพระสูตรนี้ เป็นพระสูตรสำคัญ ที่กล่าวได้ว่าเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ก็เปรียบได้

ภัทเทกรัตตกถา ....

จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องนำ พุทธพจน์ มาประกอบ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

วิภังควรรค
๑. ภัทเทกรัตตสูตร (๑๓๑)

[๕๒๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอุเทศและวิภังค์ของบุคคล
ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญแก่เธอทั้งหลาย พวกเธอจงฟังอุเทศและวิภังค์นั้น จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าวต่อไป


ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า

บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง

สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใด เห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน
ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด


พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
เพราะว่าความผลัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย


พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพระพุทธองค์ ทรงตรัสอุทเทส หรือพยัญชนะ จบลง พระพุทธองค์ ก็ทรงจำแนกเป็นนิทเทส หรือวิภังค์ แสดงเนื้อความของพยัญชนะที่ทรงตรัสขึ้นมา เพื่อมุ่งหวังให้ผู้ฟังผู้มีปัญญาพอประมาณ บรรลุโสดาปัตติผล และผู้ฟังผู้มีปัญญามาก บรรลุอรหัตผลเลยทีเดียว

ลิงค์ไปพระสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=7031&Z=7114&pagebreak=0

ลิงค์ไปอรรถกถา
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=526

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในพระสูตรนี้ ทรงประกาศอริยสัจจ์ 4 ไว้

ประกาศทุกขสัจจ์
สิ่งที่ล่วงไป สิ่งอันนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว สิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
ความตายในวันพรุ่ง ความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ย่อมไม่มี


ประกาศสมุทยสัจจ์
ความคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไป
ความมุ่งหวังถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง


ประกาศนิโรธสัจจ์
ความสงบ ความมีปรกติ (เห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ)

ประกาศมรรคสัจจ์
โสดาปัตติผล คือ เห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ
สกทาคามีผล อนาคามีผล ด้วยการเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่ง
อรหัตผล คือผู้มีปรกติอยู่ด้วยธรรมนั้นๆ

ในพระสูตรนี้ทรง ปรารภความเพียร หรือวิริยะเป็นอธิบดี

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 17 ก.ค. 2010, 15:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ท่านเช่นนั้น
ที่นำพระพุทธพจน์ ในพระสูตรมาขยายความให้แจ้งขึ้นด้วยนะคะ

:b4: :b8: สาุธุ...สาธุ...สาธุค่ะ :b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณโรส :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2015, 15:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
Kiss :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2020, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 25 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร