ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35539 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 03 ธ.ค. 2010, 10:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
ยอดเขาด้านหลังคือ “ภูลังกา” จากพื้นถึงยอดมีความสูงประมาณ ๒ กิโลเมตร ภูลังกา เป็นภูเขาที่กั้นเขตแดนระหว่าง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ กับ อ.บ้านแพง จ.นครพนม ด้านบนเป็นลานหินกว้างมีเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ (พระธาตุภูลังกา) ตั้งอยู่บนยอดสูงสุด ตำนานภูลังกา ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ ความลึกลับของภูลังกา (หรือรังกา) อันเป็นดินแดนลี้ลับอย่างอาถรรพณ์ มีภูเขาห้าลูกเชื่อมโยงกันด้วยป่าไม้หนาแน่นสูงเฉียดฟ้าและหุบเหว มีเรื่องปรัมปราพื้นบ้านเล่าสืบทอดกันมาว่า ภูลังกาในสมัยดึกดำบรรพ์ยุคสร้างโลก เป็นที่สถิตอยู่ของ “รังกาเผือก” มีไข่ ๕ ฟอง วันหนึ่งขณะที่กาเผือกสองผัวเมียออกไปหาอาหาร ได้เกิดลมพายุพัดเอารังกาพลิกไหว ไข่ทั้ง ๕ ฟองปลิวไปตามลมแรง กระจัดกระจายไปตกลงยังที่ต่างๆ ไข่ฟองที่ ๑ ไปตกยังถิ่นของแม่ไก่ แม่ไก่นำไปเลี้ยงไว้ ต่อมาก็คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า ไข่ฟองที่ ๒ ไปตกในเมืองพญานาค ท้าวพญานาคนำไปเลี้ยงไว้ ต่อมาได้เป็น พระโกนาคมนพุทธเจ้า ไข่ฟองที่ ๓ ไปตกในแดนของเต่า พญาเต่านำไปเลี้ยงไว้กลายเป็น พระกัสสปพุทธเจ้า ไข่ฟองที่ ๔ ไปตกในแดนแม่โค แม่โคนำไปเลี้ยงไว้ ต่อมากลายเป็น พระสมณโคตมพุทธเจ้า และ ไข่ฟองที่ ๕ ไปตกในแดนของพญาราชสีห์ พญาราชสีห์นำไปเลี้ยงไว้กลายเป็น พระศรีอริยเมตไตรย รวมเป็นพระเจ้า ๕ พระองค์ เรื่องภูลังกาที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ๕ พระองค์นี้ เป็นเรื่องพื้นถิ่น ความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาบันดาลใจให้ชาวบ้านเทิดทูนพระพุทธเจ้า ต้องการให้เห็นว่าพื้นถิ่นของตนนั้น มีความผูกพันเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์อยู่ตลอดไป ก็เลยเป็นว่าภูลังกาเป็นที่เกิดของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ • ภูลังกา...ดินแดนพิสูจน์คนกล้า พระแกร่ง ภูลังกา เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระป่าอันสัปปายะวิเวก ที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนชอบแวะเวียนไปอยู่เสมอ ถึงแม้จะลำบากในเรื่องอาหาร ต้องอดแห้งอดแล้ง ท้องกิ่วเหมือนฤๅษีชีไพร และอาหารที่ไปบิณฑบาตมาได้จะเป็นเพียงข้าวเหนียว ๑ ก้อนเล็กๆ กับเกลือและพริก ได้มาแค่ไหนก็ฉันกันแค่นั้น ไม่คิดมาก ไม่ถือว่าเรื่องอาหารเป็นอุปสรรคในการเจริญภาวนา เพราะจิตมีความมุ่งหมายอยู่ที่การขูดเกลากิเลสตัณหา ความทะยานอยากให้หมดไป เพื่อพ้นทุกข์ จิตสะอาดบริสุทธิ์ สว่าง สงบ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนั้น พระป่าจึงไม่มีการบ่นว่าหิวเหลือเกิน อ่อนเพลีย ไม่มีแรงจะเป็นลม ต่างก็หุบปากเงียบ เฝ้าแต่เดินจงกรมกับนั่งสมาธิภาวนา กำหนดสติรู้คอยระมัดระวังกิเลสตัณหาในตัวเองอยู่ตลอดเวลา รู้เท่าทันกิเลส ใช้ขันติ ความอดทน อดกลั้นในทุกสถานการณ์ ไม่ทำตามกิเลสทุกรูปแบบ บังคับตัวเองได้ เป็นนายตัวเองได้ ถ้าเจ็บไข้ อาพาธ ไม่ต้องไปหาหยูกยาใดๆ รักษาตัวเองด้วยการนั่งสมาธิภาวนาสลับกับเดินจงกรม ไม่ฉันอาหารเพื่อให้กระเพาะลำไส้ได้หยุดพักผ่อน เรียกว่า รักษาด้วยธรรมโอสถ หายก็ดี ไม่หายก็ตาย ถ้าตายก็หายห่วง จะได้ดับให้สนิทไปเลยไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวอะไร ! • ภูลังกา ธรรมสถานแห่งพระอริยะ พระป่าในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพเลื่อมใสของมหาชน ได้เคยไปอยู่จำพรรษาหรือไปเพื่อการวิเวกบนภูลังกามาแล้วหลายองค์ เช่น หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร, พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย, พระอาจารย์ชา สุภัทโท และพระอาจารย์โง่น โสรโย เป็นต้น พระอาจารย์ชา สุภัทโท • พระอาจารย์ชา สุภัทโท ปรารถนาพบพระอาจารย์วัง พระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ อายุได้ ๓๑ ปี พรรษาที่ ๑๑ ได้เดินธุดงค์ออกจากวัดป่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม บุกป่าฝ่าดงขึ้นสู่ภูลังกาใกล้กับบึงโขงหลง เหตุที่พระอาจารย์ชาต้องบุกป่าฝ่าแดนอันตรายด้วยไข้ป่าและสัตว์ร้ายไปภูลังกา ก็เพราะว่าอยากจะพบปะสนทนากับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในหมู่นักธรรมกรรมฐานว่า ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ เชี่ยวชาญในเจโตสมาธิ ทั้งในด้านสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ปรารถนาพุทธภูมิ ตอนนั้นพระอาจารย์ชายังไม่เคยเห็นหน้าพระอาจารย์วังมาก่อนเลย เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงอันบันลือของท่านเท่านั้น พระอาจารย์ชามีความปรารถนาอยากจะพบพระอาจารย์วังให้ได้ ระยะเวลานั้น พระอาจารย์ชามีความสับสนในธรรมปฏิบัติมาก ต้องการหาใครก็ได้ที่พอจะเป็นกัลยาณมิตร ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติธรรมให้ เหมือนกับว่าเดินไปถึงจุดๆ หนึ่งแล้วมีอันต้องสะดุดหยุดชะงักลง ไม่สามารถเดินต่อไปได้ มันมืดแปดด้าน ก็ระลึกถึงพระอาจารย์วังที่ขึ้นไปนั่งบำเพ็ญเพียรบนยอดภูลังกา แม้จะยังไม่เคยเห็นความแกร่งกล้าในการบำเพ็ญเพียรของพระอาจารย์วัง ว่าบรรลุถึงขั้นใดแล้วก็ตาม แต่พระอาจารย์ชาก็เชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า พระอาจารย์วังคงต้องมีดีอย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นคงไม่ขึ้นมาอยู่บนยอดเขา เมื่อขึ้นไปถึงถ้ำชัยมงคลบนยอดภูลังกาแล้ว ก็ได้พบว่าพระอาจารย์วังอยู่กับสามเณรเพียง ๒ รูปเท่านั้น บรรยากาศบนภูลังกาเงียบสงบ อากาศดี เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรยิ่งนัก พระอาจารย์ชาได้ปรารภถึงความสับสนของตนในการบำเพ็ญเพียรภาวนา จึงได้บุกบั่นมาเพื่อขอให้พระอาจารย์วังช่วยชี้แนะนำทางที่ถูกที่ควรให้ พระอาจารย์วังได้ถามฉันเมตตาจิตว่า ความสับสนนั้นเป็นประการใด พระอาจารย์ชาได้กล่าวว่า การทำสมาธิภาวนาเหมือนสะดุดอยู่กับที่ ไม่มีที่ไป แม้ย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่เพื่อหาทางต่อไป แต่ก็ไม่อาจทำได้ ยังคงหยุดอยู่กับที่เช่นเดิม พระอาจารย์วังได้นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หลับตากำหนดรู้ด้วยกระแสญาณ แล้วลืมตาขึ้น ได้ให้คำชี้แนะแก่พระอาจารย์ชาว่า ไม่ต้องกำหนดจิตไปไหน ให้หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ กำหนดรู้อยู่ตรงนั้นแล้วมันก็จะเปลี่ยนไปเอง เราไม่ต้องไปบังคับใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ให้กำหนดรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง เดี๋ยวจิตมันก็เปลี่ยนไปเอง เราไม่ต้องไปวุ่นวายอะไร อย่าเข้าใจว่าหมดสิ้นแล้วเดี๋ยวมันจะมีขึ้นอีก เพียงแต่กำหนดสติรู้แล้วปล่อยวาง มันจะไม่เป็นอันตรายถ้าเราไม่วิ่งตามมัน พระอาจารย์ชาได้สดับตรับฟังแล้ว มีความรู้สึกว่าความสับสนวุ่นวายในจิตได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เกิดความเข้าใจในความละเอียดอ่อนลึกซึ้งในธรรมปฏิบัติมากขึ้น มีความสบายอกสบายใจ ไม่รุ่มร้อนดังแต่ก่อน ได้กำหนดในใจว่า จะอยู่บำเพ็ญเพียรบนภูลังกาสัก ๓ วัน ต่อจากนั้นจะออกจาริกธุดงค์ต่อไป ไม่ติดที่อยู่อาศัย ท่องเที่ยวไปตามลำพังแต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท เพียรพยายามเผากิเลสเพื่อทำให้รู้แจ้งถึงที่สุดพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม อันเป็นสุดยอดปรารถนาของเหล่ากุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา พระอาจารย์ชาได้พยามบำเพ็ญธรรมอย่างหนัก เร่งทำความเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้ได้ผลเร็วขึ้น เมื่อมาอยู่ใกล้พระอาจารย์วังผู้ล้ำลึกในธรรม ควรที่จะตักตวง มีอะไรสงสัยจะได้ถามท่านได้และก็ไม่ได้ผิดหวังเลย พระอาจารย์วังได้ให้ความกระจ่างในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ทำให้พระอาจารย์ชาได้หลักการอย่างหนึ่งว่า นักปฏิบัติธรรมนั้นไม่สามารถจะไปเจริญภาวนาคนเดียวได้ แม้จะภาวนาได้ก็จริง แต่ชักช้าเนิ่นนานมาก แต่ถ้ามีกัลยาณมิตรคอยช่วยชี้แนะแนวทางให้ การปฏิบัติธรรมก็จะไปเร็วขึ้น ไปสู่ทางที่ปรารถนาเร็วขึ้น อยู่ครบ ๓ วันแล้ว พระอาจารย์ชาก็กราบลาพระอาจารย์วังลงมาจากภูลังกา ออกเดินธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมต่อไป ดังที่พระบรมศาสดาได้ตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย หากพวกเธอจักมีใจจดจ่ออยู่ในเสนาสนะป่าอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย พึงเที่ยวไปคนเดียวดุจช้างม้าตังคะที่เที่ยวไปในป่าตัวเดียว เป็นสัตว์มักน้อยฉะนั้น” หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม • หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร หนังสือ ๑๐๐ ปี หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ได้กล่าวถึงการไปจำพรรษาของท่านบนภูลังกาไว้ว่า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๗ อายุ ๔๕ ปี พรรษาที่ ๒๖ เดินทางกลับบ้านบัว เพื่อดูแลและเทศนาสั่งสอนอบรมสมาธิให้แก่โยมแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเข้าพรรษาโยมแม่ก็เสียชีวิต ได้จัดการฌาปนกิจศพโยมแม่เสร็จแล้วจึงตั้งใจไปจำพรรษาที่ภูลังกา บ้านโพธิ์หมากแข้ง ตำบลบึงโขงหลง อำเภอเซกา (ในขณะนั้น) จังหวัดหนองคาย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านบัวประมาณ ๗๐ กิโลเมตร ได้ไปแวะที่วัดศรีวิชัยก่อนขึ้นไปจำพรรษาที่ภูลังกา เดินทางร่วมกับพระอาจารย์สวนและตาผ้าขาว ได้เลือกชะโงกหินเหนือถ้ำชัยมงคล บนยอดภูลังกาของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร สหธรรมมิกที่เคยร่วมกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ เป็นที่จำพรรษา พระอาจารย์วังเคยจำพรรษาอยู่ก่อนถึง ๕-๖ ปี ซึ่งต้องเดินขึ้นที่สูงเต็มไปด้วยโขดผาหิน ต้องไต่เขาและปีนป่ายขึ้นที่สูงชัน ใช้เวลาหลายชั่วโมง ในสมัยนั้นในป่าเขาเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งเป็นฤดูฝน หนทางขึ้นลงก็ลำบาก ยากต่อการบิณฑบาต ความเป็นอยู่การขบฉันเป็นด้วยความลำบากยากแค้น มีชาวบ้านปวารณาตัว จึงนำเสบียงอาหารใส่เกวียน เดินทางจากหมู่บ้านศรีเวินชัยไปถึงภูลังกาใช้เวลา ๑ วัน ขึ้นไปส่งให้อาทิตย์ละครั้ง ต้องนอนพักค้างแรมอีก ๑ คืน อาหารหลัก คือ หน่อไม้ ลูกคอนแคน ยอดคอนแคนจิ้มน้ำพริก ตลอดจนหัวกลอย เป็นต้น แต่การภาวนาที่นี่เป็นที่พอใจมาก “ปรากฏธรรมอัศจรรย์” ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ปัจจุบันยังมีลายมือหลวงปู่สิมที่เขียนไว้ว่า “ถ้ำอยู่เย็นเป็นสุข ถ้ำอาจารย์สิม” ณ เงื้อมชะโงกผา ที่ท่านปักกลดจำพรรษาตลอดพรรษานั้น ยังคงปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ • หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เคยมาจำพรรษาบนภูลังกา จากประวัติหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้บันทึกการมาปฏิบัติธรรมของท่านบนภูลังกาเอาไว้ว่า หลวงปู่ตื้อท่านเจริญกัมมัฏฐานมาหลายปีทีเดียว แต่จะเป็นพรรษาที่เท่าไรนั้นท่านก็มิได้บอกให้ทราบ ท่านเล่าแต่เพียงว่าเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาที่ภูลังกา ท่านก็ได้ทำความเพียร ในขณะที่เร่งทำความเพียรอยู่ที่ภูลังกานั้น ถึงกับไม่ฉันข้าว ฉันน้ำ ท่านว่ามันจึงจะรู้จักโลก แจ้งโลก พอจิตบรรลุถึง “โคตรภูญาณ” จิตก็รู้ได้หมดได้ทั่วไปว่า วิญญาณพวกไหนที่อยู่ในโลก ก็สามารถรู้จักและเห็นหมดในโลกธาตุว่าเป็นอยู่อย่างไร หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ หลวงปู่สีลา อิสฺสโร หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม • หลวงปู่สังข์ ออกธุดงค์มาถึงภูลังกา จากประวัติหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ได้บันทึกว่า พรรษาแรกที่บรรพชาเป็นสามเณรอยู่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า หลังจากออกพรรษาแล้ว เคยไปกราบครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่สีลา อิสฺสโร หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม เป็นต้น จากนั้นได้ไปเที่ยวรุกขมูลกับพระอาจารย์บุญส่ง โสปโก ตามทางหลวงปู่ตื้อเคยไป เช่น บึงโขงหลง แล้วไปถึงภูลังกา ได้พบกับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ที่ถ้ำชัยมงคล • หลวงปู่คำพันธ์ ธุดงค์ผ่านภูลังกา จากประวัติหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ บันทึกว่า ท่านได้เดินรุกขมูลขึ้นไปตามลำแม่น้ำโขง เข้าเขตอำเภอบ้านแพงขึ้นภูลังกา ยามเย็นได้ไปยืนอยู่ที่หน้าผาฝั่งตะวันตกในเขตบึงโขงหลง มองลงมาข้างล่างเห็นฝูงช้างจำนวนมาก บางตัวก็มีลูกอ่อน พากันหักต้นกล้วยป่ากินเป็นอาหารแบบสบายอารมณ์ ฝูงละ ๕ ตัวบ้าง ๖ ตัวบ้าง จากการค้นคว้าประวัติครูบาอาจารย์ ทำให้รู้ว่าอาณาบริเวณถ้ำชัยมงคล (ถ้ำหลวงปู่วัง ฐิติสาโร) โดยรอบ คือดินแดนที่พระอริยสงฆ์แต่อดีตถึงปัจจุบันได้ขึ้นมาบำเพ็ญเพียรภาวนามิได้ขาด น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ดินแดนแห่งนี้กลับกลายเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มไปเสียแล้ว • พระอาจารย์โง่น โสรโย ระลึกถึงอาจารย์ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๙๖ เป็นเวลา ๙ ปีที่พระอาจารย์วังจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำชัยมงคล ยอดภูลังกา มีพระภิกษุสามเณรเที่ยววิเวกแสวงธรรมแวะเวียนมาพักปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์วังตลอด มีช่วงหนึ่งที่พระอาจารย์โง่น โสรโย ได้แวะกลับมาเยี่ยมพระอาจารย์วังซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน หลังจากทราบข่าวว่าพระอาจารย์วังได้ขึ้นมาจำพรรษาบนภูลังกาแล้ว ท่านจึงได้ตามขึ้นไปเพื่ออยู่อุปัฏฐากรับใช้พระอาจารย์วังเป็นเวลา ๒๐ วัน ในครั้งนั้นพระอาจารย์โง่นได้นำดอกจิก ดอกรัง มาผสมกับดิน ปั้นรูปเสือและลิงเอาไว้ที่ถ้ำจนปรากฏมาถึงทุกวันนี้ พระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ : อ.อนัตตา ห้องพระ udon108 จากซ้าย : หลวงพ่อดำ หรือหลวงพ่อในป่า (หลวงปู่เทพโลกอุดร, พระมูนียะ หรือหลวงปู่อิเกสาโร) พระอาจารย์โง่น โสรโย และครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร ♥ เนื้อหาโพสต์โดย คุณ yodchaw แห่งลานธรรมจักร :: ประวัติพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร...จากบันทึกและคำบอกเล่า ของพระจันโทปมาจารย์ (หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม) เว็บไซต์วัดศรีวิชัย : http://www.watsriwichai.com ภูลังกา...แดนลับแล...บึงกาฬ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35542 ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=35359 ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=30161 |
เจ้าของ: | AAAA [ 19 ธ.ค. 2019, 18:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 03 ม.ค. 2020, 10:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 04 ก.ย. 2020, 12:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
เจ้าของ: | ดาราวรรณ [ 28 ม.ค. 2021, 13:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 29 ม.ค. 2023, 18:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตำนานภูลังกา..ดินแดนแห่งพระเจ้าห้าพระองค์ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |