ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

"บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=64269
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 13 ต.ค. 2023, 05:17 ]
หัวข้อกระทู้:  "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"บุพเพสันนิวาส"

" .. ระหว่างพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ "เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดได้อุบัติขึ้นแก่ท่านโดยบังเอิญ" ที่ว่าไม่น่าจะเกิดนั้น "ก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสตรีเพศ"

เรื่องมีว่า วันหนึ่งพระอาจารย์สิงห์ ได้พาท่านไปนมัสการท่านเจ้าคุณ พระปัญญาพิศาลเถระ(หนู) ที่วัดสระปทุม "ระหว่างทางได้เดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า" นับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา

"พระอาจารย์ฝั้น ก็ลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ลง" ท่านรู้สึกว่า "ท่านได้เกิดความรักขึ้นในใจเสียแล้ว" ขณะเดียวกันท่านก็บอกตัวเองด้วยว่า ท่านจะต้องขจัดความรู้สึกดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากความรู้สึกนึกคิดให้ได้

กลับวัดบรมนิวาสในวันนั้น "ท่านได้นั่งภาวนา พิจารณาแก้ไขตัวเองถึงสามวันแต่ก็ไม่ได้ผล" ใบหน้าของหญิงผู้นั้น "ยังคงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด จนไม่อาจสลัดให้ออกไปได้"

ในที่สุดเมื่อเห็นว่า "เป็นการยากที่จะแก้ไขได้ด้วยตัวเองแล้ว ท่านจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พระอาจารย์สิงห์ฟัง" เพื่อให้ช่วยแก้ไข

พระอาจารย์สิงห์ "ได้แนะให้ท่านไปพักในพระอุโบสถ พร้อมกับให้พิจารณาทำความเพียรให้หนักขึ้น" พระอาจารย์ฝั้น ได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ในพระอุโบสถ "เป็นเวลาถึง ๗ วัน" ก็สามารถรู้ชัดถึงบุพเพสันนิวาสแต่ในปางก่อนว่า

"ผู้หญิงคนนี้กับท่าน เคยเป็นสามีภรรยากันมา จึงทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวขึ้น" เมื่อตระหนักในเหตุในผล "ท่านก็สามารถตัดขาด" ลืมผู้หญิงคนนั้นไปได้โดยสิ้นเชิง .. "

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
#หลวงปู่ฝั้น_อาจาโร (4).jpg
#หลวงปู่ฝั้น_อาจาโร (4).jpg [ 77.26 KiB | เปิดดู 3635 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 12 พ.ค. 2024, 05:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"เครื่องวัดความดี"

" .. "อันความดีที่ว่านี้ถ้าทำอะไรลงไปแล้วคนชั่วสรรเสริญ อย่าไปเข้าใจว่าเป็นของดี" คนดีสรรเสิญเราจึงค่อยเข้าใจว่าเป็นของดี

"คนดี เป็นคนชนิดใด คนดี ก็คือคนมีเหตุมีผล ที่เรียกว่าความดี ดีอย่างไร ความดีที่เราทำนั่นไม่เปียดเปียนตน ไม่ทำไห้เสียผลประโยชน์ทั้งของตนและคนอื่น" คือไม่เป็นเครื่องกระทบกระเทือนทั้งตนและคนอื่น จึงจะเรียกว่าดี

ทำอะไรแม้จะดีแสนดี ก็ตามแต่มันเป็นเครื่องกระทบกระเทือนคนอี่นแล้ว ความดีอันนั้นใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ของดี นี่เป็นเครื่องวัด ของดีของชั่ว

"เมื่อเข้าใจแล้วรู้แล้วก็มาวัดตัวของเราใจของเราดู แล้วมาวัดผลที่ทำนั่นอีก คือว่าไม่กระทบกระเทือนตนเอง ไม่ทำให้ตนและคนอื่นเดือดร้อนด้วย" จึงจะเรียกว่าตี .. "

"คุณค่าและประโยชน์ของพระพุทธศาสนา"
หลวงป่เทสก์ เทสรังสี


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg [ 118.05 KiB | เปิดดู 2220 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 13 พ.ค. 2024, 05:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ทุกข์กาย ทุกข์ใจ ฆ่าตัวตาย"

" .. ร่างกาย มีโรคภัยเบียดเบียน "ทำให้กระสับกระส่าย ทำให้ร่างกายนี้ เป็นปกติอยู่ไม่ได้นั่นแหละเรียกว่าทุกข์กาย" ทุกขัง แปลว่า ทนได้ยาก ทนลำบาก ทนอยู่ไม่ได้ "มันก็หมายความว่า มันแปรปรวนแตกดับลงไป นั่นแหละเรียกว่ามันทนอยู่ไม่ได้" ร่างกายอันนี้

"จิตใจเมื่อปล่อยให้มันเป็นทุกข์มาก ๆ เข้าไป มันก็เที่ยวไปเกาะนั่นข้องนี้อยู่ในโลกสงสาร" เนื่องจากว่า "มันไม่รู้จักหนทางดับทุกข์ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง" เป็นทุกข์มาแล้วก็ส่งใจคิดไปทั่ว วิตกวิจารณ์ไปทั่ว

บางรายมันก็ "คิดวิตกวิจารณ์ไปจนเหนื่อยอ่อน แล้วมันก็หายไปมันเอง" บางรายมันไม่หายกลุ้มใจอย่างแรงอยู่นั้น "กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ กระสับกระส่าย ประเภทนี้น่ะ มันฆ่าตัวตาย" เมื่อไม่มีอุบายระงับความทุกข์ทางใจได้ก็ถือว่า "อยู่ในโลกนี้มันลำบากเหลือเกิน อย่าอยู่มันเลย ฆ่าตัวตายไปเสีย" นึกว่าไปสู่โลกหน้าจะสบาย

"เข้าใจผิด ไปสู่โลกหน้า ก็ไปเป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่นั่นแหละ เพราะใจดวงเดียว ไม่ใช่มันมีหลายดวง" ถ้าไปเกิดเป็นคนมาอีก "กรรมที่ฆ่าตัวตายก็ตามติดตามมา" ได้เวลาแล้วก็บันดาลให้เกิด "ความกลุ้มใจจนว่าไม่มีทางออก เดี๋ยวไปฆ่าตัวตายอีก"

จะมีสุขอะไรเล่า "บุคคลฆ่าตัวตาย มีแต่กรรมแต่เวร เหมือนกับฆ่าคนอื่นนั้นแหละ" แต่ฆ่าคนอื่นนั้นกรรมมันสนองเอา ก็เป็นเหตุให้คนอื่นมาฆ่าตนเหมือนกัน "ที่ตนฆ่าตัวเองนี่ ไม่มีใครมาฆ่า ตนเองฆ่าตนเองลงไป" .. "

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


ไฟล์แนป:
_224_844.jpg
_224_844.jpg [ 177.51 KiB | เปิดดู 2215 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 14 พ.ค. 2024, 05:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ประโยชน์ของสมาธิ"[/b]

" .. การที่เราทำสมาธิก็ "เหมือนการสะสมเมล็ดพันธุผักไว้" เมื่อมันแก่จัดพอถูกน้ำเข้ามันก็จะแตกกิ่งก้านสาขาเป็นต้นเป็นดอก เป็นใบ

เรามีสมาธิเป็นพื้นฐานสั่งสมไว้ "พิจารณาก็เกิดปัญญา รอบรู้" ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งด้านโลกด้านธรรมได้ง่าย "สอนจิตฝึกใจให้รู้ว่า อะไรเป็นธาตุ ขันธ์ อายตนะ" ฯลฯ ทุก ๆ ส่วนของร่างกาย "จนเราไม่ต้องกลัวแก่กลัวเจ็บกลัวตาย อีกต่อไป" .. "

ท่านพ่อลี ธัมมธโร


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร.jpg
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร.jpg [ 134.65 KiB | เปิดดู 2206 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 15 พ.ค. 2024, 05:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ใจที่สงบเย็น ทำให้ร้ายกลายเป็นดี"

" .. ที่ท่านสอนให้ท่อง "พุทโธ" ก็ตาม
ให้ดู "ลมหายใจเข้าออก" ก็ตาม
นั่นคือการสอนเพื่อให้ใจ ไม่วุ่นวาย ซัดส่าย
เป็นวิธีที่จะให้ผลแท้จริงอย่างแน่นอน


ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากอย่างใด
ให้มั่นใจว่า "การทำให้ความยากลำบากนั่นคลี่คลาย
จะต้องกระทำเมื่อจิตใจสงบเยือกเย็นเท่านั้น"



ใจที่เร่าร้อน ไม่อาจนึกคิดให้ปลอดโปร่งได้
"ใจที่เร่าร้อน ไม่อาจช่วยให้ร้ายกลายเป็นดีได้" .. "

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวขิรญาณสังวร


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (2).jpg
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (2).jpg [ 117.61 KiB | เปิดดู 2175 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 16 พ.ค. 2024, 06:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"การกระทำ คือเหตุ"

" .. การปฏิบัตินั้นให้พยายามทำ "มันจะสงบหรือไม่สงบก็ช่าง" ปล่อยไว้ก่อน เอาเรื่องเราปฏิบัติเป็นเรื่องแรก "เอาเรื่องเราได้สร้างเหตุนี้แหละ" ถ้าทำแล้วผลจะเป็นอย่างไรก็ได้ เราทำได้แล้วอย่ากลัวว่าจะไม่ได้ผล

มันไม่สงบเราก็ได้ทำ ทีนี้ถ้าเราไม่ทำใครเล่าจะได้ ใครเล่าจะเห็น "คนหานั่นแหละจะเห็น คนกินนี่แหละจะอิ่ม" ของแต่ละสิ่งแต่ละอย่างมันโกหกเราอยู่ สิบครั้งให้มันรู้ก็ยังดีอยู่ "คนเก่ามาโกหกเรื่องเก่า ถ้ารู้จักก็ดีอยู่มันนานเหลีอเกินกว่าจะรู้" มันพยายามมาหลอกลวงเราอยู่นี่

ดังนั้น "ถ้าจะปฏิบัติแล้วให้ตั้งศีล สมาธิ ปัญญา ไว้ในใจเรา" ให้นึกถึงพระรัตนตรัย คือ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" เลิกสิ่งทั้งหลายทั้งปวงออกเสีย "การกระทำของเรานี้เองเป็นเหตุ" เกิดขึ้นในภพในชาติหนึ่งจริง ๆ ให้เป็นคนซื่อสัตย์ กระทำไปเถอะ .. "

หลวงปู่ชา สุภัทโท


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1LPCha1.jpg
1LPCha1.jpg [ 88.44 KiB | เปิดดู 2148 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 17 พ.ค. 2024, 05:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"การรักษาศีล ให้รักษาใจ"

" .. "การรักษาศีลนั้น รักษาที่ไหน อะไรเป็นศีล" ก็รักษาที่กายวาจา ให้เป็นปกติ กาย วาจา ที่จะเป็นปกติได้ "ก็ต้องอาศัยใจเป็นใหญ่" ใจเป็นหัวหน้า ใจเป็นประธาน "ใจเป็นผู้บัคับบัญชากาย วาจา ให้กระทำอย่างนั้น" .. "

"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันศรี จนฺททีโป


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป  (1).jpg
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป (1).jpg [ 49.14 KiB | เปิดดู 2143 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 18 พ.ค. 2024, 04:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ศีล สมาธิ ปัญญา"

" .. บุคคลจะพ้นจากโอฆะเหล่านี้ไปได้ "ก็เมื่อมาปฏิบัติตาม ศีล สมาธิ ปัญญานี้เอง" ไม่ใช่ปฏิบัติไปอย่างอื่นแล้วมันจะพ้นไปได้ ไม่มี

ข้อปฏิบัติใด ๆ ในโลกนี้ "นอกเหนือไปจาก ศีล สมาธิ ปัญญาแล้ว ไม่มีข้อปฏิบัติใดที่จะมากำจัดกิเลสดังกล่าวมานี้ให้น้อยเบาบางหรือหมดสิ้นไปจากจิตใจนี้ได้ ไม่มีเลย"

เพราะฉะนั้น "ให้พากันพยายามอย่าท้อถอย เรามันถูกห้วงน้ำ คือกิเลสเหล่านี้ท่วมท้นจิตใจมานับไม่ถ้วนแล้ว" เราลอยคออยู่กลางมหาสมุทรทะเล คือราคะ โทสะ โมหะ เหล่านี้นะ "จิตใจมันล่องลอยอยู่ในกิเลสเหล่านี้มานับชาติไม่ถ้วนแล้วนะ" คิดให้ดี .. "

พระสุธรรมคณาจารย์
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1001.jpg
1001.jpg [ 91.5 KiB | เปิดดู 2140 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 20 พ.ค. 2024, 08:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"กลั่นกรองจิต ด้วยสมาธิภาวนา"

" .. การเดินจรงกรม นั่งสมาธิภาวนา "คือการกลั่นกรองหาสิ่งที่เป็นสารคุณในตัวเรา ซึงเป็นงานสำคัญและมีผลเกินคาดยิ่งกว่างานอื่นใด" จึงไม่ยอมให้กิเลสตัณหาอวิชชามาหลอกเล่น ให้เห็นเป็นงานล่อลวงล่มจมป่นปี้ไม่มีชิ้นดี

การกลั่นกรองจิตด้วยสมาธิภาวนา "ก็คือการกลั่นกรองตัวเราออกเป็นสัดเป็นส่วน เพื่อทราบว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม" อันไหนพาให้เกิดทุกข์ อันไหนพาให้เกิดสุข อันไหนจะพาไปนรก อันไหนจะพาไปสวรรค์และอันไหนจะพาไปนิพพาน สิ้นทุกข์ทั้งมวลนั่นเอง .. "

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1LTBua.jpg
1LTBua.jpg [ 101.54 KiB | เปิดดู 2130 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 17 มิ.ย. 2024, 07:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

"กิเลสตัณหา จิตดวงนี้แหละสร้างขึ้นเอง"

" .. "คนที่มีความอยากมาก ความกำหนัดยินดีมาก แสดงว่ามีบุญน้อย" กิเลสหลายกว่าบุญ บุญส้อำนาจกิเลส ไม่ได้ ดังนั้นกิเลสมันจึงครอบงำจิตใจ ให้เกิดความอยาก ได้เหลือล้นพ้นประมาณ ดังนั้นเมื่อพูดมาถึงตอนนี้น่ะ ก็พอจะแลเห็นแล้วว่า การสั่งสมบุญเป็นหน้าที่ของเรา ผู้เบื่อหน่ายต่อกิเลสและกองทุกข์ทั้งหลาย

"ผู้เบื่อหน่ายต่อกิเลสและกองทุกข์แล้วไม่สั่งสมบุญกุศล ไม่ทำความดีอย่างนี้แล้วจะให้พ้นไปเอง มันไม่ได้เลย" จะให้จิตนึ่พ้นจากกิเลสตัณหาไปไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น "เพราะว่าจิตใจนี้ มันสร้างกิเลสตัณหาให้แก่ตัวเองมา" นับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว

"ไม่ใช่กิเลสตัณหามันเกิดเอง จิตดวงนี้แหละสร้างขึ้น ปรุงแต่งขึ้นมา" แล้วยึดถือเอาไว้ดังนั้นน่ะ มันถึงติดสอยห้อยตามจิตใจนี้มานับชาตินับภพไม่ถ้วนแล้ว "บางชาติเมื่อมันไปยึดกิเลสหยาบ ๆ อย่างว่านี้แล้ว ก็ไปทำบาป ทำกรรมเข้าไป" บาปกรรมนั้นก็ตามสนองให้เป็นทุกข์ใน ชาติต่อไป "ไปเสวยทุกข์อย่ในนรกอบายภูมินานแสนนานฯ" .. "

"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)



:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (5).jpg
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (5).jpg [ 39.68 KiB | เปิดดู 2057 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 26 มิ.ย. 2024, 06:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "บุพเพสันนิวาส" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

"คนแจวเรือ"

" .. "ร่างกายเปรียบเหมือนกับเรือ ดวงจิตเปรียบเหมือนคนที่แจวเรือ" ต่างคนต่างทำหน้าที่คนละอย่าง แต่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน "มีแต่เรือไม่มีคนแจว ก็ไม่สำเร็จประโยชน์" มีคนแจวแต่ไม่มีเรือก็ไปไม่รอด

ฉะนั้น "จึงจำเป็นต้องรักษาเรือไว้ให้ดี ถ้าจิตดีกายก็ดีด้วย ถ้าจิตเสียกายก็เสื่อม" ต้องรักษาไว้ให้ดีทั้งสองอย่าง "เราจึงจะข้ามไปถึงฝั่งได้" .. "

ท่านพ่อลี ธัมมธโร



:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร5.jpg
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร5.jpg [ 174.5 KiB | เปิดดู 2055 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/