ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34929 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 08 ต.ค. 2010, 14:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) |
อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ อุจฺจเร อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ ปชาย อนุกมฺปกาติ. บัดนี้จักแสดงพระธรรมเทศนา พรรณนาอานิสง์ที่บุตรธิดาจะพึงได้จากการเลี้ยงมารดาบิดา เพื่อเตือนใจท่านผู้ฟัง ให้เกิดสำนึกในเรื่องนี้สืบต่อไป คำว่า มารดา แปลว่า ผู้นับถือบุตร คือ นับถือว่าเป็นลูกของตน แปลว่า ผู้รักษาบุตร คือ รักษาลูกของตนให้มีความสุขกายสุขใจ แปลว่า ผู้ยังลูกให้ดื่ม คือ ดื่มน้ำนม ดื่มเครื่องดื่มและดื่มรสอื่น ๆ แปลว่า ผุ้อันบุตรพึงนับถือ คือลูกๆ ทุกคนต้องนับถือมารดาของตนยิ่งกว่าคนอื่น คำว่า บิดา แปลว่า เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีของสัตว์โลกทั้งหมด หมายความว่า สัตว์โลกคือผู้เกิดมา ทุก ๆ คนต้องมีพ่อ เมื่อเห็นพ่อก็ต้องดีใจชื่นใจด้วยกันทั้งนั้น แปลว่า ผู้รักษาสัตว์โลกทั้งปวง หมายความว่า พ่อของลูกทุก ๆ คน ต้องรักษาคุ้มครองป้องกันลูกของตนทุกวิถีทาง เพื่อให้ปลอดภัยมีความสุขทุกประการ แปลว่า ผู้รักใคร่บุตร หมายความว่า พ่อทุกคนต้องรักใคร่นับถือ เอ็นดู สงสารลูกของตน มารดาบิดามีพระคุณแก่บุตรธิดามาก ดังพุทธภาษิตที่ยกขึ้นเป็นหัวข้อ เทศนาว่า พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร เป็นต้น แปลว่า มารดาบิดาท่านว่าเป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ เป็นผู้ควรบูชาของบุตร และเป็นผู้อนุเคราะห์หมู่สัตว์ฯ ซึ่งจะได้วิสัชนาต่อไป คำว่า มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร หมายความว่า มารดา บิดาย่อมประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม หรือธรรม ๔ ประการคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในบุตร คือ ท่านปรารถนาให้บุตรธิดามีความสุข จึงอุตส่าห์ทะนุถนอมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตั้งใจคอยสอดส่องหาอุบายที่จะให้บุตรธิดาประสบสุขทุกเมื่อ เมื่อได้ทราบว่ากิจการใดจักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่บุตรธิดา แม้จะต้องพร่าประโยชน์และสุขส่วนตน ก็ยอมมุ่งความสุขสำราญแก่บุตรธิดาเป็นเบื้องหน้านี้ คือ ท่านมีความเมตตาความรัก ท่านปรารถนาให้บุตรธิดาพ้นทุกข์ คอยสอดส่องถึงเหตุการณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อมเสีย อันจะพึงมีแก่บุตรธิดาเสมอ เมื่อทราบว่ามีทุกข์ขึ้นก็รีบขวนขวายแก้ไขป้องกันจนสุดความสามารถ นี้คือท่านมีกรุณาความสงสาร เมื่อท่านได้ทราบว่าบุตรธิดาของตนมีความสุขสำราญ ได้รับผลสำเร็จจากการงาน ได้ตำแหน่งหน้าที่ ท่านไม่อิจฉาริษยา มีแต่พลอยยินดีด้วยความจริงใจ ต้องการให้บุตรธิดาเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป นี้ท่านมีมุฑิตาความยินดีตาม เมื่อได้ทราบว่าบุตรธิดามีความสุขความเจริญตามสมควรแก่ฐานะแล้ว ก็ไม่จัดการแก้ไข หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจแก่บุตร ธิดา แต่คอยเพ่งดูอยู่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างใด ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดีจะได้ป้องกันและแก้ไข หาใช่วางเฉยโดยมิได้ทำอะไรก็หาไม่ นี้ท่านมี อุเบกขาคือความวางเฉย บิดามารดามีคุณธรรมคือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ทั้ง ๔ นี้ประจำใจ จึงเรียกว่าท่านเป็นพรหมของบุตร คำว่า เป็นบุรพาจารย์ หมายความว่า ท่านเป็นอาจารย์คนแรกของบุตรก่อนอาจารย์อื่นทุกคน ท่านสอนให้นั่ง ให้เดิน ให้กิน ให้เรียกพ่อเรียกแม่ สอนให้รู้ว่าคนไหนเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นปู่ย่า เป็นตายาย เป็นลุง ป้า น้า อา สอนให้รู้จักสิ่งที่ควรทำไม่ควรทำ รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ ส่วนอาจารย์อื่น ๆ เป็นอาจารย์ทีหลัง สอนทีหลังพ่อแม่ทั้งนั้น คำว่า เป็นผู้ควรบูชาของบุตร หมายความว่า มารดาบิดาเป็นเขตแห่งอุปการคุณ เหมือนพระสงฆ์เป็นเขตแห่งบุญ คือ ท่านมีพรหมวิหารธรรมต่อบุตรธิดาหาประมาณมิได้ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรับซึ่งสิ่งของ มีเสื้อผ้าอาหาร เงินทองที่บุตรธิดานำมา แลผู้ให้ย่อมได้รับผลคุ้มค่าไม่เสียเปล่า คำว่า เป็นผู้อนุเคราะห์หมู่สัตว์ หมายความว่า สงเคราะห์บุตรธิดาให้รู้ให้เห็นทั้งสิ่งที่น่าต้องการ ไม่น่าต้องการ เลี้ยงดูบุตรธิดาให้เจริญเติบโต ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่ามารดาบิดาเป็นผู้อนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ คุณของบิดามารดาซึ่งมีต่อบุตร เมื่อจะกล่าวให้สั้นพอจำง่ายมีดังนี้คือปลอบโยนลูกผู้ร้องไห้ด้วยน้ำนม ด้วยเพลงขับ และด้วยเครื่องกก คืออ้อมกอดของท่าน ให้ลูกได้รับความอบอุ่น การสัมผัสอ้อมกอดของแม่ แล้วนอนหลับไปอย่างเป็นสุข ไม่ให้ลมและแดดถูกลูก พยายามปกปักรักษาไว้เป็นอย่างดี คุ้มครองป้องกันทรัพย์สมบัติของตนไว้เพื่อลูก ได้รับความทุกข์ยากลำบากในการเลี้ยงดูลูก ด้วยประการต่าง ๆ เป็นพระพรหมของลูก เพราะเต็มเปี่ยมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นเทวดาของลูก เป็นอาจารย์คนแรกของลูก เป็นพระของลูก เป็นผู้อนุเคราะห์ลูกด้วยปัจจัย ๔ ห้ามลูกไม่ให้ทำความชั่ว ให้ลูกตั้งอยู่ในความดี ให้ลูกศึกษาศิลปวิทยาต่าง ๆ หาสามีภรรยาที่สมควรให้มอบทรัพย์สมบัติให้ในสมัย ในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า แม้ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ จนลูกตายหรือพ่อแม่ตาย ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าข้าว ป้อนน้ำนม ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาเป็นอย่างดี การบำรุงมารดาบิดา มี ๒ อย่าง คือ บำรุงภายนอกและบำรุงภายใน บำรุงภายนอก ได้แก่ นอบน้อมด้วยกาย แสดงความเคารพด้วยวาจา สักการะด้วยอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย เฝ้ารักษาพยาบาลในเวลาไม่สบาย เลี้ยงท่าน ทำการงานของท่าน บำรุงภายใน ได้แก่ ดำรงวงศ์ตระกูล ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับทรัพย์มรดก รักษาน้ำใจท่าน ชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธา ในศีล ในการฟังธรรม ลูกอกตัญญูไม่รู้จักคุณพ่อแม่ ต้องเสื่อมจากประโยชน์ที่ควรได้ควรถึงดังเรื่องตัวอย่างต่อไปนี้ มิตตวินทกุมารเป็นลูกเศรษฐีมีทรัพย์มาก ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป แม่ห้ามไม่ให้ไปค้าขายทางเรือ แต่ไม่เชื่อฟัง แม่จับไว้ก็ไม่ยอมฟัง สลัดแม่ให้ล้มลง ทำให้แม่ลำบาก พอไปถึงกลางทะเลถูกจับลอยแพ ว่ายไปที่เกาะแห่งหนึ่ง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถูกกงจักรหมุนหัวอยู่ในแดนของเปรต ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ท่านสาธุชนทั้งหลาย ถ้าพ่อและแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรเลี้ยงดู บำรุงท่านทั้งภายนอกและภายในดังกล่าวมานั้น ถ้าท่านหาชีวิตไม่แล้วควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลเครื่องเสริมสุขสมบัติ ส่งไปให้ท่านตามควรแก่ฐานะ ก็จะมีความเจริญงอกงามในหน้าที่การงาน และเจริญด้วยยศศักดิ์ เพราะผลแห่งความกตัญญูรู้คุณและกตเวทีตอบสนอง ดังวิสัชนามาด้วยประการฉะนี้ ที่มา...หนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๒๐ http://jarun.org |
เจ้าของ: | บัวไฉน [ 08 ต.ค. 2010, 15:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) |
ในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า แม้ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ จนลูกตายหรือพ่อแม่ตาย ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าข้าว ป้อนน้ำนม ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาเป็นอย่างดี โมทนาสาธุ กับท่านลูกโป่ง ด้วยสำหรับกระทู้นี้ ทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า คุณแม่หนา หนักเพี้ยงผสุธา คุณบิดร ดุจอากาศกว้าง ชีวิตเราจะดำรงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดินโอบอุ้มให้เรายืน ไม่มีอากาศให้เราหายใจ บุญรักษานะจ๊ะ |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 08 ต.ค. 2010, 15:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) |
บัวไฉน เขียน: ในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า แม้ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ จนลูกตายหรือพ่อแม่ตาย ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าข้าว ป้อนน้ำนม ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาเป็นอย่างดี โมทนาสาธุ กับท่านลูกโป่ง ด้วยสำหรับกระทู้นี้ ทำให้นึกถึงประโยคที่ว่า คุณแม่หนา หนักเพี้ยงผสุธา คุณบิดร ดุจอากาศกว้าง ชีวิตเราจะดำรงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดินโอบอุ้มให้เรายืน ไม่มีอากาศให้เราหายใจ บุญรักษานะจ๊ะ ขอบคุณธรรมะที่นำมาฝากเช่นกันค่ะ...คุณบัวไฉน สบายดีนะคะ...ธรรมรักษาค่ะ หากท่านผู้ใดที่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ หมั่นดูแลท่านทั้งกายและใจ เพราะหากท่านไม่อยู่แล้ว เราจะรู้สึกว่า เราขาดคนที่รักและหวังดีเราที่สุดในโลกไปแล้ว อย่ามัวแต่รอนะคะ.... สำหรับท่านที่คุณพ่อคุณแม่จากไปแล้ว ก็หมั่นทำบุญทำกุศลและอุทิศบุญกุศลไปให้ท่านด้วยนะคะ ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 08 ต.ค. 2010, 21:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) |
อนุโมทนาจ๊ะ..น้องลูกโป่ง |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |