ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เ ม ต ต า-อิ ส ส า : อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38579
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กุหลาบสีชา [ 15 มิ.ย. 2011, 17:09 ]
หัวข้อกระทู้:  เ ม ต ต า-อิ ส ส า : อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

รูปภาพ

เ ม ต ต า-อิ ส ส า
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา


ขณะใดที่อิสสาคือริษยา
ขณะนั้นก็ไม่เป็นมิตรกับผู้ที่ถูกริษยาแน่นอน

ฉะนั้น ในวันหนึ่งๆ ผู้เจริญเมตตาจริงๆ
จึงต้องระลึกรู้ลักษณะอาการสนิทสนม
ที่จะต้องปราศจากความริษยาในบุคคลอื่นๆ ด้วย


ใน อัฏฐสาลินี อธิบายนิทเทสอิสสาสัญโญชน์ (๑๑๒๖)
มีข้อความวินิจฉัยความหมายของริษยา (อิสสาสัญโญชน์) ว่า

คำว่า "การริษยา" ในลาภสักการะ การกระทำความเคารพ การนับถือ
การไหว้ การบูชา ของคนอื่น อันใดนั้น ความว่า


การริษยาซึ่งมีการขึ้งเคียดสมบัติของคนอื่นเป็นลักษณะว่า

"จะประโยชน์อะไรด้วยสิ่งนี้แก่คนเหล่านี้"
ในลาภเป็นต้น ของคนเหล่าอื่นอันใด


พระโสดาบันบุคคล
ดับความริษยาเป็นสมุจเฉท
เพราะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า


เป็นแต่เพียงนามธรรม และรูปธรรม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ไม่มีใครสามารถบันดาลลาภสักการะ ความเคารพนับถือ
การไหว้ การบูชา ของบุคคลอื่นได้


แต่จะต้องมีเหตุปัจจัยที่ทำให้แต่ละบุคคลได้ลาภสักการะ
การเคารพนับถือ กราบไหว้บูชาจากบุคคลอื่น


ฉะนั้น จึงไม่ควรริษยาใครเลย
ขณะใดที่ริษยา ขณะนั้นไม่ใช่เมตตา


ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
กุศลธรรมและอกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย


ผู้ที่ไม่ใช่พระอริยบุคคล
ยังริษยาได้แม้บุคคลที่เป็นวงศาคณาญาติมิตรสหาย
ไม่ใช่ริษยาแต่เพียงบุคคลอื่นเท่านั้น


ผู้ที่จะอบรมเจริญเมตตาให้ยิ่งขึ้นนั้น
ต้องเป็นผู้ที่เห็นโทษของอกุศลนานาประการ
ทั้งโทสะ มานะ อิสสา และมัจฉริยะ เป็นต้น


:b8: :b8: :b8:

(คัดลอกบางตอนมาจาก : "เมตตา" โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา, หน้า ๓-๔)


:b8: :b8: :b8:

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง :

เมตตา : โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38266

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/