วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 00:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 11:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2004, 16:16
โพสต์: 114


 ข้อมูลส่วนตัว




ZEh2N5150003-02.jpg
ZEh2N5150003-02.jpg [ 30.72 KiB | เปิดดู 2932 ครั้ง ]
การศึกษาถือเป็นรากแก้วสำคัญของความเป็นผู้รู้ ผู้คนต่างๆ จึงพากันขวนขวายเข้าสู่ระบบการศึกษาทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อที่จะได้ความรู้มาเป็นเครื่องประดับชีวิต ฉะนั้น ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเราคือ การได้ชื่อว่าเป็นผู้มีการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับไหนก็ทำให้บุคคลผู้นั้นมีความอิ่มเอมใจในความรู้ที่ตนมี

อย่างผู้ที่มีการศึกษาในระบบคือในสถาบันการศึกษาก็จะมีความภาคภูมิใจในความรู้ในใบประกาศหรือวุฒิการศึกษาที่ได้รับ ส่วนผู้ที่มีการศึกษานอกระบบโดยไม่มีใบรับรองอะไรก็มีความภาคภูมิใจในความรู้ที่ตนมีเช่นกัน

ในทางโลกนั้นถือว่าการศึกษาเป็นรากแก้วของสังคมเลยทีเดียว เพราะความรู้ในศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ สามารถนำไปสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมให้เจริญได้ และในทางธรรมก็ถือว่าการศึกษาเป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลผู้นั้นมีความรู้ในเบื้องต้นแล้ว


การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม และวิธีการศึกษานั้นก็มีหลายแบบแตกต่างกันไปตามกลุ่มของผู้สอนและผู้ศึกษา แต่หลักสูตรหรือวิธีการนำมาซึ่งความรู้ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่โบราณกาลและยังคงใช้ได้อย่างทันสมัยก็คือ "สุ จิ ปุ ลิ"

สุ หมายถึง สุตะ คือการฟังที่ในสมัยนี้รวมถึงการอ่านด้วยที่ทำให้เกิดความรู้

จิ หมายถึง จินตะ คือการคิดใคร่ครวญในสิ่งที่ได้ฟังได้อ่านแล้วทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ

ปุ หมายถึง ปุจฉา คือการซักถามผู้ที่มีความรู้เพื่อทบทวนทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังหรืออ่านมา

ลิ หมายถึง ลิขิต คือการเขียนหรือการบันทึกความรู้ความเข้าใจจากสิ่งที่ได้ฟังได้อ่านได้ใคร่ครวญและได้ซักถามแล้ว


และในหลักทั้งสี่ประการนี้ก็มีข้อพึงระวังว่า สิ่งที่ได้ฟังหรือได้อ่านนั้นถูกต้องจริงแล้วหรือไม่? การคิดใคร่ครวญนั้นมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่? ผู้ที่ไปซักถามนั้นมีความรู้ในเรื่องนั้นจริงหรือไม่? การสรุปความรู้นั้นมีเหตุผลถูกต้องจริงหรือไม่? เพราะหากกระบวนการดังกล่าวเป็นไปอย่างไม่ถูกต้องสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นความรู้ก็จะไม่เป็นความรู้อีกต่อไป ซ้ำยังเป็นความเข้าใจผิดอีกด้วย และสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ผู้ศึกษาจะละเลยไปเสียมิได้นั่นก็คือ การศึกษาเป็นเพียงก้าวแรกที่เริ่มต้นเข้าสู่ความรู้เท่านั้น ยังมีความรู้ในขั้นสูงที่ต้องอาศัยก้าวต่อไปด้วยการนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อให้บังเกิดผล

ดังนั้น ความภาคภูมิใจในคำว่ามีการศึกษาจึงกลายมาเป็นกับดักให้ชีวิตติดอยู่กับคำสรรเสริญยกย่องแล้วก็อาจติดอยู่กับความฮึกเหิมลำพองถือดีในความรู้ของตนจนสามารถกล่าวทับถมข่มขู่ผู้อื่นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองได้ทำลายคุณค่าของผู้ศึกษาให้เสียหายไปเป็นอันมาก จนบางครั้งได้รับคำตำหนิหรือถูกนินทาว่า อวดรู้บ้าง เก่งไม่จริงบ้าง หรือเก่งแต่ปริยัติบ้าง

กับดักอีกประการหนึ่งในการศึกษาก็คือ การซักถามที่ไม่ยังประโยชน์ให้เกิดกับชีวิต เป็นความอยากรู้ไปทั่วๆ โดยไม่สามารถเชื่อมโยงเป้าหมายได้ว่าต้องการรู้ไปเพื่ออะไรและเมื่อได้รับคำตอบแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับตนเองบ้างนอกจากการที่ได้รู้สมความปรารถนา

ส่วนในบางรายที่ศึกษายังไม่แตกฉานแต่มีความประมาทในการแสดงความรู้ ก็อาจพลาดพลั้งทำผิดแสดงภูมิรู้ของตนแบบจับแพะชนแกะ สลับหมวดหมู่ความรู้ไปจนวุ่นวาย หรือแนะนำผู้อื่นโดยอ้างเหตุผลไปตามความชอบใจโดยไม่รู้ว่าทำผิดแล้วอย่างมหันต์ โดยเฉพาะการอธิบายข้อธรรมที่ผิดเพี้ยนไปตามความเข้าใจของตนนี่ก็เป็นกับดักประการหนึ่ง ...และยังมีกับดักที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งนั่นคือความยึดถือในแหล่งความรู้ อย่างที่เราอาจเคยพบความไม่ลงรอยกันระหว่างลูกศิษย์ของครูแต่ละคนที่ต่างก็ถือว่าครูของตนเก่งกว่า หรือหนังสือของสำนักเรียนนี้ดีกว่าสำนักเรียนนั้น หรือความคิดเห็นหรือคำอธิบายของครูคนนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นอุปสรรคในการรับความรู้จากแหล่งใหม่ๆ ที่อาจมีความถูกต้องกว่าได้ และนอกจากนี้ก็อาจมีกับดักอื่นๆ อีกหลายประการที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความรู้

.....................................................
เป็นประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2004, 16:16
โพสต์: 114


 ข้อมูลส่วนตัว


ความรู้ที่ได้จากการศึกษาในเบื้องต้นนี้หากเปรียบแล้วก็เป็นเพียงความรู้ในขั้นปริยัติซึ่งลำดับขั้นตอนในทางพระพุทธศาสนานั้นยังมีความรู้ในขั้นปฏิบัติและขั้นปฏิเวธต่อไปด้วย ฉะนั้น พุทธศาสนิกชนที่ต้องการพ้นทุกข์จึงไม่อาจหยุดยั้งการสร้างความรู้ให้แก่ตนไว้เพียงแค่การศึกษาเท่านั้น เพราะความรู้ปริยัติที่มีมากก็เหมือนมีผืนดินที่กว้างขวางสมบูรณ์ แต่หากไม่เพียรสร้างความรู้ในขั้นปฏิบัติด้วยแล้ว ก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีรากแก้ว ที่แม้นจะมีผืนดินมากมายแต่ก็ไม่อาจทำให้ต้นไม้มีความมั่นคงและเจริญเติบโตขึ้นมาได้


ผู้ที่ศึกษาปริยัติมากแต่มุ่งเพ่งโทษผู้อื่น มีการควบคุมอารมณ์และขัดเกลาตนเองได้น้อยจึงกลายเป็นเหมือนจุดด้อยที่เปิดโอกาสให้มีคำกล่าวจาบจ้วงพระศาสนาหรือคำตำหนิพระธรรม และก็เป็นจุดอ่อนที่สำคัญมากที่ผู้นอกศาสนาใช้โจมตีให้เห็นความล้มเหลว ผู้ที่มีความรู้ในปริยัติมากแต่มีการปฏิบัติที่น้อยจึงดูไม่สมดุลในการสร้างปัญญาและการสร้างเสบียงสู่ความพ้นทุกข์ ซึ่งในข้อนี้เมื่อพิจารณาแล้วก็คือพวกเราทั้งหลายนั่นเองที่ยังมีความย่อหย่อนไม่จริงจังต่อเป้าหมาย


ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยั่ง รากแก้ว ของชีวิตลงบนผืนดินที่พอจะมีความสมบูรณ์แล้วผืนนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะช่วยกันพยุงพระพุทธศาสนาด้วยการปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเป็นผู้ศึกษาที่มากไปด้วยมงคลแห่ง "พาหุสัจจะ" ที่จัดเป็นอริยทรัพย์ประการหนึ่งในเจ็ดประการ คือ สัทธา สีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ และปัญญา ฉะนั้น ความรู้จากการศึกษาที่เรามีจะเป็นอริยทรัพย์อย่างสมบูรณ์มิได้เลยหากไม่เพิ่มค่าด้วยการปฏิบัติ


ฟัง คิด ถาม และเขียน ....... มุ่งมั่นเพียรการศึกษา
ตรวจสอบและตรวจตรา.......ในเนื้อหาว่าถูกจริง

ไม่ฟุ้งซ่านชอบถาม ........... หรือยึดตามไปทุกสิ่ง
มีหลักให้พักพิง................... ไม่อวดรู้ตู่วิชชา

ไม่เป็นไม้ไร้ราก ................อารมณ์หลากโลภโทสา
แทรกรากลงพสุธา.............. สร้างปัญญาปฏิบัติตน

พยุงพระศาสนา................... สร้างศรัทธาให้เห็นผล
ขัดเกลาชีวิตตน................เป็นเยี่ยงอย่างสร้างความดี

.....................................................
เป็นประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


cheesy :b8: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ พี่ดอกแก้ว :b20: Kiss

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...พี่ดอกแก้ว

ขอบคุณมากค่ะสำหรับ เรื่อง รากแก้ว เรื่องราวดีดี ที่นำมาฝากกัน

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2010, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ :b35:
:b8: บุญรักษา...ธรรมะคุ้มครองนะจ๊ะ ท่าน " พี่ดอกแก้ว ",
รวมทั้งท่าน " สาวิกาน้อย " และ " ลูกโป่ง " ด้วยจ้า

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร