ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=36317 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา สุชีพ ปุญญานุภาพ คัดลอกจาก...คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา : สุชีพ ปุญญานุภาพ โพสท์ในลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ 009504 โดยคุณ : mayrin [19 ส.ค. 2546] http://www.dharma-gateway.com/ubasok/su ... -03-01.htm ที่ท่านสอนให้พึ่งตน และพึ่งธรรมตามความในมหาปรินิพพานสูตรนั้น คือ พึ่งอย่างไร ? (ผู้ถาม : พุทธสาวก) ที่ว่าให้พึ่งตน คือ ให้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่ต้องหวังให้ผู้อื่นปฏิบัติแทน ส่วนให้พึ่งธรรมนั้น ท่านเปรียบว่า ในกลางมหาสมุทร เกาะย่อมเป็นที่พึ่งของผู้ประสบภัยได้ ควรอาศัยธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าใช้อธรรมหรือสิ่งอื่นใดที่ไม่เป็นธรรมเป็นที่พึ่ง ใจความรวม ก็คือ ให้พึ่งตัวเองและใช้คุณธรรมเป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะให้ความมั่นใจในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกอย่างถูกต้องดีงาม คำว่าปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือ ปฏิบัติอย่างไร ? (ผู้ถาม : พุทธสาวก) หมายความว่า ให้ปฏิบัติไปตามลำดับที่เรียกว่า อนุปุพพปฏิปทา อันได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเปรียบเหมือนขึ้นบันไดทีละขั้น |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
พระดำรัสก่อนปรินิพพานของพระพุทธเจ้าที่ว่า "โย โว อานนฺท ธมฺโม จ วินโย เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา" หมายความว่าอย่างไร ? และมีผลอย่างไรในปัจจุบัน ? (ผู้ถาม : ส.สุจีรกุลกิจ) พระดำรัสนี้แปลว่า "ดูก่อนอานนท์ ! ธรรมและวินัยอันใดที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่ท่านทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป" พระดำรัสนี้แสดงว่า มิได้ทรงตั้งผู้ใดเป็นพระศาสดาแทนพระองค์ แต่ทรงตั้งพระธรรมวินัยเป็นศาสดาเมื่อทรงล่วงลับไป หลักการนี้ ความจริงได้เคยทรงแสดงมาแล้วเมื่อตรัสกับพระวักกลิว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม อันเป็นการตัดปัญหาเรื่องบุคคลออกไป เหลือธรรมะเป็นจุดศูนย์กลาง ผลดีของเรื่องนี้คือ ไม่มีปัญหาเรื่องใครแย่งกันเป็นพระศาสดา และเป็นการเตือนให้ปฏิบัติธรรม และตั้งพระธรรมไว้เป็นจุดรวมแห่งพระพุทธศาสนา |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
เหตุไฉนพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงสรรเสริญปาฏิหาริย์อื่น นอกจากอนุศาสนีปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายในปาฏิหาริย์ ๓ แต่ศาสนาอื่นเข้าเน้น miracle หรือปาฏิหาริย์ แล้วมีชาวพุทธเฮโลไปจนน่าฉงน หากดูในแง่กำลังใจ เราหยิบเอาของเราเองมาใช้ จะเป็นการขัดกับพระพุทธบัญญัติไหม ? (ผู้ถาม : ส.สุจีรกุลกิจ) ในบางพระสูตร เช่น เกวัฏฏสูตร ทรงสรรเสริญอนุศาสนีปาฏิหาริย์ เพื่อชี้แจงให้ชายหนุ่มผู้ปรารถนาดี ซึ่งมาขอให้ทรงส่งพระสาวกผู้เชี่ยวชาญทางฤทธิ์ไปสั่งสอน เพื่อดึงดูดให้มานับถือพระพุทธศาสนา ทรงชี้แจงว่าการสั่งสอนได้เป็นอัศจรรย์ สำคัญมากกว่าแสดงฤทธิ์ (อิทธิปาฏิหาริย์) เพราะคำสั่งสอนที่มีเหตุผล จะนำให้ประพฤติปฏิบัติได้เข้าถึงธรรมะ อีกอย่างหนึ่งถ้าไปเน้นเรื่องฤทธิ์ และการดักใจทายใจเป็นสำคัญ อาจจะมีผู้หลอกลวงเข้ามาทำความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา แต่ในที่อื่นทรงสรรเสริญภิกษุผู้มีอภินิหารครบ ๓ คือ ฤทธิ์ อ่านใจได้ และสั่งสอนมีเหตุผล ว่าเป็นผู้ควรแก่ทักษิณา หรือเป็นทักขิเณยยบุคคล รวมความว่ามิได้ทรงปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทสนาปฏิหาริย์ ทรงยกย่องทั้ง ๓ ปาฏิหาริย์ แต่ในบางกรณีจะไม่ทรงเน้นเรื่องฤทธิ์ ก็เพื่อต้องการให้เข้าถึงธรรมะอย่างมีเหตุผลโดยไม่ติดในฤทธิ์ จะได้นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมีเหตุผล |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
อุเบกขาในพรหมวิหาร ต่างจากอุเบกขาในโพชฌงค์อย่างไร ? (ผู้ถาม : อุทัย ภิรมย์รื่น) พระอาจารย์ในประเทศไทยสอนสืบกันมาว่า อุเบกขาโดยย่อมี ๓ อย่าง คือ อุเบกขาเวทนา วางเฉยในอารมณ์ อุเบกขาพรหมวิหาร วางเฉยในสัตว์ อุเบกขาโพชฌงค์ วางเฉยในธรรม วางเฉยในอารมณ์ หมายถึง ความรู้สึกกลางๆ ในอารมณ์ที่ผ่านมาทางทวารทั้งหก ไม่สุขไม่ทุกข์ วางเฉยในสัตว์ หมายถึง ความรู้สึกปราศจากอคติในมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย วางเฉยในธรรม หมายถึง การปฏิบัติธรรมจนจิตสงบเป็นสมาธิ แล้วก็วางเฉยอย่างมีสติกำกับ เหมือนการขับรถขับเรือ เมื่อรถหรือเรือไปตรงทางแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร แต่จะคุมอยู่อย่างมีสติกำกับ อย่างนี้เรียกว่า อุเบกขาโพชฌงค์ |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ท่านแสดงไว้ ๔ เหตุ ไฉนบางแห่งจึงว่ามี ๒ เท่านั้น ? (ผู้ถาม : ม.ส) ความยึดมั่นถือมั่นหรืออุปาทานนั้น มี ๔ อย่าง คือ ๑. ความยึดมั่นในกาม เรียก กามุปาทาน ๒. ความยึดมั่นถือมั่นในทิฐิ เรียก ทิฏฐุปาทาน ๓. ความยึดมั่นถือมั่นในศีลและพรต คือ ติดในการปฏิบัติแค่ศีลหรือการทำอะไรเป็นประจำ เรียก สีลัพพตุปาทาน ๔. ความยึดมั่นในวาทะว่าตัวตน หรือติดยึดอัตตา เรียก อัตตวาทุปาทาน อุปาทานเต็มรูปมี ๔ อย่าง แต่เมื่อจัดข้อ ๒ คือ ความยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิ กับข้อ ๓ ความยึดมั่นถือมั่นในศีลและพรต กับข้อ ๔ ความยึดมั่นถือมั่นในวาทะว่า ตัวตนเข้าเป็นทิฏฐิความเห็นผิดด้วยกัน จึงเท่ากับมีอุปาทานเพียง ๒ ข้อเท่านั้น คือ ๑. กามุปาทาน ๒.ทิฏฐุปาทาน ส่วนข้อ ๓ และ ๔ รวมลงในข้อ ๑ คือ กามุปาทานนั้นจัดเข้าในโลภะ |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
ทำนองเดียวกัน นิวรณ์ (ธรรมอันกั้นจิตมิให้บรรลุความดี) ท่านแสดงว่ามี ๕ แต่เหตุไฉนบางแห่งจึงว่ามี ๘ ประการ ? (ผู้ถาม : ม.ส) นิวรณ์ หรือธรรมอันกั้นจิตมิให้บรรลุความดีหรือสมาธิ โดยทั่วไปมี ๕ คือ ๑. กามฉันท์ ๒. พยาบาท ๓. ถีนะมิทธะ ๔. อุทธัจจะ กุกกุจจะ และ ๕. วิจิกิจฉา แต่โดยพิศดาร ท่านแสดงไว้ ๘ ก็เพราะแยกที่มาคู่กันเป็นแต่ละข้อ แล้วเพิ่มอวิชชาเข้าไปอีกข้อ ๑ จึงเป็น ๘ ดังนี้ ๑. กามฉันท์ ความพอใจในกาม ๒. พยาบาท ความคิดปองร้าย ๓. ถีนะ ความหดหู่แห่งจิต ๔. มิทธะ ความง่วงงุน ๕. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ๖. กุกกุจจะ ความรำคาญใจ ๗. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๘. อวิชชา ความไม่รู้ คัดลอกจาก : ธรรมจักษุ ปีที่ ๘๗ ฉบับที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๖ |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 19 ม.ค. 2011, 17:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม – คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
ขอทราบทรรศนะทางพระพุทธศาสนาเรื่องปัญญาทั้งในแง่ทั่วไป และในทางปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ? (ผู้ถาม : ไม่ประสงค์ออกนาม) ปัญญาในแง่ทั่วไป ท่านแสดงไว้ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ ๑. ปัญญาเกิดจากการคิด - จินตามยปัญญา ๒. ปัญญาเกิดจากการฟังรวมทั้งการอ่าน การศึกษา - สุตมยปัญญา ๓. ปัญญาเกิดจากการอบรมหรือการลงมือกระทำ - ภาวนามยปัญญา กลุ่มที่ ๒ ๑. ความฉลาดในความเจริญแล้ว รู้จักสร้างความเจริญ - อายโกศล ๒. ความฉลาดในความเสื่อมแล้ว รู้จักหลีกเลี่ยงความเสื่อม - อปายโกศล ๓. ความฉลาดในอุบายหรือวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดความเจริญหลีกเลี่ยงความเสื่อม - อุปายโกศล ปัญญาในทางปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ท่านแสดงไว้ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ ปัญญาเห็นความเกิดดับอันทำให้ไม่หลงติด เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ - อุทยัพพยปัญญา หรือวิปัสสนาญานข้อต้นๆ กลุ่มที่ ๒ ปัญญาอันรู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ ๔ ประการ ซึ่งถือว่าเป็นปัญญาอย่างสูงที่ทำให้บรรลุมรรคผล หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ สัมมาทิฐิในอริยมรรค รวมคำสอน “อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49286 ประวัติและผลงาน “อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=44661 |
เจ้าของ: | daoduan [ 04 ธ.ค. 2015, 10:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ |
เจ้าของ: | อุบาสกน้อย [ 01 พ.ย. 2017, 13:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
ขออนุโมทนาสาธุนะครับ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 28 พ.ย. 2020, 18:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
เจ้าของ: | Duangtip [ 21 พ.ย. 2021, 13:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถาม - คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา (สุชีพ ปุญญานุภาพ) |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |