ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

"มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=64518
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 03 ธ.ค. 2023, 05:16 ]
หัวข้อกระทู้:  "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ"

" .. สมาธิทั้งหลายเหล่านี้ แบ่งเป็น "มิจฉาสมาธิอย่างหนึ่ง คือเป็นสมาธิในทางผิด" เป็น "สัมมาสมาธิอย่างหนึ่ง คือสมาธิในทางที่ถูกต้อง" นี้ก็ให้สังเกตให้ดี "มิจฉาสมาธิ คือความที่จิตเข้าสู่สมาธิเงียบ .. หมด ..ไม่รู้อะไรเลย ปราศจากความรู้" นั่งอยู่สองชั่วโมงก็ได้ กระทั่งวันก็ได้

"แต่จิตไม่รู้ว่ามันไปถึงไหน มันเป็นอย่างไร" ไม่รู้เรื่อง "นี่อันหนึ่งสมาธิอันนี้เป็นมิจฉาสมาธิ ๆ อันนี้เป็นอันตรายห้ามปัญญาไม่ให้เกิด" ปัญญาเกิดไม่ได้ เพราะขาดความรู้สึกรับผิดชอบ

"ส่วนสัมมาสมาธินี้ คือสมาธิที่ถูกต้อง" ถึงแม้จะมีความสงบไปถึงแค่ไหนก็มีความรู้อยู่ตลอดกาลตลอดเวลา "มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์บริบูรณ์ รู้ตลอดกาล" นี้เรียกว่า "สัมมาสมาธิ" เป็นสมาธิที่จะให้เกิดปัญญา "เป็นสมาธิที่ไม่ให้หลงไปในทางอื่นได้"

นี้ก็ให้นักปฏิบัติเข้าใจไว้ให้ดี ๆ "จะทิ้งความรู้นั้นไม่ได้จะต้องรู้แต่ต้นจนปลายเลยทีเดียว จึงจะเป็นสมาธิที่ถูกต้อง" ขอให้สังเกตให้มาก "สมาธิชนิดนี้ไม่เป็นอันตราย" .. "

"สุภัททานุสรณ์"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1LPCha1.jpg
1LPCha1.jpg [ 88.44 KiB | เปิดดู 3350 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 03 มี.ค. 2024, 05:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"ควรเจริญเมตตากรุณาทุกวันคืน"

" .. "คนมาเจริญเมตตากรุณาอยู่ทุกวันทุกคืนไป" พิจารณาดูตัวเองและพิจารณาดูคนอื่น "สัตว์อื่นให้เห็นเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด" ทั้งที่เป็นบัณฑิต ทั้งที่เป็นคนพาล "ท่านทั้งที่เกิดใน ตระกูลสูง เกิดในตระกูลตํ่า" ไม่เป็นของแปลก

เมื่อพิจารณาลงไปแล้วว่า "ทุกคนเกิดมาแล้ว ความแก่ก็บีบคั้นเข้าไป" ร่างกายทรุดโทรมไป "เหมือนกันจะเป็นคนรํ่ารวยมั่งมี จะเป็นเศรษฐี เป็นพระราชามหากษัตริย์" ก็ไม่มีอำนาจ อะไร ที่จะมาปิดร่างกายนี้ที่ชำรุดทรุดโทรมไดไม่มีเลย

ทั้งคนจน ทั้งคนรวย "ทั้งคนมีเกียรติยศชื่อเสียง มีเหมือนกันหมด เมื่ออยู่นานไป ร่างกายก็ทรุดโทรมไปโรคภัยก็เบียดเบียนไป" ผลสุดท้าย หมดเวร หมดกรรมแล้ว ก็ต้องแตกตายท่าลายขันธ์ลงไป

ฉะนั้น "เมื่อเพ่งพิจารณาตัวเองออกไป ถึงบุคคลอื่นและสัตว์อื่นแล้ว" จึงเห็นได้ว่าเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน "เราควรจะเห็นใจซึ่งกันและกัน ควรจะสงสารกัน"

ถ้าเราพอที่จะมีปัญญา ช่วยเหลือ"ใครตกทุกข์ได้ยากลำบาก เราก็ช่วยไปเท่าที่จะช่วยได้" ถ้าหากใจมันน้อมลงไปอย่างนี้แล้ว "มันก็ไม่คิดที่จะเบียดเบียนใครแล้ว ไม่คิดที่จะโกรธใครแล้ว ความโกรธมันก็เบาบางลง" .. "

พระสุธรรมคณาจารย์
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
_224_844.jpg
_224_844.jpg [ 177.51 KiB | เปิดดู 993 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 04 มี.ค. 2024, 05:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"ถือธรรมเป็นที่พึ่ง"

" .. "เราพุทธบริษัทควรจะเคารพอะไรให้เป็นหลักของใจ" จึงจะได้ชื่อว่าเรายึดถือหลักพุทธศาสนาเป็นเครื่องดำเนินในชีวิตประจำวันของเรา

"เบื้องต้นเราต้องเชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม" เราทำกรรมอะไรไว้ด้วยกาย วาจา และใจ ในที่ใด ๆ มากหรือน้อยไว้แล้ว "ผลกรรมนั้นต้องตกมาเป็นของตัวอย่างแน่นอน" ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง คนอื่นจะมารับแทนไม่ได้

"เมื่อเชื่ออย่างนี้แล้วผู้นั้นไม่สามารถจะกระทำ กรรมอันเป็นบาปได้เด็ดขาด" จะทำ แต่กรรมที่เป็นบุญเป็นกุศลตลอดเวลา "ได้ชื่อว่าถือธรรมเป็นที่พึ่ง" .. "

"เทสรังสีอนุสรณ์"
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
(หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg [ 118.05 KiB | เปิดดู 956 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 05 มี.ค. 2024, 05:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"คุณสมบัติทั้ง ๕ ประการ"

" .. เมื่อถึงพระรัตนตรัยแล้วก็มาสมาทานรับศีล "ผิดศีลมันดีไหม เราลองคิดดูให้ละเอียด อย่าเข้าข้างเราเข้าข้างใคร การไม่เบียดเบียนตนไม่เบียดเบียนคนอื่นไม่เบียดเบียนสัตว์ มันดีไหม"

"การไม่ขโมยของคนอื่นนั้นมันดีไหม ให้เราคิดดูเท่านี้ก็รู้ และพวกที่มีครอบครัวแล้วนั้นอยู่ในวงจำกัดของเรามันดีไหม" หรืออยู่นอกวงมันดี ดูเท่านี้ก็พอแล้ว "ไม่ต้องไปคิดไกล ถามดูง่าย ๆ และมุสาการพูดโกหกนั้นมันดีไหม" คิดให้มันซึ้ง ๆ เข้าทางธรรมะอย่าไปเข้าข้างเรา ไม่ต้องไปศึกษาอะไรมาก

ข้อที่ห้าเครื่องมึนคนที่ปราศจากเครื่องมึนเมามันดีไหม อย่าเข้าข้างเจ้าของนะ "ทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ ถ้าหากว่าใครมีคุณสมบัติทั้ง ๕ ประการนี้" เราก็ไม่ต้องไปถามใครหรอกว่า "ฉันเป็นอะไร" .. "

"๘๔ พระธรรมเทศนา"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3หลวงปู่ชา สุภทฺโท (3).jpg
3หลวงปู่ชา สุภทฺโท (3).jpg [ 117.73 KiB | เปิดดู 937 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 06 มี.ค. 2024, 05:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"เครื่องเศร้าหมองของจิต"

" .. "กิเลสแปลว่า เครื่องเศร้าหมอง" ตรัสว่า "เป็นอาคันุกะ คือสิ่งที่จรมาอาศัย" เหมือนอย่างแขกคือผู้ที่มาหา "ไม่ใช่เจ้าของบ้านและที่เรียกว่าเครื่องเศร้าหมอง" ก็เพราะมาทำให้จิตใจที่ผุดผ่องอยู่โดยธรรมชาติต้องเศร้าหมอง "เหมือนอย่างผงธุลีที่ปลิวมาทำน้ำที่ใสสะอาดให้สกปรก"

เมื่อกิเลสไม่ใช่เป็นเจ้าของบ้าน "คือไม่ใช่ธาตุแท้หรือเนื้อแท้ของจิต เป็นเพียงสิ่งที่จรมาอาศัย" แม้จะอาศัยอยู่นานสักเท่าไร มาถือสิทธิครอบครองอย่างไร ก็คงไม่สามารถละลายธาตุแท้ของจิตได้ "ฉะนั้น จึงอาจขัดเกลาชำระจิตให้พ้นจากเครื่องเศร้าหมองทั้งปวงได้" .."

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (5).jpg
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (5).jpg [ 60.15 KiB | เปิดดู 911 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 07 มี.ค. 2024, 05:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

"สำคัญอยู่ที่จิตใจอันเดียว"

" .. "ความดีอย่างอื่นนั้น ก็เปรียบเหมือนยอดไม้กิ่งไม้ใบไม้ ต้นไม้ "ถ้าเราไม่ได้อบรมในทางจิตใจ เราก็จะได้รับความดี เสมอส่วนภายนอกเท่านั้น "หากภายในจิตเป็นของบริสุทธดี ภายนอกก็ย่อมดีไปตามกันหมด"

เช่น มือเราสะอาด เมื่อเราจับสิ่งใด ของเหล่านั้นก็ไม่เลอะ "แต่ถ้ามือเราสกปรก แม้จะไปจับผ้าที่สะอาด ผ้านั้นก็จะพลอยให้เสียไป ด้วยอำนาจแห่งความเปือนเปรอะของมือ" ฉะนั้น

"เมื่อจิตเศร้าหมองเสียอย่างเดียว มันเศร้าหมองไปหมดทั้งสิน แม้ทำความดี ศวามดีนั้นก็ยังเศร้าหมองอยู่ เพราะอำนาจสูงสุดในโลก" ที่จะดี จะชั่ว จะสุข จะทุกข์ทั้งมวล "มันสำคัญอยู่ที่จิตใจอันเดียวเท่านั้น" .. "

พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
ท่านพ่อลี ธัมมธโร3.jpg
ท่านพ่อลี ธัมมธโร3.jpg [ 65.87 KiB | เปิดดู 875 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 08 มี.ค. 2024, 05:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"จิตปรุงกิเลส กิเลสปรุงจิต"

" .. กระผมได้อ่านประวัติการปฏิบัติธรรมของ หลวงปู่เมื่อสมัยเดินธุดงค์ว่า หลวงปู่เข้าใจเรื่องจิตได้ดีว่า "จิตปรุงกิเลส หรือว่ากิเลสปรุงจิต" ข้อนี้ หมายความว่าอย่างไร ..

หลวงปู่อธิบายว่า ..

"จิตปรุงกิเลส" คือการที่จิตบังคับให้กาย วาจา ใจกระทำสิ่งภายนอก ให้มี ให้เป็น ให้ดี ให้เลว ให้เกิดวิบากได้แล้วยึดติดอยู่ว่า นั่นเป็นตัว นั่นเป็นตน ของเรา ของเขา

"ส่วนกิเลสปรุงจิต" คือการที่สิ่งภายนอก เข้ามาทำให้จิต เป็นไปตามอำนาจของมัน แล้วยึดว่ามีตัวมีตนอยู่ สำคัญผิดจากความเป็นจริง อยู่รํ่าไป ..

"หลวงปู่ฝากไว้"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (2).jpg
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (2).jpg [ 70.85 KiB | เปิดดู 828 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 09 มี.ค. 2024, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"นิพพาน ดับทุกข์ทางใจ"

".. "นิพพาน แปลว่าดับ ดับอะไร ดับทุกข์ ทุกข์ทางใจ" ทึนี้ในเมื่อจิตนี้ไปอาศัยอยู่ในที่ไหน สถานที่นั้นยังหวั่นไหวไปมาอยู่อย่างนี้ เนี้ย มันก็เป็นทุกข์แหละ "เหมือนอย่างจิตมาอาศัยอยู่ในอัตภาพร่างกายอันนี้ ในปัจจุบันเนี้ย ลองสังเกตดูซิ มันเป็นทุกข์ไหมนั่นแหละ "

คนที่ไม่ช่างสังเกตมันก็จะไม่รู้ "ไม่รู้ว่าตนเป็นทุกข์เดือดร้อนอะไร หรือว่าเป็นทุกข์เดือดร้อนก็ดิ้นรน" ไปเฉยๆ แหละ "ไม่ได้คิดเลยว่าเราเป็นทุกข์เพราะอะไร" ไม่ได้ทบทวนมาเลย ไม่ได้ทวนกระแสจิตเข้ามาในปัจจุบันนี้ "เป็นทุกข์ก็ทุกข์ทน ทรมานไปอย่างนั้นแหละ ไม่รู้จักทางออกจากทุกข์" คนไม่ทวน กระแสจิตเข้ามามันเป็นอย่างนั้น .. "

พระสุธรรมคณาจารย์
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (3).jpg
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (3).jpg [ 59.26 KiB | เปิดดู 811 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 10 มี.ค. 2024, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"กัลยาณมิตร"

" .. "บัณฑิต" บางทีท่านเรียกว่า "กัลยาณมิตร" คำว่ามิตร มาจากเมตตา "คนที่เป็นมิตรกันนั้นจะหวังดีปรารถนาดีต่อกัน" ชักชวนกันแต่ในทางที่ดีที่ชอบเป็นบุญกุศล "จึงเรียกว่ามิตร"

ในทางตรงกันข้ามก็เป็นมิตรเหมือนกัน แต่เรียกว่า "บาปมิตร มิตรชักชวนไปในทางชั่วเมื่อติดต่อสังคมกันไปนาน ๆ เข้าก็เป็นอันเดียวกัน" คบคนชนิดใดก็เป็นคนชนิดนั้น ๆ "คบบาปมิตรก็เป็นอันธพาล คบกัลยาณมิตร ก็เป็นบัณฑิต" .. "

"เทสรังสีอนุสรณ์"
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg [ 118.05 KiB | เปิดดู 803 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 11 มี.ค. 2024, 05:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"อย่าหมั่นขยันทำบาป"

" .. "เราอย่าหมั่นขยันแต่ทำบาป ให้ขยันแต่ทำดี ทำความบริสุทธิ์" ทำบุญทำกุศลนี้ ให้หมั่นทางนี้ "บาปด่ากัน บาปมันขึ้นมาหน้าแดง" เรานี้เฮ็ด (ทำ) บาป คือขยันแท้ ไปขยันใส่บาป

"ครั้นรู้จักว่าบาปก็บ่ขยันแล้ว" จึงว่าให้กลัวบาป "คำเถียงกันด่ากัน ทะเลาะวิวาทเบียดเบียนกัน เป็นบาป อย่าไปขันใส่มัน" ให้หลีกไปไกล ให้เอาใจเว้น "อย่าเอาใจใส่ ครั้นเว้นแล้วมันก็บ่มีความเดือดร้อน ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม เราบ่ว่าใส่เขาดอก เขาติฉินนินทาเขาก็ว่าใส่เขาเอง" ปากของเขาก็อยู่ที่เขา หูเขามันก็อยู่ที่เขา .. "

"อนาลโยวาทะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
โดย นพ. อวย – ม.ร.ว. ส่งศรี เกตุสิงห์


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1หลวงปู่ขาว (1).JPG
1หลวงปู่ขาว (1).JPG [ 119.13 KiB | เปิดดู 709 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 12 มี.ค. 2024, 05:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"มันเป็นเรื่องของจิต"

" .. การประพฤติปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนานี้ "มันเป็นเรื่องของจิต" ถึงแม้ไม่แสดงทางกาย ทางวาจา "เรื่องจิตมันก็เป็นส่วนจิต" ฉะนั้น เมื่อเห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมานานแล้ว พอสมควรแล้ว "บางทีท่านก็ปล่อยกายวาจาของท่าน แต่ท่านคุมจิตของท่าน" ท่านสำรวมอยู่แล้ว

ถ้าเราเห็นเช่นนั้น "เราก็ไปเอาอย่างท่านแล้วก็ปล่อย การปล่อยวาจา เราก็ปล่อยไปตามเรื่อง มันก็ไม่เหมือนกันเท่านั้น" มันคนละที่ อันนี้ให้พิจารณา "มันต่างกันเสียแล้ว" มันคนละที่เสียแล้ว

อันนั้น "เมื่อท่านนั่งอยู่ท่านก็ไม่มีความประมาท ท่านไม่วุ่นวายกับสิ่งทั้งหลาย" แต่ท่านก็อยู่ในสิ่งอันนั้น "อันนี้เราก็ไม่รู้จักท่าน สิ่งในใจมันไม่มีใครรู้จัก" เราจะไปดูตัวอย่างข้างนอกอย่างเดียวนั้นก็ไม่ได้ "เรื่องจิตนี้เป็นของสำคัญ" .. "

"๘๔ พระธรรมเทศนา"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1LPCha2.jpg
1LPCha2.jpg [ 116.58 KiB | เปิดดู 685 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 13 มี.ค. 2024, 05:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"ภาวนา คือสงบจิตสงบใจ"

" .. "คำว่าภาวนานี้ ได้แก่สงบจิตสงบใจ ไม่ให้ใจวุ่นวาย" คิดถึงบ้านเรือน คิดถึงลูกหลาน วุ่นวายไปภายนอก "ให้พากันระลึกถึงมรณภัย มรณกรรมฐานมันใกล้เข้ามาทุกวันทุกคืน" ไม่ใช่ว่าเราอยู่ที่เก่า

"สังขารธรรมทั้งหลาย รูปร่างกายของเราทุกคน มีความเจ็บไข้ได้ป่วย" มีความชำรุดทรุดโทรม เสื่อมไปสิ้นทุกวันคืน "แม้ผู้ที่ยังเด็กยังหนุ่ม ก็อย่าประมาทมัวเมาว่าข้าพเจ้าไม่แก่" การตายไม่เฉพาะแต่คนแก่

"บางคนคนหนุ่มนั้นตายก่อนคนแก่ก็มี" คนแก่ยังยืนยาวคราวไกลไปก็มี "ทุกคนจงระลึกถึงมรณภัยคือความตาย" ไม่มีทางหลบหลีก แม้หลบหลีกได้ว่า ในเวลาเราหนุ่มแน่น กำลังดีไม่ตาย "เมื่อถึงวัยแก่วัยชราก็ไม่มีทางหลบ" จำเป็นต้องแตกดับทำลาย .. "

"จิตพระอริยอยู่เหนือกิเลส"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
4หลวงปู่สิม-พุทฺธาจาโร1 (1).jpg
4หลวงปู่สิม-พุทฺธาจาโร1 (1).jpg [ 144.96 KiB | เปิดดู 678 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 14 มี.ค. 2024, 05:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"พระสัทธรรมที่บริสุทธิ์สะอาด"

" .. คือข้อที่ว่า "พระสัทธรรม เมื่อเข้าไปประดิษฐาน ในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอมไปนั้น" หมายความว่า "ไปปนเข้ากับอัธยาศัยอันไม่บริสุทธิ์ เมื่อแสดงออกแก่ผู้อื่น ก็มักมีอัธยาศัยอันไม่บริสุทธี์ปนออกมาด้วย"

เพื่อรักษาพระสัจธรรม "ให้บริสุทธิ์สะอาด คงความหมายเดิมอยู่ได้ ควรมีการปฎิบัติกำจัดของปลอม คืออุปกิเลสอ้นแทรกชึมอยู่ในอัธยาศัยนั้นให้หมดไป" ซึ่งเป็นความมุ่งหมายของท่านผู้แสดง "ที่จะชักจูงจิตใจ ของผู้ฬงให้นิยมในสัมมาปฏิบัติยิ่ง ๆ ขึ้นไป" ถ้าผู้ฟังมีใจสะอาดและเป้นธรรมแล้วย่อมจะให้สาธุการแก่ท่าน ผู้แสดงแน่แท้ .. "

"จากหนังสือ มุตโตทัย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"
สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
01_viriyang.jpg
01_viriyang.jpg [ 54.92 KiB | เปิดดู 665 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 15 มี.ค. 2024, 05:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"มืดมาแล้วสว่างไป"

" .. พวกที่มืดมาแล้วสว่างไปนั้นดี "บุคคลผู้แสวงหาประโยชน์ ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องแสวงหาทางพ้นทุกข์ แสวงหาความดี" เกิดขึ้นมาไม่มีใครจะเป็นนักปราชญ์มาตั้งแต่เกิด "จะเป็นผู้รู้ฉลาดเฉลียวมา ตั้งแต่ต้นไม่มีทั้งนั้น"

มันต้องอาศัย "การศึกษาเล่าเรียนการฝึกฝนอบรม เป็นสิบ ๆ ปี กว่าจะเป็นศาสตราจารย์" อาจารย์เขาได้ นั่นเรียกว่า "มืดมาแต่ต้นค่อยสว่างตอนปลาย อันนั้นดีมาก" ถ้าเป็นได้อย่างนั้น "บุญวาสนาบารมีมันต้องเป็นพื้นฐานของบุคคลสำหรับให้คนนำเพ็ญต่อไป" .. "

"เทสรังสีอนุสรณ์"
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
002.jpg
002.jpg [ 61.11 KiB | เปิดดู 650 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 16 มี.ค. 2024, 05:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "มิจฉาสมาธิ สัมมาสมาธิ" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)

.
"อย่าพากันประมาท"

" .. ตั้งใจนะ ตั้งใจทุกคน "สำรวมจิตใจของตนให้ดี กิเลสตัณหานี่เหมือนกับห้วงน้ำในมหาสมุทรทะเล" บุคคลผู้ใดไม่มีความพากเพียรพยายาม "มันก็เหมือนกับบุคคลตกลงไปสู่ห้วงทะเล มหาสมุทร แล้วไม่พยายามแหวกว่ายก็จมน้ำตาย" ฉันใดก็อย่างนั้นแล

กิเลส ราคะ โทสะ โมหะ "มันเหมือนกับน้ำที่ท่วมหัวใจของคนอยู่ ผู้ใดไม่พากเพียรพยายามแหวกว่ายกิเลสเหล่านั้นออกจากจิตใจ ผู้นั้นก็จมอยู่ในทุกข์" เหมือนอย่างบุคคลตกไปในทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล นั้นแหละ

"ย่อมไม่มีทางเอาตัวรอดได้ ผู้ใดชอบปล่อยใจของตนให้กิเลสเหล่านี้ครอบงำแล้ว ก็เอาตัวรอดจากทุกข์ไม่ได้" เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น "อย่าพากันประมาท" .. "

"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (2).jpg
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (2).jpg [ 56.14 KiB | เปิดดู 639 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/