วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 23:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2010, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน
จ ะ ทำ อ ย่ า ง ไ ร?

คุ ณ ดั ง ต ฤ ณ


ถาม – ผมชักเริ่มสนใจพระพุทธศาสนา
เพราะเห็นว่ามีเรื่องน่ารู้และตอบคำถามที่ผมสงสัยมานานได้มากกว่าที่คิด


แต่บอกตามตรงว่าพอจะเอาตัวเข้าไปศึกษาให้แตกฉานแล้วสับสน
แล้วก็มีความท้อใจเหลือเกิน

เนื่องจากหลักการเกี่ยวกับพุทธศาสนาในปัจจุบันมีอยู่มาก

อยากทราบว่าหากอยากเป็นผู้เข้าใจพระศาสนาได้อย่างผู้รู้เขาบ้าง
ควรเริ่มต้นอย่างไรถึงจะไม่ต้องผ่านด่านความสับสนและความท้อใจครับ?

ก่อนอื่นต้องจับจุดให้ถูกครับว่า

พุทธเราบอกวิธีการ ว่า

ทำอย่างไรจะรู้ตามจริงได้อย่างมีเหตุผล
นับตั้งแต่ความจริงเบื้องต้นเช่นการดำเนินชีวิตอย่างไรไม่ให้มีเวรภัย
ตลอดไปจนกระทั่งความจริงอันเป็นยอดแห่งประโยชน์สูงสุด
คือความพ้นทุกข์ทางใจชนิดไม่กลับกำเริบอีก


และ คล้ายกับนักศึกษาปริญญาเอก
ก่อนเป็นดอกเตอร์ได้ก็ต้องเอาชีวิตทั้งหมดทุ่มลงไป
บางศาสตร์บางสาขานั้นต้องเข้าป่าเสี่ยงชีวิตก็มี
ฝ่าเปลวแดดในทะเลทรายก็มี ลุยน้ำแข็งขั้วโลกที่อุณหภูมิติดลบก็มี
เพื่อให้เป็นมือแรกที่ได้ข้อมูลสำคัญมา
ไม่ใช่แบมือรับข้อมูลจากคนอื่นที่เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจมาก่อนหน้านั้น

การได้ดอกเตอร์ทางพุทธก็คือ
การหลุดจากทุกข์ชนิดลาแล้วลาลับไม่กลับคืนมา
ถ้าคุณมองเห็นยอดสุดนี้ได้จึงจะถือว่าเป็นผู้แตกฉานที่แท้จริง


และด้วยเหตุเช่นนั้น

การศึกษาพุทธให้แตกฉานจึงมิใช่การอ่านมาก คิดมาก
หรือทำข้อสอบบาลีจนได้ยศถาบรรดาศักดิ์มามาก
แต่ เป็นการลงมือปฏิบัติตนอยู่ในวิถีทางที่จะเป็นอิสระจากทุกข์แบบเดิมๆ
เป็นอิสระจากกิเลสแบบเดิมๆ
ตลอดจนเป็นอิสระจากความไม่รู้และอุปาทานแบบเดิมๆ


คนในโลกมีค่านิยมยกย่องผู้จดจำศัพท์ ได้มาก
พูดอธิบายได้คล่องแคล่วมาก แก้ข้อสงสัยให้ตกไปได้มาก
แม้เมื่อหันมามองผู้เชี่ยวชาญทางพุทธศาสนา
ก็จะหาก่อนว่าใครมีคุณสมบัติเข้าข่ายดังกล่าวมา

แท้ที่จริงแล้วคุณสมบัติ เหล่านั้น
เป็นเพียงบันไดขั้นต้นหรือของแถมล่อใจ
ซึ่งอาจทำให้หลงตัวว่ารู้มาก อธิบายได้มาก แก้ปัญหาได้มากเท่านั้น
หาใช่ผู้แตกฉานแก่นสารของพุทธที่แท้จริงไม่


ความ จริงอันน่าอัศจรรย์ในพุทธศาสนาก็คือ

เมื่อศึกษาไปอย่างไม่หลงทาง วันละนิด วันละหน่อย
คุณจะพบว่าตัวเองไม่ได้ศึกษาศาสตร์ธรรมดา
แต่เป็นศาสตร์แห่งความเข้าใจทุกสิ่ง
และคุณจะได้คำตอบที่ต้องการทั้งหมด
อย่างน้อยก็เท่าที่คุณเองจะอยากรู้อยากเห็น
ตรงนั้นน่าจะถือเป็นความแตกฉานที่คุณเองพอใจได้


สรุปคำตอบคือจับจุดให้ถูกในขั้นแรก
แล้วค่อยๆก้าวเดินไปหาจุดนั้นเรื่อยๆทีละนิดทีละหน่อย
ทุกอย่างจะกระจ่างเองในวันหนึ่ง


แต่หากจับจุดผิดพลาดในชั้นต้น
ยิ่งออกเดินคุณจะยิ่งรู้สึกเหมือนเป้าหมายเป็นเพียงภาพลวงตา
เห็นเหมือนมี หรือปักใจเชื่อว่ามี แต่ไปไม่ถึง คว้าไม่ได้เสียที

:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๒, โดย ดังตฤณ,
พิมพ์ครั้งที่ ๙ โดยสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี, หน้า ๘๗-๘๙)
http://www.dungtrin.com/prepare/archieve/prepare021.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2010, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คงหวังได้ยากแล้ว ที่คนผู้ศรัทธา ในพุทธศาสนา จะแหวกเปลือกทีพวกเราเองสร้างขึ้นมาห่อหุ้มแก่นของพุทธศาสนา เอาไว้ นับวันมันยิ่งมีหลายชั้นขึ้น เราเข้ามาในกระดานนี้ได้ไม่กี่วันก็รู้สึกเหนื่อย และรู้สึกตัวว่าถ้าขืนอยู่ในกระดานพูดมากต่อไป จะกลายเป็นคนขวางโลก ขัดคอคนอื่นไปเสียหมด จะสังเกตุได้ว่าเราไม่เคย คัดลอกพระคัมภีร์มาอ้างเลย เพราะอะไรเราไม่ขอกล่าวเดี๋ยวจะไปกระทบคนอื่นเข้าอีก เราจำคำพยากรณ์ของพระพุทธองค์ได้ว่าหลังกึ่งพุทธกาล(หลังปี2500)พระจะเลิกอยู่ป่า ถ้ำและโคนไม้ จะหันเข้ามาอยู่ในวัดวาอารามที่ที่แข่งขันกันด้วยความสวยงาม จะเลิกห่มผ้าย้อมฝาด หันมาใส่แพรพรรณที่สวยงามและมีราคา ทุกอย่างมันเป็นความจริงแล้ว หรือว่าโลกนี้จะร้างจากพระอรหันต์
........ใครล่ะที่คุณคิดว่าเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบัน หลายคนแล้วที่คุณคิดผิด และรู้สึกผิดหวัง เมื่อวานนั่งดูรูปเก่าของหลวงปู่ขาว อาจารย์มั่น เคยเห็นกุฏิไม้ เล็กๆที่กันแดดกันลมแทบไม่ได้ ในกุฏิโล่ง ว่างเปล่าไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไร แม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนขึ้นกุฏิต้องขึ้นบันไดไม้ ที่มี่โอ่งน้ำสำหรับล้างเท้าขนาดเล็ก และถ้าจำไม่ผิดมีกะลาที่ใช้ตักน้ำล้างเท้า ซึ่งศิษย์ของท่านสมัยนั้นคอยแย่งกันตักน้ำล้างเท้าให้ท่าน เพราะต่างก็เชื่อว่าการได้ล้างเท้าให้พระอรหันต์นั้นเป็นมงคลสูงสุดแล้ว เมื่อเทียบกับพระอาจารย์ที่ท่านคิดว่าเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
.........มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ถ้าบวชแล้ว ยังกินอิ่ม นอนอุ่น ยังยินดีในลาภสักการะ ยังคลุกคลีอยู่กับญาติโยมล้อมหน้าล้อมหลัง แค่ปาติโมกข์สังวรณ์ก็ยากแล้ว
........เราเองก็เสียดาย ไม่มีกำลังพอที่จะคัดค้าน ไม่มีบารมีพอที่จะแนะนำ ได้แต่นั่งดูความเป็นไป เหมือน พุทธดำรัสที่ว่า ยามใดภิกษุทุศีลมีกำลังมากกว่า ขอภิกษุที่มีศีลจงหุบปากนิ่งเสีย หรือไม่ก็จงเร้นกายหนีออกไป จากที่แห่งนั้น
.........เราเข้ามาในกระดานด้วยเหตผลอย่างหนึ่ง แต่เราก็อาจจากไปด้วยเหตผลอีกอย่างหนึ่ง เพราะศาสนาพุทธ ถูกประยุกต์ไปมาก จากทั้งความตั้งใจและไม่ตั้งใจ และเราก็รู้สึกเหนื่อย ที่ได้เห็น ความหมุนไป แปรไป ในทางที่เรียกว่าน่าเป็นห่วง และเกินที่จะยื้อเอาคืนมา.....เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2010, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขั้นต้นจริงๆก้เริ่มที่
1 น้อมรับศีล ด้วยการถือศีล5ให้พร้อม เป็นการกำจัดกิเลสอย่างอยาบ

2 นั่งสมาธิ กำหนดกิเลสอย่างกลาง กำหนด สติ ลมหายใจ

3 วิปัสนาภาวนา กำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2010, 02:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อันดับแรก...ต้องรู้ว่าเรา..ทุกข์...จริงมั้ย??..แก่เจ็บตาย..ทุกข์มั้ย..ไม่สมปรารถณา..ทุกข์มั้ย..ดูของตัวเองนั้นแหละ..ไม่ต้องไปดูไกล

เมื่อเห็นจริงว่า..ชีวิตมันทุกข์จริง..ๆ แล้วนะ..ก็ให้ถามตัวเองเถอะว่า..อยากไม่มีทุกข์มั้ย??

หากไม่เห็นทุกข์และไม่ได้อยากออกจากทุกข์แล้วละก็...ศึกษาพุทธยังงัยก็ไม่แตกฉานหรอก..ได้แต่ความรู้จำเท่านั้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2010, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณโรส :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร