ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
รากแก้ว http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33339 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พี่ดอกแก้ว [ 23 ก.ค. 2010, 11:43 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | รากแก้ว | ||
การศึกษาถือเป็นรากแก้วสำคัญของความเป็นผู้รู้ ผู้คนต่างๆ จึงพากันขวนขวายเข้าสู่ระบบการศึกษาทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อที่จะได้ความรู้มาเป็นเครื่องประดับชีวิต ฉะนั้น ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเราคือ การได้ชื่อว่าเป็นผู้มีการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับไหนก็ทำให้บุคคลผู้นั้นมีความอิ่มเอมใจในความรู้ที่ตนมี อย่างผู้ที่มีการศึกษาในระบบคือในสถาบันการศึกษาก็จะมีความภาคภูมิใจในความรู้ในใบประกาศหรือวุฒิการศึกษาที่ได้รับ ส่วนผู้ที่มีการศึกษานอกระบบโดยไม่มีใบรับรองอะไรก็มีความภาคภูมิใจในความรู้ที่ตนมีเช่นกัน ในทางโลกนั้นถือว่าการศึกษาเป็นรากแก้วของสังคมเลยทีเดียว เพราะความรู้ในศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ สามารถนำไปสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมให้เจริญได้ และในทางธรรมก็ถือว่าการศึกษาเป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลผู้นั้นมีความรู้ในเบื้องต้นแล้ว การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม และวิธีการศึกษานั้นก็มีหลายแบบแตกต่างกันไปตามกลุ่มของผู้สอนและผู้ศึกษา แต่หลักสูตรหรือวิธีการนำมาซึ่งความรู้ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่โบราณกาลและยังคงใช้ได้อย่างทันสมัยก็คือ "สุ จิ ปุ ลิ" สุ หมายถึง สุตะ คือการฟังที่ในสมัยนี้รวมถึงการอ่านด้วยที่ทำให้เกิดความรู้ จิ หมายถึง จินตะ คือการคิดใคร่ครวญในสิ่งที่ได้ฟังได้อ่านแล้วทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ปุ หมายถึง ปุจฉา คือการซักถามผู้ที่มีความรู้เพื่อทบทวนทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังหรืออ่านมา ลิ หมายถึง ลิขิต คือการเขียนหรือการบันทึกความรู้ความเข้าใจจากสิ่งที่ได้ฟังได้อ่านได้ใคร่ครวญและได้ซักถามแล้ว และในหลักทั้งสี่ประการนี้ก็มีข้อพึงระวังว่า สิ่งที่ได้ฟังหรือได้อ่านนั้นถูกต้องจริงแล้วหรือไม่? การคิดใคร่ครวญนั้นมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่? ผู้ที่ไปซักถามนั้นมีความรู้ในเรื่องนั้นจริงหรือไม่? การสรุปความรู้นั้นมีเหตุผลถูกต้องจริงหรือไม่? เพราะหากกระบวนการดังกล่าวเป็นไปอย่างไม่ถูกต้องสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นความรู้ก็จะไม่เป็นความรู้อีกต่อไป ซ้ำยังเป็นความเข้าใจผิดอีกด้วย และสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ผู้ศึกษาจะละเลยไปเสียมิได้นั่นก็คือ การศึกษาเป็นเพียงก้าวแรกที่เริ่มต้นเข้าสู่ความรู้เท่านั้น ยังมีความรู้ในขั้นสูงที่ต้องอาศัยก้าวต่อไปด้วยการนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อให้บังเกิดผล ดังนั้น ความภาคภูมิใจในคำว่ามีการศึกษาจึงกลายมาเป็นกับดักให้ชีวิตติดอยู่กับคำสรรเสริญยกย่องแล้วก็อาจติดอยู่กับความฮึกเหิมลำพองถือดีในความรู้ของตนจนสามารถกล่าวทับถมข่มขู่ผู้อื่นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองได้ทำลายคุณค่าของผู้ศึกษาให้เสียหายไปเป็นอันมาก จนบางครั้งได้รับคำตำหนิหรือถูกนินทาว่า อวดรู้บ้าง เก่งไม่จริงบ้าง หรือเก่งแต่ปริยัติบ้าง กับดักอีกประการหนึ่งในการศึกษาก็คือ การซักถามที่ไม่ยังประโยชน์ให้เกิดกับชีวิต เป็นความอยากรู้ไปทั่วๆ โดยไม่สามารถเชื่อมโยงเป้าหมายได้ว่าต้องการรู้ไปเพื่ออะไรและเมื่อได้รับคำตอบแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับตนเองบ้างนอกจากการที่ได้รู้สมความปรารถนา ส่วนในบางรายที่ศึกษายังไม่แตกฉานแต่มีความประมาทในการแสดงความรู้ ก็อาจพลาดพลั้งทำผิดแสดงภูมิรู้ของตนแบบจับแพะชนแกะ สลับหมวดหมู่ความรู้ไปจนวุ่นวาย หรือแนะนำผู้อื่นโดยอ้างเหตุผลไปตามความชอบใจโดยไม่รู้ว่าทำผิดแล้วอย่างมหันต์ โดยเฉพาะการอธิบายข้อธรรมที่ผิดเพี้ยนไปตามความเข้าใจของตนนี่ก็เป็นกับดักประการหนึ่ง ...และยังมีกับดักที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งนั่นคือความยึดถือในแหล่งความรู้ อย่างที่เราอาจเคยพบความไม่ลงรอยกันระหว่างลูกศิษย์ของครูแต่ละคนที่ต่างก็ถือว่าครูของตนเก่งกว่า หรือหนังสือของสำนักเรียนนี้ดีกว่าสำนักเรียนนั้น หรือความคิดเห็นหรือคำอธิบายของครูคนนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นอุปสรรคในการรับความรู้จากแหล่งใหม่ๆ ที่อาจมีความถูกต้องกว่าได้ และนอกจากนี้ก็อาจมีกับดักอื่นๆ อีกหลายประการที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความรู้
|
เจ้าของ: | พี่ดอกแก้ว [ 23 ก.ค. 2010, 11:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รากแก้ว |
ความรู้ที่ได้จากการศึกษาในเบื้องต้นนี้หากเปรียบแล้วก็เป็นเพียงความรู้ในขั้นปริยัติซึ่งลำดับขั้นตอนในทางพระพุทธศาสนานั้นยังมีความรู้ในขั้นปฏิบัติและขั้นปฏิเวธต่อไปด้วย ฉะนั้น พุทธศาสนิกชนที่ต้องการพ้นทุกข์จึงไม่อาจหยุดยั้งการสร้างความรู้ให้แก่ตนไว้เพียงแค่การศึกษาเท่านั้น เพราะความรู้ปริยัติที่มีมากก็เหมือนมีผืนดินที่กว้างขวางสมบูรณ์ แต่หากไม่เพียรสร้างความรู้ในขั้นปฏิบัติด้วยแล้ว ก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีรากแก้ว ที่แม้นจะมีผืนดินมากมายแต่ก็ไม่อาจทำให้ต้นไม้มีความมั่นคงและเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ผู้ที่ศึกษาปริยัติมากแต่มุ่งเพ่งโทษผู้อื่น มีการควบคุมอารมณ์และขัดเกลาตนเองได้น้อยจึงกลายเป็นเหมือนจุดด้อยที่เปิดโอกาสให้มีคำกล่าวจาบจ้วงพระศาสนาหรือคำตำหนิพระธรรม และก็เป็นจุดอ่อนที่สำคัญมากที่ผู้นอกศาสนาใช้โจมตีให้เห็นความล้มเหลว ผู้ที่มีความรู้ในปริยัติมากแต่มีการปฏิบัติที่น้อยจึงดูไม่สมดุลในการสร้างปัญญาและการสร้างเสบียงสู่ความพ้นทุกข์ ซึ่งในข้อนี้เมื่อพิจารณาแล้วก็คือพวกเราทั้งหลายนั่นเองที่ยังมีความย่อหย่อนไม่จริงจังต่อเป้าหมาย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหยั่ง รากแก้ว ของชีวิตลงบนผืนดินที่พอจะมีความสมบูรณ์แล้วผืนนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะช่วยกันพยุงพระพุทธศาสนาด้วยการปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเป็นผู้ศึกษาที่มากไปด้วยมงคลแห่ง "พาหุสัจจะ" ที่จัดเป็นอริยทรัพย์ประการหนึ่งในเจ็ดประการ คือ สัทธา สีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ และปัญญา ฉะนั้น ความรู้จากการศึกษาที่เรามีจะเป็นอริยทรัพย์อย่างสมบูรณ์มิได้เลยหากไม่เพิ่มค่าด้วยการปฏิบัติ ฟัง คิด ถาม และเขียน ....... มุ่งมั่นเพียรการศึกษา ตรวจสอบและตรวจตรา.......ในเนื้อหาว่าถูกจริง ไม่ฟุ้งซ่านชอบถาม ........... หรือยึดตามไปทุกสิ่ง มีหลักให้พักพิง................... ไม่อวดรู้ตู่วิชชา ไม่เป็นไม้ไร้ราก ................อารมณ์หลากโลภโทสา แทรกรากลงพสุธา.............. สร้างปัญญาปฏิบัติตน พยุงพระศาสนา................... สร้างศรัทธาให้เห็นผล ขัดเกลาชีวิตตน................เป็นเยี่ยงอย่างสร้างความดี |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 23 ก.ค. 2010, 12:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รากแก้ว |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 23 ก.ค. 2010, 13:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รากแก้ว |
![]() ขอบคุณมากค่ะสำหรับ เรื่อง รากแก้ว เรื่องราวดีดี ที่นำมาฝากกัน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | บัวไฉน [ 23 ก.ค. 2010, 15:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: รากแก้ว |
![]() ![]() ![]() รวมทั้งท่าน " สาวิกาน้อย " และ " ลูกโป่ง " ด้วยจ้า |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |