วันเวลาปัจจุบัน 11 พ.ย. 2024, 08:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุปมาการทำบุญกับการอาบน้ำ
...อาตมาอุปมาให้ฟังเหมือนกับว่า เราอาบน้ำ หรือว่าล้างของสกปรกที่ร่างกาย ล้างเท้า ล้างมือ ล้างร่างกาย ส่วนไหนก็ตาม เรียกว่าอาบน้ำกันดีกว่า อาบน้ำเพื่อชำระกาย อาบน้ำด้วยโคลนก็ได้ เอาน้ำโคลนมาอาบ ความสะอาดมันจะเกิดขึ้นเท่าไร? เอาน้ำหอมมาอาบก็ได้มันสะอาดไหม,ตัวหอมฟุ้งแล้วมันสะอาดไหม? ทีนี้อาบด้วยน้ำใสสะอาด มีสบู่มีอะไรพอควร นี่น้ำใสสะอาดนี้มันสะอาดเท่าไร?
.....อาบด้วยน้ำโคลน มันเลวเกินไป มันสะอาด แบบน้ำโคลน., บางทีก็จะดีกว่าไม่ล้าง, เช่นว่า เท้าติดโคลนมามากๆ นี้ เอาน้ำโคลนมาล้าง มันก็พอจะล้างโคลนหนาๆ ออกไปได้ ก็มีโคลนบางๆ ติดอยู่ นี้เรียกว่าทำบุญแบบอาบน้ำโคลน.
.....ทีนีทำบุญแบบ อาบน้ำหอม คนนี้เขารวย เอาน้ำหอมมาอาบ,อาบแล้วน้ำหอมมันยังติดอยู่ที่เนื้อที่ตัว,เครื่องหอมนั้นไม่ใช่ของสะอาดนัก., บางชนิดก็เป็นอุจจาระของสัตว์ชนิดหนึ่งนะ รู้ไว้ว่า เครื่องหอมนั้นบางชนิดเป็นอุจจาระของสัตว์ชนิดหนึ่ง เขาขายแพงด้วย,เอาน้ำหอมมาอาบ ของหอมก็ติดอยู่ที่ตัว.,ตัวนั้นมัน จะ สะอาดได้อย่างไร? นี้มันดีเกินไป น้ำโคลนมันเลวเกินไป น้ำหอมมันดีเกินไป.
......ฉะนั้นเอาน้ำกลางๆ สะอาดแท้ๆ น้ำใสสะอาดจะมีเครื่องช่วยละลายไขมันบ้าง เช่นผงซักฟอก เช่นสบู่ อะไรบ้างก็ได้ แต่ต้องเป็นน้ำใสสะอาด ล้างออกไปหมดเลย เนื้อตัวก็สะอาด.
....มีทางที่จะ เปรียบเทียบ ว่า อาบด้วยน้ำโคลน อาบด้วยน้ำหอม แล้วก็ อาบด้วบน้ำใสสะอาด เสร็จแล้วมัน สะอาดต่างกัน,.ฉะนั้นอย่าทำบุญล้างบาปด้วยน้ำโคลน.,อย่าทำบุญล้างบาปด้วยน้ำหอม มันดีเกินไป.,ทำบุญล้างบาปด้วยน้ำอันบริสุทธิ์ ใสสะอาดเถอะ บุญนั้นจะล้างบาปได้จริง.
....เดี๋ยวนี้เรายังทำบุญเหมือนกับทำด้วยน้ำโคลน.,เสียเงินมาก,ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาก,โง่เขลามาก,อบายมุขนานาประการ เอาเข้ามาประกอบกับการทำบุญ.,มาหลอกกันทำบุญด้วยอบายมุข,มีของมึนเมา มีการพนัน มีสิ่งเลวร้ายเป็นอบายมุขรวมอยู่ในนั้นด้วย เรียกว่า ทำบุญ,บวชลูกชายคนหนึ่ง ฆ่าควาย ๒ ตัว ฆ่าหมู ๓๐ ตัว ซื้อเหล้า ๑๐ หีบ อย่างนี้,นี่ทำบุญบวชลูกชาย มันก็ เป็นเรื่องอาบน้ำโคลน มัน เป็นกิเลส เป็น ของสกปรก.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


....ทีนี้ว่าถ้า ทำบุญด้วยน้ำหอม มันก็เปลืองมาก เหมือนกันแหละ เอาเท่าไรไม่ว่า เปลืองเท่าไรไม่ว่า.,ทำให้สดสวยงดงาม เอร็ดอร่อย ฟุ่มเฟือย เกืนพอดี,แม้จะไม่หยาบเหมือนกับน้ำโคลน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต.,แต่มันก็เปลืองมาก มันมีการลงทุนเพื่อสวยงาม เขียวๆ แดงๆ อะไรมาก ก็เรียกว่า เกินดี ดีเกิน,ดีเกิน.
......ทีนี้ อาบน้ำสะอาดที่แท้จริง ก็สะอาดจริง,คืดจิตใจมันสะอาด,นี้เรียกว่า ทำด้วยสัมมาทิฏฐิ,แล้วก็สร้างสัมมาทิฏฐิ,ให้เป็นอยู่ด้วยสัมมาทิฏฐิ,เมื่อสัมมาทิฏฐิไปอยู่ที่เนื้อที่ตัว แล้วก็หมดปัญหา ปลอดภัยสะอาดอย่างยิ่ง


ใช้บุญให้ถูกต้องเพื่อล้างมิจฉาทิฏฐิ
.....เมื่อตะกี้อาตมาบอกแล้วนะ เดี๋ยวจะลืมเสีย ว่าคนคนหนึ่งแต่ละคนนั้น ก็คือทิฏฐิของคนคนนั้นแหละ ทิฏฐิของคนคนนั้นมีอย่างไร เท่าไร นั้นแหละมันก็คือตัวคนคนนั้น,เดี๋ยวนี้เรา จะให้เป็นสัมมา จะเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ทิฏฐิที่ชอบที่ถูกต้อง ทิฏฐิมันถูกต้องขึ้นมา คนนั้นก็เป็นคนถูกต้องขึ้นมา, ฉธนั้นจงสนใจสิ่งที่เรียกว่าทิฏฐินั่นแหละ คือตัวเรา.
....มิจฉาทิฏฐิ แล้วก็ทิฏฐิมิจฉา ตัวคนนั้นก็มิจฉาเป็นคนพาล, ถ้าทิฏฐิเป็นสัมมา.,คนนั้นก็เป็นสัมมา,เราเป็นสัมมาทิฏฐิ มีสัมมาทิฏฐิ ดีกว่ามีมิจฉาทิฏฐิ.,แต่ คนเขาไม่สนใจ เขาปล่อยให้มิจฉาทิฏฐิครอบงำ แล้วก็เสพติดในมิจฉาทิฏฐิ ติดยิ่งกว่าติดเฮโรอีน.
.....คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐินี้พูดกับเขายาก เขาไม่เชื่อเราดอก,คนที่เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เราพูดกับเขายาก,อาตมาเองเคยผจญมามากแล้ว พูดกับคนมิจฉาทิฏฐิเขาไม่ยอมเชื่อเรา.,ส่วนมากก็ไม่สำเร็จ เมื่อคนคนนั้นป็นตัวแห่งมิจฉาทิฏฐิ.,เว้นไว้แต่เขาจะรู้จักทำบุญ ให้แท้จริง ให้ถูกต้อง,ให้อาบน้ำสัมมาทิฏฐิ ล้างมิจฉาทิฏฐิ ออกไปเสีย., เขาก็จะเป็นคนที่สูงขึ้นไป เป็นมนุษย์ เป็นพระอริยะบุคคล หลุดพ้นเป็นนิพพาน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


....ฉะนั้น ถ้าเราใช้บุญถูกต้อง, ล้างมิจฉาทิฏฐิ ออกไปได้จริงแล้ว, ผลสุดท้ายก็คือพระนิพพาน แหละ,จิตสะอาดจนกิเลสเกิดในจิตไม่ได้ จิตเดิมๆ จิตประภัสสร จิตดั้งเดิมนั้น เมื่อถูกอบรมให้เปลี่ยนสภาพ ด้วยการล้างของบุญที่ถูกต้อง จิตชนิดนั้นสะอาด จนไม่เป็นที่เกิดแห่งกิเลสอีกต่อไป, กิเลสไม่มีก็คือนิพพาน เมื่อใดว่างจากกิเลส เมื่อนั้นคือนิพพาน ที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวนี้ก็ได้ นิดหนึ่งก็ได้ ชั่วเวลาอันสั้นก็ได้,ขอให้ว่างจากกิเลสเถอะ มันก็เป็นนิพพาน.
......ฉะนั้น สิ่งที่จะล้างกิเลสให้หลุด ให้หายไป นั้นก็คือ บุญที่ถูกต้อง ทำมาตั้งแต่เรื่อง ทาน ก็ได้,ทำมาเรื่อง ศีล ก็ได้, แล้วก็ทำมาถึงเรื่อง ภาวนา., จะเป็น สมถภาวนา วิปัสสนา ก็ได้ มันก็จะล้างออกไปหมด จนจิตนั้นสะอาด ไม่เป็นที่เกิดแห่งกิเลสอีกต่อไป เรื่องมันก็จบเท่านี้.
....เรื่องของคนก็จบลงที่ทิฏฐิของคนนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ, แล้ว คนนั้นก็เป็นคนชนิดสัมมาทิฏฐิ หมดปัญหา.
......นี่ ปัญหาแห่งมนุษยภาพ มันหมดไปอย่างนี้ ปัญหาเรื่องเป็นคนให้ดี มันหมดไปอย่างนี้ คือ เขามีบุญเครื่องชำระล้างแก่จิตใจ หรือ เป็นอาหารใจที่ถูกต้อง และเพียงพอ,


อาหารใจที่ถูกต้องจริงเป็นความอิ่มใจที่ไม่เมา.
......ทีนี้เราจะดูเรื่องบุญ หรืออาหารใจ ชนิดที่แท้จริง เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ชั่วเวลาที่มันยังเหลืออยู่นิดหนึ่งนี้.
.....ที่ว่า บุญเป็นอาหารใจล ในความหมายทั่วไป มันก็คือ ให้อิ่มใจ เป็นข้อแรกอย่างที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเราเป็นคนมีความคิดถูกต้องไม่วิปลาส เราก็จะรู้ว่าอะไรเป็นบุญ, พอได้ทำบุญก็อิ่มใจ รู้สึกว่าในสังขารเรานี้มันมีความดี ก็พออิ่มใจ .,ถ้ามีมากก็จะ ถึงกับยกมือไหว้ตัวเองได้.,นี้คือความอิ่มใจถึงที่สุด,เป็นอาหารใจถึงที่สุด ยกมือไหว้ตัวเองได้,เป็นสุขอยู่กับการทำบุญ.,ไม่ต้องไปอาบ อบ นวด ไม่ต้องไปสถานกามารมณ์เริงรมย์อะไรที่ไหน, อยู่ที่โต๊ะทำงานก็อิ่มอกอิ่มใจมีความสุข ไม่อยากจะเลิกงานไปสถานกามารมณ์ เพราะเห็นมันเป็นเรื่องสกปรก.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


....นี้ทำงานอยู่ ทำบุญทำกุศลอยู่ที่โต๊ะทำงาน, ทำหน้าที่ถูกต้อง, ไม่คดโกง, ตัวเองรู้สึกว่าดี จนยกมือไหว้ตัวเองได้ ก็เลยเป็นสุขอยู่ที่การงาน.,ไม่ต้องเอาสตางค์ไปซื้อหากามารมณ์ มาหลอกตัวเองให้ว่าเป็นสุขเงินมันก็เหลือใช้, เงินเดือนมันก็เหลือใช้ ไม่ขาดแคลนเหมือนกับที่เขาพูดกันอยู่ว่า เงินเดือนไม่พอใช้,เพราะเอาไปซื้อหาเหยื่อของกิเลส เงินเดือนมันก็ไม่พอใช้., เพราะว่ากิเลสนี้มันไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ. คนมีจิตใจสกปรก มีทิฏฐิสกปรก เป็นคนสกปรก ก็ทำอย่างนั้นได้.,เงินเดือนไม่พอใช้ ก็หาทางออก.,หลอกลวง ตลบ ตะแลงอย่างอื่นต่อไปจนวินาศเอง.

ความสุขอันแท้จริงไม่ต้องใช้เงิน
.....นี่เรา ทำบุญให้ถูกต้อง เอาความอิ่มใจ ชนิดที่ไม่เมาไว้ก่อน,เอาความอิ่มใจที่แท้จริง ที่ไม่ได้หลอกให้เมาเอาไว้ก่อน,พอใจตัวเอง,ยินดีในความมีแห่งตนเอง,เป็นมนุษย์ที่ถูกต้องเพราะมีสัมมาทิฏฐิ มีความสุขที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นความสุขที่ไม่ต้องใช้สตางค์
......เคยพูดมาหลายหนแล้ว แต่บางคนที่นี่อาจจะไม่เคยได้ยินว่า ความสุขยิ่งแท้จริงเท่าไรแล้ว ยิ่งไม่ต้องใช้สตางค์มากเท่านั้น,จนกระทั่งว่า พระนิพพานแล้วเป็นของให้เปล่า แหละ,ถ้าพระนิพพานของใครคิดเอาเงิน คิดเอาสตางค์แล้ว นิพพานนั้นเก๊ทั้งนั้นแหละ,นิพพานปลอมทั้งนั้นแหละ.
.....นิพพานแท้จริงของพระพุทธเจ้า เรียกว่า ให้เปล่าเสมอ.,เพียงแต่ต้องทำอะไรบ้าง,เช่นว่า ล้างใจให้สะอาดอย่างนี้ ไม่คิดสตางค์ เพราะไม่ต้องล้างด้วยสตางค์ก็ได้ ล้างด้วยการประพฤติกระทำถูกต้องในทางจิตใจ มันก็สะอาด, ก็ได้นิพพานมาโดยไม่ต้องใช้สตางค์,ไม่ต้องค่าด้วยสตางค์.
......ถึง ความสุขของคนทั่วไป ก็เหมือนกัน., ถ้ายิ่งดียิ่งแท้ ยิ่งบริสุทธิ์เท่าไร ยิ่งไม่ต้องให้สตางค์.,เช่นว่า เราทำหน้าที่ของมนุษย์อยู่ที่โต๊ะทำงาน,เราเป็นคนจริง เป็นคนตรง, เราก็พอใจอิ่มใจในการที่ได้ทำงาน ก็เป็นสุขอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไม่ต้องไปสถานเริงรมย์ ไม่ต้องไปสถานกามารมณ์ ซึ่งต้องใช้เงินมากๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


....นี่จึงพูดว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ต้องใช้สตางค์, ยิ่งแท้จริงเท่าไรยิ่งไม่ต้องใช้สตางค์เท่านั้น., เพราะว่าบุญนั้นมันช่วยทำให้สะอาด,มีความสุขที่สะอาด.
.......ถ้าความสุขสกปรกแล้วเป็นบาปทั้งนั้น., ความสุขยิ่งสกปรกเท่าไร ยิ่งต้องใช้เงินมากเท่านั้น,ความสุขที่สะอาดเท่าไร ยิ่งใช้เงินน้อยเท่านั้น หรือถึงกับไม่ใช้เงินเลย.
.....ในภาวะปัจจุบัน บุญที่แท้จริงนี้ มันก็ล้างให้สะอาด ล้างใจให้สะอาด ล้างทุกอย่างให้มันสะอาด เราได้รับผลแห่งบุญที่แท้จริงในปัจจุบัน, คือได้ความสะอาด และได้ความเจริญงอกงาม สูงในทางจิตใจ รวมทั้งกายด้วย
..........ดังที่กล่าวมาแล้วว่า กายกับใจนี้แยกกันไม่ได้., เหมือนคนตาบอดกับคนตาดี ๒ คนนั้น มันต้องไปด้วยกันเสมอ,ฉะนั้น ทำใจให้สะอาด ประโยชน์ก็มาถึงทางกาย กายก็สะอาด เพราะว่ากายก็เป็นไปตามคำสั่งของจิตใจ.


บุญสะอาดเป็นการเตรียมอนาคตอย่างดี.
.....ในภาวะปัจจุบัน เราก็อยู่ด้วยความสะอาด.งอกงามก้าวหน้าทางใจ แล้วทางกาย.,แล้วรวมกันทั้งทางใจและทางกาย มันก็สะอาดลงมาถึงสถานที่ บ้านเรือนลานบ้าน เครื่องใช้ไม้สอย ก็พลอยสะอาดไปหมด ถ้าเจ้าของบ้านนั่นมีจิตใจสะอาด มีร่างกายสะอาด มีวิญญานสะอาด มีทิฏฐิสะอาด.
.......ถ้ามองไป ในอนาคต ก็หวังได้ ว่า บุญที่แท้จริง ทำความสะอาดนี้ มัน เป็นการเตรียมไว้,เขาเรียกกันว่าเสบียงเตรียมไว้สำหรับเดินทางในอนาคต จะ ก่อนตายหรือว่าจะ หลังจากตายแล้ว ก็ได้เหมือนกันแหละ ที่เรียกว่าอนาคต., สำหรับเลื่อนขึ้นไปๆ จนถึงขั้นสูงสุด คือเป็นโลกุตตระ,เป็นโลกอุดร พ้นโลก เหนือโลก,นี่บุญที่แท้จริง มันทำหน้าที่อย่างนี้ เตรียมอนาคตไว้ให้เป็นอย่างดี สำหรับผู้นั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญที่แท้จริงช่วยให้คนมีศีลธรรม.
.....ทีนี้เราจะดูกันในความหมายทั่วๆไป ในโลกปัจจุบัน บุญที่แท้จริงถ้าเกิดขึ้นมาในโลกนี้แล้ว จะไม่มีวิกฤตการณ์ใดๆ เพราะคนอยู่ในศีลธรรม มีบุญคุ้มครองหรือยึดถืออยู่ .,ก็ไม่มีนักเศรษฐกิจโกง ก็ไม่ต้องเดือดร้อนด้วยเรื่องเศรษฐกิจ อย่างที่เรากำลังเดือดร้อน ไม่มีนักการเมืองโกง.,เราก็ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะการเมืองโกง, ไม่มีเจ้าหน้าข้าราชการหรือผู้ปกครองที่โกง,ไม่มีรัฐบาลที่โกง,อะไรก็ไม่โกง ตั้งแต่ผู้ใหญ่ ลงมาถึงผู้น้อย,แล้วเราก็สบาย,นี้เรียกว่า ไม่มีความเลวใดๆ ในสังคม ในบ้านในเมือง.
.....เดี๋ยวนี้มีอันธพาลเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง อยู่ในรูปของนักเศรษฐกิจบ้าง, อยู่ในรูปของนักการเมืองบ้าง,อยู่ในรูปของนักปกครองบ้าง,กระทั่งอยู่ในรูปของอันธพาลตามท้องถนนทั่วไปทุกหัวระแหง,อาชญกรรมมากมาย,อาชญากรรมเลวร้าย คืออาชญากรรมทางเพศนี้ยิ่งมากมาย เพราะไม่มีบุญ, เพราะไม่มีความสะอาด ,ในหัวใจคนก็เต็มไปด้วยความเลวร้าย หรือ อันธพาล.
.......ฉะนั้น ช่วยกันดึงเอาบุญที่แท้จริงเข้ามา เถอะ จะไม่มีอันธพาลในโลกนี้เลย ใครที่รู้จักความเดือดร้อน จากอันธพาลก็ไปคิดดู.,มันน่าจะช่วยกันไหม? ทำให้บุญนี้ชำระล้างสิ่งสกปรก ให้สะอาดไปเสียหมด.สร้างสังคมใหม่เป็นสังคมพระอริยเจ้า.
.....ทุกคนตั้งอยู่ในความถูกต้อง มีบุญอย่างถูกต้อง,ล้างความสกปรกออกไปหมดแล้วก็เป็นสังคมพระอริยเจ้า. โลกนี้ก็เปลี่ยนทันที, เปลี่ยนเป็นโลกของพระศรีอาริยเมตไตรย ไม่มีคนอันธพาล.,หาคนอันธพาลมาทำยาหยอดตาก็ยาก คือจะหาสักนิดหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าว่าเรามีบุญมาช่วยกันชำระชะล้างความสกปรก.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยนี้คนไม่รักบุญกลัวบาป
.......ที่นี้เหลียวไปดูแล้ว มันท้อแท้ที่ว่าปัญหามันมาก มันลึก, มันกินลึกมากแล้ว., เรื่องสกปรกไม่มีบุญนี้จนกระทั่ง เดี๋ยวนี้ไม่มีความหมายของคำว่าบุญ หรือคำว่าบาป..ไม่มีใครกลัวบาป ไม่มีใครต้องการบุญ.,โดยเฉพาะเด็กๆ ,การศึกษาหมาหางด้วน ทำให้เด็กไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ,ไม่มีคำว่าบาป, ไม่มีคำว่าบุญ สำหรับเด็กๆ,ได้แล้วก็เป็นดี,ได้แล้วก็เป็นดี,นั้นคือสิ่งสูงสุด.
......เด็กสมัยก่อน พอได้ยินคำว่าบาป มันสะดุ้ง, เช่น ที่เขากำลังจะทำอะไรอยู่ พอได้ยินคำว่าบาปร้องมาทางด้านหลัง เขาสะดุ้ง หรือเช่น เขาเงื้อก้อนอิฐขึ้นจะขว้างนก.,อย่างนี้มีเสียงมาจากข้างหลังว่าบาป เขาสะดุ้ง บางทีก้อนอิฐหลุดจากมือเลย.
......สมัยนี้ พอได้ยินคำว่าบาป มันไม่สะดุ้ง, กลับเหลียวมาดู.,ใครว่าบาป มันขว้างหัวด้วยก้อนอิฐนั้นเลย พระที่วัดนี้ก็ถูกมาแล้วนะ,พระที่วัดนี้ถูกมาแล้ว ที่มันขว้างนก เราบอกว่าบาป นี่เราเลี้ยงไว้ มันก็ขว้างหัวพระเสียเลย.,ดีแต่หลบทัน, นี่ การศึกษาหมาหางด้วน ผลิตเด็กอย่างนี้.
........เมื่ออาตมาเป็นเด็กๆ คำว่า "บาป" มีความหมายมาก., ขี้เกียจก็บาปนะ, นอนสายก็บาป สูบบุหรี่ก็บาป สูบกัญชาก็บาป, เด็กโง่ ,การศึกษาโง่ไม่รู้ว่าอะไร.,แต่มันรู้ว่าบาปทั้งนั้นเลย., นอนสายก็บาป,อย่าว่าแต่ทำอะไร ขี้เกียจทำงานก็บาป, สูบบุหรี่ก็บาป ,เราเป็นคนโง่ มีการศึกษาโง่ๆ ว่าอะไร ๆ ก็บาปไปหมด.,แต่แล้วเราก็ทำบาปไม่ได้.
.....สมัยก่อนนี้ คำว่า "บาป" นั้นมีความหมายมาก เหมือนกับฟ้าผ่าลงมาทีเดียว พอได้ยินเสียงว่าบาปแล้วมันสะดุ้ง, เดี๋ยวนี้มันไม่สะเทือน เด็กรุ่นหลังแล้ว คำว่าบุญก็ไม่มีความหมาย., เห็นเป็นของล่อหลอกไปหมด ทั้งบุญและทั้งบาป.,ได้แล้วเป็นดี, อร่อยแล้วเป็นดี, สนุกสนานแล้วเป็นดี, ในที่สุดมันก็เข้าไปอยู่ในกรอบของยาเสพติดบ้าง กามารมณ์บ้าง เต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง ให้เพิ่มกรมตำรวจอีกกี่สิบกรม ก็ปราบไม่หมดดอก สร้างคุก สร้างตาราง สร้างศาล สร้างเรือนจำอีกเท่าไร มันก็ปราบไม่หมด เพราะว่าต้นเหตุมันถูกทำลายหมดแล้ว., เด็กไม่มีความรู้สึกว่าบาปหรือว่าบุญ,เด็กๆ ของเรากำลังเป็นอย่างนี้.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 20:15
โพสต์: 1

งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: ชมพู่
อายุ: 16

 ข้อมูลส่วนตัว


:b18: ต่อไปนี้ ก็คงจะได้อาหารกายและอาหารใจที่ถูกต้องแล้วละค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


......ผิดกับ คนโบราณ ซึ่งว่า กลัวบาปมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะว่าถูกสอนมากระทั่งว่า นอนสายก็บาป,เดินข้ามเท้าของแม่ก็บาป ต้องกราบลงขอโทษ นี่อาตมาเคยโดนมาแล้ว ไม่ใช่ว่าเรื่อง make up มาพูด เด็กรุ่นนั้นเขาสอนกันอย่างนั้น., คำว่าบุญว่าบาป มันมีความหมายมาก.
....เดี๋ยวนี้มันไม่มีความหมายเสียแล้ว เขาถือว่าได้เอร็ดอร่อยนั่นแหละคือสิ่งสูงสุด, คำว่าบุญว่าบาปไม่มีเหตุผล,พอเขาได้สิ่งเอร็ดอร่อยแก่จิตใจของเขา นั่นคือดีที่สุด,ถูกต้องที่สุด,ยุติธรรมที่สุด งดงามที่สุด,นี่มันเปลี่ยนอย่างนี้.,คำว่าบุญบาปไม่มี,อาหารใจก็ไม่มี,จิตใจมันก็ยุบละลายหมด.



เดี๋ยวนี้ถือว่าได้แล้วเป็นดี
....คนเดี๋ยวนี้เขาว่าได้แล้วเป็นดี., จะได้ด้วยบุญ จะได้ด้วยบาป ได้ด้วยอะไรใช้ได้ทั้งนั้น, ขอแต่ใมนได้ก็แล้วกัน, ความได้อย่างที่ต้องการนั้นแหละ เป็นสิ่งสูงสุดของมนุษย์เรา, บุญบาปไม่มีความหมาย,อบายมุขทั้งหลายก็กลายเป็นหนทางแห่งสวรรค์.
........อบายมุข แปลว่า หนทางแห่งอบาย อบายมุขนั้น เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นหนทางแห้งสวรรค์., มันน่าหัวเราะอย่างนี้, หนทางแห่งนรก มากลายเป็นหนทางแห่งสวรรค์ เพราะเอาอบายมุขมาล่อหลอกให้คนทำบุญ ทำกุศล ทำอะไร, อบายมุขที่มันทำให้คนไปนรก มากลายเป็นหนทางแห่งสวรรค์.
.....ฉะนั้น ขอให้มองดูปัญหาในยุคปัจจุบัน ว่ามันมีอยู่อย่างนี้ จะให้นิยมบำเพ็ญบุญ ทำบุญเพื่อให้ล้างบาป ล้างโลกนี้ให้สะอาดกันอย่างไรนั้น ขอฝากไว้ให้เป็นปัญหาแก่ท่านทั้งหลายทุกคน สำหรับอาตมานี้ไม่มีปัญหาแล้ว แน่ใจเหลือเกินว่า ต้องสร้างบุญชนิดที่ล้างบาปได้ขึ้นมา, ให้การศึกษาถูกต้อง ให้กลัวบาป ให้รักบุญ แล้วจึงจะเกิดการทำบุญชนิดที่ล้างบาปได้เป็นแน่นอน.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีบุญเลี้ยงจิตใจแล้วจะได้สิ่งดีที่สุดฯ.
.....นี่วันนี้เราพูดกันเรื่องปัจจัยแห่งความเป็นมนุษย์ ถ้านับแต่ปัจจัยทางจิตใจ ก็เป็นปัจจัยที่ ๘ ความเป็นมนุษย์ในด้านจิตใจคือ.,
.....มีสิ่งประเล้าประโลมใจเป็นธรรม.
.....มีความแน่ใจในสิ่งที่เอาเป็นที่พึ่ง.
......มีควารู้สึกทางมิตรภาพอยู่ทุกปรมาณู.
......มีความถูกต้องโดยไตรทวาร.
......มีความรู้ที่เพียงพอตามที่ควรจะรู้.
......มีผู้นำในทางวิญญานพอ.
......มีสุขภาพอนามัยทางจิตดี.
..แล้วก็
มีอาหารใจคือบุญหล่เลี้ยงอย่างเพียงพอ., กล่าวคือทำให้สะอาดได้ เพราะว่าหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ
....ทำจิตใจให้สะอาดแล้ว มันก็งอกงามไปเองได้ ด้วยการรักษาไว้ให้สะอาด แล้วมันงอกงามไปเองได้,ความเป็นมนุษย์ของบุคคลนั้น ก็ถึงจุดหมายปลายทาง,มีนิพพานได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้, เย็นอกเย็นใจอยู่ตลอดเวลา จนกว่าร่างกายมันจะแตกดับไปตามธรรมชาติ.
....เรื่องแตกดับนั้นไม่ใช่ปัญหา ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องหนักใจ., ร่างกายนี้มันต้องแตกดับไปตามธรรมดาตามธรรมชาติ แต่ เมื่อยังไม่แตกดับยังมีชีวิตอยู่นี้ ขอให้เย็นอกเย็นใจ คืออยู่กับพระนิพพานตลอดเวลา.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...รีบให้อาหารใจให้ถูกต้องเถิด จิตใจก็จะไปถึงจุดนั้น คืออยู่ด้วยความเย็นอกเย็นใจ, เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้.
....อาตมาเห็นว่า การบรรยายในวันนี้ก็พอสมควรแก่เวลาแล้ว ขอย้ำเรื่องอาหารทางจิตใจ อย่างที่ ๘ คือ มี บุญเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจอย่างเพียงพอ, ขอได้นำไปคิดดู, ถ้าเห็นด้วย ก็ช่วยกันทำเร็วๆ ,ก็จะได้ผลตามที่ว่า เราเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา.


....ขอยุติการบรรยายนี้ไว้เพียงเท่านี้ เปิดโอกาสให้พระคุณเจ้าทั้งหลาย ได้สวดบทพระธรรมเป็นคณสาธยาย มีเนื้อความส่งเสริมกำลังใจ ความเชื่อ ความเลื่อมใส ความกล้าหาญ ในการปฏิบัติธรรมะ ตามหน้าที่ของตนๆ สืบต่อไป.

:b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร