ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

"การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=64642
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 02 ม.ค. 2024, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก"

" .. เรื่องชักบังสุกุลนี่แต่ก่อนมีนิทานอยู่ "ในพระสูตรท่านว่า มีนางสิริมา รูปสวยรูปงาม พระภิกษุทั้งหลายที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ พอเห็นนางสวยงามกระนั้นก็รักก็ใคร่ชอบใจยินดี จนไปบิณฑบาตไม่ได้" แน่ะ เพราะรักใคร่ชอบใจในรูปอันนั้น

อยู่มานางนั้นตายไป ดับขันธ์ลงไป "พระพุทธองค์ทรงออกอุบายให้คนไปนิมนต์พระเหล่านั้นมาพิจารณา" อย่างที่อธิบายมาแล้วนั่นแหละ "ภโวภวัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดนั้นไม่เที่ยงทั้งหมด" มีแต่น้ำเน่า น้ำเหลืองไหลยังงี้แหละ

"อิมัง กัมมัฏฐานัง ภเวติ" กรรมฐานต้องพิจารณาดู นี่ใครจะเอาบ้างล่ะรูปอย่างนี้ ไม่ต้องซื้อต้องหาก็ใครจะเอาล่ะ ให้เปล่า ๆ ก็เถอะ "พอพระเหล่านั้นไปเห็นแล้ว มีความสังเวชสลดใจ จิตของท่านก็สงบ ได้สำเร็จพระอรหันต์ทั้งหมด" แน่ะ เป็นยังงั้น

เพราะฉะนั้น "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" จึงได้นิมนต์พระไปบังสุกุล "ทีนี้พระรับนิมนต์ไปบังสุกุลกลับไปเพ่งเอาเงินเอาทองเขา มันก็ใช้ไม่ได้น่ะซิ ฮึ่ มันเป็นเสียยังงั้น" ท่านให้ปลงกรรมฐาน ให้พิจารณาเพื่อจะได้ผลานิสงส์มาก .. "

"พิจารณากาย พิจารณาใจ"
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
4พระอาจารย์ฝั้น__อาจาโร1 (3).jpg
4พระอาจารย์ฝั้น__อาจาโร1 (3).jpg [ 97.51 KiB | เปิดดู 5539 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 31 มี.ค. 2024, 05:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ยาววาหนาคืบ นี้แลตัวธรรม"

" .. หลวงปู่ถือว่าการปฏิบัติธรรมอย่างนี้ "ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ไหน ในเมื่อกายยาว ๑ วา หนา ๑ คืบนี้แลเป็นตัวธรรม" เป็นตัวโลก เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้

ซึ่งธรรมทั้งปวง "แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจเรานี้" หาได้ไปปฏิบัติที่อื่นไม่ "ดังนั้นไม่จำเป็นต้องหอบสังขารนี้ไปที่ไหน ถ้าตั้งใจจริงแล้วนั่งอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น" นอนอยูที่ไหน ยืนอยู่ที่ไหน เดินอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้นนั่นแล .. "

พระราชวุฒจารย์
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงป่ดูลย์ อตุโล (2).jpg
หลวงป่ดูลย์ อตุโล (2).jpg [ 117.61 KiB | เปิดดู 4113 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 01 เม.ย. 2024, 05:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"นักภาวนาที่แท้จริง"

" .. เฮ็ดจังใด๋มันสิสงบเฮ็ด
ลงไปแล้ว "ความสงบมันเป็น
ความสุข ขั่นบ่เห็นความสงบ
ซะก่อนล่ะ มันบ่เห็นธรรมดอก"


เข้าสงบ "บริกรรมพุทโธ ๆ ให้มัน
ถี่เข้า"
เรื่องอารมณ์ทางอื่นบ่มีดอก
คือมันสงบแล้วมันบ่คิดไป
ทางอื่น มีแต่เกิดทางธรรม

มันสิเกิดแสงสว่างขึ้นเด๊
จับหลักได้ "พ่อแม่ครูจารย์
เพิ่นเว่าให้ฟัง ออกบวชแล้วไป
ดูพุทธประวัติว่าได้ตรัสรู้เบิ้ด"


ว่าได้ตรัสรู้ "เกิดอยากภาวนาว่า
ภาวนาอันใด๋ เพิ่นบอกว่า พุทโธ"

เพิ่นว่าบริกรรมพุทโธ ๆ เข้า
จิตสงบเกิดแสงสว่างขึ้น

คล้ายกันกับว่า "คือแหมันตาก
ดึงจอมแหหดเข้า ๆ มันจับหลักได้"
.. "

"กุสลธโร" ผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด
(หลวงปู่ลี กุสลธโร)



:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
1หลวงปู่ลี (2).jpg
1หลวงปู่ลี (2).jpg [ 111.67 KiB | เปิดดู 4036 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 02 เม.ย. 2024, 05:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ให้รักษาใจดวงนี้แหละ"

" .. ขึ้นชื่อว่าจิตใจนี้ "ถ้าปล่อยให้เป็นทุกข์เดือดร้อนมาก ๆ เข้าแล้ว คิดไปทางอกุศล" ไม่เป็นหนทางแห่งความสุขเลย "อันบุคคลจะมีความสุขได้ ก็เพราะมารักษาใจดวงนี้แหละ" ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลอยู่ในธรรม

"ตั้งมั่นอยู่ในศีล ทางกาย ทางวาจา ก็ไม่ล่วงพุทธบัญญัติ อันนี้ก็เป็นความสุขขั้นหนึ่ง" บุคคลผูเม่มีบาปอยู่ในกาย อยู่ในวาจา อยู่ในใจแล้วก็มี ความสุขขั้นหนึ่งอยู่แล้ว แต่สุขขั้นนี้ก็ยังไม่พอ

"ต้องเจริญสมาธิสมถภาวนา เข้าไปเพ่งใจ ให้เข้าถึงความสงบ ให้นิวรณธรรมทั้งห้าระงับดับไป ใจรวมลงเป็นหนึ่ง" อันนี้ยิ่งมีความสุขมากกว่านั้นอีก "มีความสุขมากกว่ารักษาศีลนั้นอีก" .. "

"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
(หลวงปู๋เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
_224_844.jpg
_224_844.jpg [ 177.51 KiB | เปิดดู 3817 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 03 เม.ย. 2024, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"๑๕ วันแห่งกำไรชีวิตพรหมจรรย์"

" .. ให้เอาสติควบคุมจิต ดึงเข้ามาอยู่ที่หัวใจ ให้ว่า "พุทโธ ๆ จนจิตสงบ แล้วใช้ปัญญาพิจารณากายของตน" ตั้งแต่หนังที่หุ้มห่อร่างกายอยู่นี้ ให้จิตเห็นเป็นอสุภกรรมฐาน เป็นของสกปรกน่าเกลียด เมื่อตายแล้วไม่มีใครต้องการ "สังขารทั้งปวงตกอยู่ในไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยกันทั้งนั้น" .. "

โอวาทธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ที่นำกำไรแห่งชีวิตพรหมจรรย์มาสู่หลวงปู่จันทร์ศรี

หลวงปู่จันทร์ศรี เล่าถึงประวัติท่านต่อว่า ..

" .. หลวงปู่ได้หลักการปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺต มหาเถร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิปัสสนาธุระ เป็นพระบูรพาจารย์ของพระธุดงคกัมมัฏฐานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน

การที่ได้รับการศึกษา "อบรมจิตภาวนากับท่าน ๑๕ วัน" สามารถทำจิตของตนให้มั่นคงในการดำรงเพศสมณะ ตั้งแต่นั้นมาพยายามภาวนาตามแบบที่ท่านสอน คือ "เอาพุทโธ คำเดียวนั่นล่ะและก็พิจารณาอสุภกรรมฐานไปด้วย" ผลที่ได้รับคือจิตสงบ เยือกเย็น จากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่จะมากระทบทางตา หูจมูก ลิ้น กายและใจ ได้รับแสงสว่าง อันเกิดจากภาวนาตามสมควรแก่ฐานะ

"นับว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่งเกิดจากดวงจิตของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" ถึงกับท่านพูดกับหลวงปู่ว่า "มหาภาวนาเป็น ควรเลิกเรียนปริยัติ ออกปฏิบัติกัมมัฏฐานอีก จะได้พ้นทุกข์ ประสบแต่ความสุขกาย สุขใจ ไม่ต้อง เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก ดังนี้ เป็นต้น"

เป็นอันว่า ได้อุปัฏฐากใกล้ชิดกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร ชั่วระยะหนึ่งเป็นเวลา ๑๕ วัน ท่านจึงจากไป ในปีนั้นหลวงปู่ได้กำไรแห่งชีวิต ทำศาสนกิจอยู่ในเพศพรหมจรรย์ จนถึงปัจจุบัน .. "

"สุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม"
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป  (1).jpg
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป (1).jpg [ 49.14 KiB | เปิดดู 3806 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 04 เม.ย. 2024, 05:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"การภาวนา คือวิธีอ่านตัวเรา"

" .. "การภาวนา คือวิธีอ่านตัวเรา ให้รู้ความผิด ถูก ชั่ว ดี ได้อย่างถูกต้อง" ยิ่งกว่าผู้อื่นจะมาคอยชี้แจงความบกพร่อง ของเราให้เราทราบเสียอีก "ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีกำจัด หรือลดละความผิดของตัวที่เคยมีมาและปิดกั้นสิ่งไม่ดีทั้งหลาย มิให้เกิดขึ้นอีกต่อไปด้วย" ..

การไม่หัดอ่านตัวเองทำให้เกิดเรื่องยุ่งบ่อย ๆ

.. การภาวนานี้แล "เป็นวิธีการของผู้แสวงหาความสุข โดยถูกต้องอย่างแท้จริง" และเป็นวิธีที่ไม่หลอกลวงให้เกิด ความฟ้งเฟ้อเห่อเหิมไปในทางที่ผิด .. "

"ธรรมชาวบ้าน"
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3.jpg
3.jpg [ 99.84 KiB | เปิดดู 3754 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 05 เม.ย. 2024, 05:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"เจตนางดเว้นเป็นศีล"

" .. พระพุทธองค์ตรัสว่า "เจตนาความงดเว้นเป็นศีล เจตนานับว่าเป็นธรรมโดยแท้ เมื่อเจตนาคือธรรม งดเว้นซึ่งโทษนั้น ๆ แล้วกลายมาเป็นศีล" ศีลและธรรมจะแยกออกจากกันไม่ได้

"ผู้ชอบธรรม คือสมถะและวิปัสสนา เห็นว่าเป็นทางตรงต่อมรรคผลนิพพาน ศีลยังเป็นอาการภายนอก" แล้วสรรเอาแต่เฉพาะธรรมมาปฏิบัติ "เลยลืมนึกถึงการปฏิบัตินั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว"

"หรือผู้ชอบศีลเห็นว่า ธรรมเป็นของปฏิบัติยาก แล้วตั้งใจรักษาเอาแต่ศีลอย่างเดียว" เลยลืมคิดว่า "การมีเจตนางดเว้นจากโทษนั้น ๆ ก็คือธรรมนั่นเอง จิตที่แน่วแน่อยู่ในศีลนั้นเป็นสมาธิมิใช่หรือ"

พระพุทธเจ้าทรงวางธรรมเป็นอมตะไว้เป็นอย่างดีเลิศ ธรรมนั้น ๆ อันใคร ๆ ผู้ไม่หยั่งถึงธรรมของพระพุทธองค์ "ไม่ควรจะไปบัญญัติขึ้นมาใหม่ให้ถูกต้องตามกิเลสของตนเลย มันจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว" .. "

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
4หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg
4หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg [ 65.45 KiB | เปิดดู 3747 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 06 เม.ย. 2024, 05:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ฆราวาสที่ได้มรรคผล"

คำถาม : มีพระบางองค์ท่านพูดว่า "ฆราวาสที่ได้มรรคผลชั้นใดแล้ว จะไม่สามารถทำมรรคผลในชั้นต่อไปได้ จริงไหมครับ" (เป็นพระปฏิบัติด้วย) ผมเห็นว่าขาดเหตุผลอยู่นะ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรก็มีปริวัฏฏ์ 3 อยู่

คำตอบ : ข้อนี้ไม่จริง "พระโมคคัลลาน์สารีบุตรได้พระโสดาบันตอนเป็นฆราวาส" แล้วมาบวชกับพระบรมศาสดาก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ "แม้พระสุทโธทนะเมื่อยังไม่สิ้นลมปราณก็ถึงพระอนาคามีแล้ว แต่ใกล้จะสิ้นลมปราณฟังเทศน์ของพระพุทธองค์อีกก็สำเร็จพระอรหันต์พร้อมกับสิ้นลมปราณ" มีพระบางองค์คัดค้านในเรื่องนี้ "นั้นก็เพราะท่านเรียนน้อยปฏิบัติน้อย ก็ให้อภัยท่านไปซะ" .. "

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3unnamed.jpg
3unnamed.jpg [ 105.92 KiB | เปิดดู 3736 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 07 เม.ย. 2024, 05:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"เมตตาเป็นความสำคัญแก่ทุกจิตใจ"

" .. นึกถึงใจตนเอง แล้วก็นึกถึงใจคนอื่น "จะไม่แตกต่างกันในเรื่องนี้ แม้ว่าจะแตกต่างกันในเรื่องอื่น นั่นก็คือเครื่องรับรองว่าเมตตาเป็นความสำคัญแก่ทุกจิตใจ" ผู้ไม่เมตตายังชอบผู้มีเมตตา ดังนั้นเพื่อทำตนให้เป็นที่ชื่นชอบของใครทั้งหลาย ก็พึงอบรมเมตตาให้อย่างยิ่ง

ผู้มีเมตตา ... "สัตว์ก็รู้ พึงสังเกตได้เวลาผู้มีเมตตาไปที่ไหน หมาแมวก็จะไม่เป็นศัตรู ไม่ขู่ ไม่กัด แม้ว่าจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน" สัตว์ก็ตาม เด็กไร้เดียงสาก็ตาม เป็นที่ยอมรับว่ามีใจสะอาด ไม่มีอคติย้อมความรู้สึกให้ผิดไปจากความจริง .. "

"รสแห่งความเมตตา ชุ่มเย็นยิ่งนัก"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร


:b8: :b8: :b8:

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11913

ไฟล์แนป:
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (5).jpg
1สมเด็จพระงฆราชเจ้า (5).jpg [ 60.15 KiB | เปิดดู 3706 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 08 เม.ย. 2024, 05:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก"

" .. "การภาวนา ไม่ใช่เป็นของหนัก เหมือนแบกไม้หามเสา" เป็นของเบาที่สุด นึกภาวนาบทใดข้อใด ก็ให้เข้าถึงจิตถึงใจ "จนจิตใจผ่องใสสะอาดตั้งมั่นเที่ยงตรงคงที่อยู่ ภายในจิตใจของตน ใจก็สบาย" นั่งก็สบาย นอนก็สบาย ยืนไปมาที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ในตัวคนเรานี้ "เมื่อจิตใจสบาย กายก็พลอยสบายไปด้วย อะไร ๆ ทุกอย่างมันก็สบายไป มันแล้วแต่จิตใจ" .. "

(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร (12).jpg
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร (12).jpg [ 143.73 KiB | เปิดดู 3699 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 09 เม.ย. 2024, 05:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"มันมีอยู่ในปัจจุบันนี้"

" .. เราต้องมีสติสัมปชัญญะ "ควบคุมจิตใจนี้ให้มันตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้" เพราะว่าความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี มันไม่ได้มีอยู่ในอดีตอนาคต "มันมีอยู่ในปัจจุบันนี้" ลองสังเกตดู ถ้าไม่เชื่อนะ "เจ็บตรงโน้น ปวดตรงนี้มันก็เจ็บอยู่ในปัจจุบันนี้" ที่ล่วงมาแล้วมันก็แล้วไปแล้ว อนาคตก็ยังไม่ถึง ลองคิดดสิ เรื่องใด ๆ เรื่องสุฃ เรื่องทุกข์ เรื่องดีใจเสียใจ

ดังนั้น "เมื่อผู้ใคมาตั้งจิตแน่วแน่อยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว มันก็เป็นเหตุให้รู้เรื่องดี เรื่องชั่ว" เรื่องสุขเรื่องทุกข์ ตลอดถึงความจริงของชีวิตเป็นอยู่อย่างไรมันก็รู้ชัดตามเป็นจริงอย่างนั้น "ที่มันรู้ไม่ได้ก็เพราะว่าจิตมันไม่ได้ตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบัน"

ดังที่ กล่าวมาแล้วนั่นแหละ ขอให้เข้าใจกัน "บัดนี้เมื่อเราปฏิบัติธรรมแล้วก็ขอให้พากันฝึกจิตใจ ตัวเองให้มันแน่วแน่อยู่ในปัจจุบันให้ได้" เมื่อมันแน่วแน่อยู่ใน ปัจจุบันนี้ มันก็ไม่ลืมกายลืมจิต หมายความว่า "ตัวเองไม่ลืมตัวเอง มันก็มองเห็นว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนอะไรเลย" .. "

"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (3).jpg
3หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (3).jpg [ 59.26 KiB | เปิดดู 3589 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 10 เม.ย. 2024, 05:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"อยู่ที่ใจของพวกเรานี้เอง"

" .. คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ซึ่งเป็นศาสดเอกในโลก ได้เผยแผ่มาจนกระทั่งถึงพวกเราซึ่งเกิดสุดท้ายภายหลัง" ถึงแม้พระองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้วก็จริงอยู่

"แต่ธรรมะคำสั่งสอนของพระองค์นั้น ไม่ได้เสื่อมคลายหายไปไหน ยังตั้งอยู่กับพวกเราทุก ๆ คน คืออยู่ที่ใจของพวกเรานี้เอง" แต่ว่าพวกเรายังค้นไม่พบว่าของจริงมันเป็นอย่างไร .. "

"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป  (1).jpg
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป (1).jpg [ 49.14 KiB | เปิดดู 3559 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 11 เม.ย. 2024, 05:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"คุณค่าของพระพุทธศาสนา"

" .. คนพวกที่มาบวชในพุทธศาสนานั้นน่ะอย่างน้อยที่สุด "ก็ทรงไว้ซึ่งเพศสมณะ เป็นที่สำหรับให้พวกที่ยังไม่ได้บวช หรือพวกที่ยังไม่ได้คบค้าสมาคม ได้ เห็นผู้ปฏิบัติดีมีศีลธรรม" เป็นเครื่องวัดศวามดีของพวกชาวบ้านและญาติโยม "ถึงพระจะเลวสักเท่าใด ก็เรียกว่ายังพออดทนอยู่ได้ในพุทธศาสนา อย่างน้อยที่สุดศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ก็ย้งมี ถึงแม้จะไม่ครบ ๒๒๗"

แต่ฆราวาสพวกเราบางคน "ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย ศีล ๕ สักตัวเดียวก็ไม่เคยรักษา เห็นความ ผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพระภิกษุสามเณร ก็อย่าเพิ่งถือว่าเลวทั้งหมด การเหมาเอาว่า พระภิกษุเหมือนกันทั้งหมดก็ยังไม่ถูก"

พุทธศาสนาไม่ได้หมายเอาที่พระ "หมายเอาการปฏิบัติต่างหาก" พระนั้นอยู่ที่ บุคคล "แต่ศาสนาไม่ได้อยู่ที่บุคคล" ศาสนาเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า "ถ้าบุคคลปฏิบัติผิด ก็เป็นเรื่องบุคคลผิดไม่ใช่ศาสนาผิด ศาสนาก็ยังสอนตรงไปตรงมาอยู่ตามเดิม สอนให้ละชั่วทำดีอยู่ตามเดิม"

แต่คนไม่ปฏิบัติตาม "เมื่อเราปฏิบัติตามดำสอนไม่ได้จะหาว่าศาสนาไม่ดีไม่ได้" นี่ให้พิจารณา อย่างนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว "ใครจะทำผิดทำเลวทรามอย่างไรเป็นเรื่องศาสนาเสื่อมหมด" ยกให้ศาสนาไม่ดีทั้งนั้น

บางทีแม้แต่คนเข้าวัดเข้าวามาฟังเทศน์ ฟังธรรมรักษาศีลอบรมภาวนาทำกัมมัฏฐานแสดง กิริยาโกรธกริ้วขึ้นสักทีหนึ่ง "โอโฮ! กล่าวโทษศาสนานี้ไม่ดีเลย" เข้าวัดเข้าวาจนแก่จนเฒ่าแล้วยังละโลภ โมโทสันไม่ได้ พูดอย่างนี้มันก็ผิดไป อย่าพูดอย่างนั้น "นั่นเรื่องของบุคคล ศาสนาสอนให้ละ แต่บุคคลไม่ละ ไม่ทราบจะทำอย่างไร" ถ้าเข้าใจได้อย่างนี้ก็สบาย .. "

"ปกิณกะเทศนา"
พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg
2หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (2).jpg [ 118.05 KiB | เปิดดู 3482 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 12 เม.ย. 2024, 05:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ฝึกยากลำบากจริงหนอ ใจมนุษย์"

" .. ให้พวกท่านทั้งหลายเข้าใจว่า "การปฏิบัตินี้เป็นของยาก" ฝึกอะไรอย่างอื่น ๆ ทุกอย่างมันก็ไม่ยากมันก็สบาย "แต่ใจของมนุษย์ทั้งหลายนี้ ฝึกได้ยาก ฝึกได้ลำบาก"

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา "ท่านก็ฝึกจิตจิตนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อะไรทั้งหมดในรูปธรรมนามธรรมนี้มันรวมอยู่ที่จิต" เช่นว่า "ตาหูจมูกลิ้นกายเหล่านี้ ส่งไปให้จิตอันเดียวเป็นผู้บริหารการงาน" รับรู้รับฟังผิดชอบจากอายตนะทั้งหลายเหล่านั้น

ฉะนั้น "การอบรมจิตนี้จึงเป็นของสำคัญ" ถ้าใครอบรมจิตของตนให้สมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ปัญหาอะไรทุกอย่างมันก็หมดไป "ที่มันมีปัญหาอยู่ก็เพราะจิตของเรานี้เอง" .. "

"สัมมาปฏิปทา ปฏิบัติสม่ำเสมอ"
(หลวงปู่ชา สุภัทโท)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
LPCha1 (3).jpg
LPCha1 (3).jpg [ 125.23 KiB | เปิดดู 3448 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ธรรมโฆษ [ 13 เม.ย. 2024, 05:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "การพิจารณาศพมีผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)

.
"ศีลเป็นฐานของสมาธิ"

" .. เราทุกคนเกิดมา ก็มีความสุขบ้างทุกข์บ้างเป็นธรรมดาของสังขาร จะต้องเป็นไปตามกาลเวลา แม้เราปฏิบัติไม่ได้มาก "อย่างน้อยก็ให้ยึดศีล ๕ เป็นประจำใจ" เพราะศีลเป็นรากฐานของการที่จะทำสมาธิ "สมาธิจะตั้งมั่นได้ก็ต้องอาศัยศีล" .. "

"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
(หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)


:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป  (1).JPEG
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป (1).JPEG [ 71.7 KiB | เปิดดู 3396 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/