ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=41182 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 17 ก.พ. 2012, 15:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
![]() ![]() ท่านเล่าว่า จิตท่านทรงอริยธรรมขั้น 3 อย่างเต็มภูมิมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาเร่งความเพียรตามใจชอบ เพราะภารกิจเกี่ยวกับหมู่คณะมีมากตลอดมา พอได้โอกาสคราวไปพักที่เชียงใหม่ จึงได้เร่งความเพียรเต็มเม็ดเต็มหน่วย และก็ได้อย่างใจหมายไปทุกระยะ สถานที่บรรยากาศก็อำนวย พื้นเพของจิตที่เป็นมาดั่งเดิมก็อยู่ในขั้นเตรียมพร้อม สุขภาพทางร่างกายก็สมบูรณ์ ควรแก่ความเพียรทุก ๆ อิริยาบถ ความหวังในธรรมขั้นสุดยอด ถ้าเป็นตะวันก้กำลังทอแสงอยู่แล้วทุกขณะจิต ว่าแดนพ้นทุกข์กับเราคงเจอกันในไม่ช้านี้ท่านเทียบจิตกับธรรมและกิเลส ขั้นนี้เหมือนสุนัขไล่เนื้อ ตัวอ่อนกำลังเต็มที่แล้วเข้าสู่ที่จนมุม รอคอยแต่วะระสุดท้ายของเนื้อจะตกเข้าสู่ปากและบดเคียวให้แหลกละเอียดอยู่เท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น เพราะเป็นจิตที่สัมปยุตด้วยมหาสติมหาปัญญา ไม่มีเวลาพลั้งเผลอตัว แม้ไม่ตั้งใจระวังรักษา เนื่องจากเป็นสติปัญญาอัตโนมัติหมุนกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ต้องมีการบังคับบัญชาเหมือนขั้นเริ่มแรกปฏิบัติ ว่าต้องพิจารณาสิ่งนั้นต้องปฏิบัติต่อสิ่งนี้ อย่าเผลอตัวดังนี้ แต่เป็นสติปัญญาที่มีเหตุมีผลอยู่กับตัวอย่างพร้อมมูลแล้ว ไม่จำต้องหาเหตุหาผลหรืออุบายต่าง ๆ มาพร่ำสอนสติปัญญาขั้นนี้ ให้ออกทำงานเพราะในอิริยาบถทั้งสี่เว้นแต่หลับเท่านั้น เป็นเวลาทำงานของสติปัญญาขั้นนี้ตลอดไป ไม่ขาดวรรคขาดตอน เหมือนน้ำซับน้ำซึมที่ไหลรินอยู่ตลอดหน้าแล้งหน้าฝน โดยถือเอาอารมณ์ที่คิดปรุงจากจิตเป็นเป้าหมายแห่งการพิจารณาเพื่อหามูลความจริงจากความคิดปรุงนั้น ๆ ขันธ์สี่คือนามขันธ์ ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี่แลคือสนามรบของสติปัญญาขั้นนี้ ส่วนรูปขันธ์เริ่มหมดปัญหา มาแต่ปัญญาชั้นกลางที่ทำหน้าที่เพื่ออริยธรรมขั้น 3 คือ อนาคามีธรรมนั้นแล้ว อริยธรรมขั้น 3 นี้ ต้องถือรูปขันธ์เป็นเป้าหมายแห่ง การพิจารณาอย่างเต็มที่ และละเอียดถี่ถ้วนจดหมดทางสงสัยแล้วผ่านไปอย่างหายห่วง เมื่อถึงขั้นสุดท้ายนามขันธ์เป็นธรรมจำเป็นที่ต้องพิจารณา ให้รู้แจ้งเห็นจิรงทั้งที่ปรากฏขึ้นดั้งอยู่และดับไป โดยมีอนัตตาธรรมเป็นที่รวมลง คือพิจารณาลงในความว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล หญิง ชาย เรา เขา ไม่มีคำว่าสัตว์ บุคคล เป็นต้น เข้าไปแทรกสิงอยู่ในนามธรรมเหล่านั้นเลย การเห็นธรรมเหล่านี้ต้องเห็นด้วยปัญญาหยั่งทราบตามหลักความจริงจริงๆ ไม่เพียงเห็นด้วยความคาดหมายหรือคาดคะเนเดาเอาตามนิสัยของมนุษย์ที่ชอบด้นเดา มาประจำสันดาน ความเห็นตามสัญญากับความเห็นด้วยปัญญา ต่างกันอยู่ราวฟ้ากับดิน ความเห็นด้วยสัญญาพาให้ผู้เห็นมีอารมณ์มาก มักเสกสรรตัวว่ามีความรู้มากทั้งที่กำลังหลงมาก จึงมีทิฐิมานะมากไม่ยอมลงใครง่าย ๆ เราพอทราบได้เวลาสนทนาธรรมกันในวงนักศึกษาที่ต่างรู้ด้วยความจดจำด้วยกัน สภาธรรมมักจะกลายเป็นสภามวยฝีปากกันอยู่เสมอ โดยไม่จำกัดชาติชั้นวรรณะ และเพศวัยเลย เพราะความสำคัญตนพาให้เป็นไป จนลืมมรรยาทความเคารพอันดีงาม ต่อกันตามประเพณีของมนุษย์ผู้มีธรรม ส่วนความเห็นด้วยปัญญา เป็นความเห็นซึ่งพร้อมที่จะถอดถอนความสำคัญมั่นหมายต่าง ๆ อันเป็นตัวกิเลสทิฎฐิมานะน้อยใหญ่ออกไปโดยลำดับที่ปัญญาหยั่งถึง ถ้าปัญญาหยั่งลงโดยทั่วถึงจริง ๆ กิเลสทั้งมวลก็พังทลายไปหมด ไม่มีกิเลสชนิดใดจะทดต่อสติปัญญาชั้นยอดเยี่ยมไปได้ ฉะนั้น สติปัญญาจึงเป็นอาวุธชั้นนำของธรรมที่กิเลสทั้งมวลไม่อาจสู้ได้ แต่ไหนแต่ไรมาพระศาสดาได้เป้นพระพุทธเจ้าก็เพราะสติปัญญา พระสาวกได้บรรลุถึงพระอรหันต์ก็เพราะสติปัญญาความรู้จริงเห็นจริง มิได้ถอดถอนกิเลสด้วยสัญญาความคาดหมายหรือเดาเอาเฉย ๆเลย นอกจากนำมาใช้พอเป็นแนวทางในขั้นเริ่มแรกเท่านั้น แม้เช่นนั้นก็จำต้องระวังสัญญาจะแอบแฝงตัวขึ้นมาเป็นความจริงให้หลงตามอยู่ทุกระยะ มิได้นิ่งนอนใจ การประกาศพระศาสนาเพื่อความจริงแก่โลก ทั้งพระพุทธเจ้าและพระสาวกทรงประกาศด้วยปัญญาความรู้จริงเห็นจริงทั้งนั้น ดังนั้นผู้ปฏิบัติทางจิตตภาวนาจึงควรระวังเจ้าสัญญาจะแอบเข้าทำหน้าที่แทนปัญญา โดยรู้เอาหมายเองเฉย ๆ แต่กิเลสแม้ตัวเดียวก็ไม่ถอดออกจากใจบ้างเลย และอาจกลายเป็นทำนองว่า “ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด” ก็ได้ ธรรมขั้นรู้เห็นด้วยปัญญานี่แลที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่กาลามชนว่า ไม่ให้เชื่อแบบสุ่มเดา แบบคาดคะเน ไม่ให้เชื่อตาม ๆ กันมา ไม่ให้เชื่อตามครูอาจารย์ที่ควรเชื่อได้เป็นต้น แต่ให้เชื่อด้วยปัญญา ที่หยั่งลงสู่หลักความจริงด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้ที่แน่ใจอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าและสาวกอรหันต์ท่านมิได้มีคนประกันรับรองว่า ท่านได้บรรลุธรรมจริงอย่างนั้น ไม่จริงอย่างนี้ แต่สันทิฏฐิโกมีอยู่กันทุกคน ถ้าปฏิบัติตามธรรมที่แสดงไว้โดยสมควรแก่ธรรมท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า ปฏิบัติมาถึงขั้นนี้ มีความเพลิดเพลินจนลืมเวล่ำเวลา ลืมวันลืมคืน ลืมพักผ่อนหลับนอน ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จิตตั้งท่าแต่จะสู้ กิเลสทุกประเภทด้วยความเพียร เพื่อถอดถอนมันพร้อมทั้งราก โดยไม่มีความสะทกสะท้านหวั่นเกรงอะไรเลย นับแต่ออกจากวัดเจดีย์หลวง ไปบำเพ็ญโดยลำพังองค์เดียวด้วยเวลาเป็นของตนทุก ๆ ระยะ ไม่ปล่อยให้ วันคืนผ่านไปเปล่า ไม่นานนักเลยก็ถึงบึงใหญ่ชื่อ “หนองอ้อ” และ “อ้อนี่เอง” คือนับแต่ขณะปลีกออกไปจิตท่านเริ่มแสดงตัวอย่างผาดโผน เหมือนม้าอาชาไนยตัวองอาจทั้งจะเหาะเหินเดินฟ้า ทั้งจะดำดินและ บินขึ้นบนอากาศ ทั้งจะออกรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่มีประมาณบรรดามีอยู่ในโลกธาตุ ทั้งจะขุดค้นรื้อ ถอนกิเลสภายในใจให้หมดสิ้นไป ประหนึ่งในอึดใจเดียว เพราะความสามารถอาจหาญของสติปัญญาที่ถูกกักขังบังคับไว้ด้วยภาระ เกี่ยวกับหมู่คณะเป็นเวลานาน มิได้ออกแล่นในห้วงมหาสมมุติมหานิยม เพื่อชมและเลือกเฟ้นกลั่นกรอง ให้สุดสติปัญญาที่แสนอยากรู้มานาน คราวนั้นจึงสบโอกาสวาสนาอำนวย สติปัญญาจึงแผลงฤทธิ์ทะยานออกล่องหนค้นดูไตรโลกธาตุ ทั้งภายในภายนอก วิ่งออกวิ่งเข้า แหวกว่ายผุดขึ้นดำลง ทั้งปลดทั้งปลง ทั้งปล่อยทั้งวาง ทั้งตัดทั้งฟัน ทั้งขยี้ทำลาย สิ่งจอมปลอมทั้งหลายอย่างสุดกำลัง เหมือนปลาใหญ่สนุกแหวกว่ายหัวหางกลางลำตัว ในทะเลหลวงฉะนั้นจิตมองคืนไปข้างหลัง ที่ผ่านมาแล้ว เห็นแต่ความตีบันมืดมิด และเต็มไปด้วยภัยนานาชนิดสุดที่จะรั้งรออยู่ได้ ใจสั่นริก ๆ เพื่อหาทางรอดพ้น มองไปข้างหน้าเห็นมีแต่ความสง่าผ่าเผยเวิ้งว้างสว่างไสว สุดความรู้ความเห็นที่จะพรรณนาให้จบสิ้นลงได้ และยากที่จะนำมาเขียนลงเพื่อท่านได้อ่านอย่างสมใจ จึงขออภัยไว้ด้วยในตอนที่ไม่สามารถจะนำมาลงซึ่งมีอยู่มากมายตามที่ท่านเล่า ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 17 ก.พ. 2012, 15:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
จากหนังสือ ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต โดย พระธรรมวิทุทธิมงคล |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 17 ก.พ. 2012, 18:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
eragon_joe เขียน: ![]() ![]() การเห็นธรรมเหล่านี้ต้องเห็นด้วยปัญญาหยั่งทราบตามหลักความจริงจริงๆ ไม่เพียงเห็นด้วยความคาดหมายหรือคาดคะเนเดาเอาตามนิสัยของมนุษย์ที่ชอบด้นเดา มาประจำสันดาน ความเห็นตามสัญญากับความเห็นด้วยปัญญา ต่างกันอยู่ราวฟ้ากับดิน ความเห็นด้วยสัญญาพาให้ผู้เห็นมีอารมณ์มาก มักเสกสรรตัวว่ามีความรู้มากทั้งที่กำลังหลงมาก จึงมีทิฐิมานะมากไม่ยอมลงใครง่าย ๆ ![]() ![]() ![]() ![]() ขอ ม.โอ โม โมทนา สาธุ .. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 19 ก.พ. 2012, 10:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
จ.อะ - จะทะยอยพิมพ์ลง น๊ะจ๊ะ ![]() ![]() ![]() (แม้จะเมื่อยชิ๊-... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 19 ก.พ. 2012, 15:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
มาเอาใจช่วยอ่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 29 ก.พ. 2012, 11:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จ.เออ - เจอ ... เจอใจ เจอธรรม |
![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |