ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
"ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=64651 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 05 ม.ค. 2024, 05:28 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "ธรรมโอสถรักษาโรค" " .. "ท่านว่า (หลวงปู่ขาวฯ) เมื่อจิตรวมลงถึงฐานสมาธิเพราะอำนาจการพิจารณาแล้ว ไข้ได้หายไปแต่บัดนั้น ไม่กลับมาเป็นอีกเลย" จึงเป็นที่น่าประหลาดใจว่าเป็นไปได้อย่างไร "ข้อนี้สำหรับผู้เขียน (หลวงตามหาบัวฯ) เชื่อทั้งร้อยไม่คัดค้าน" เพราะเคยพิจารณาแบบเดียวกันนี้มาบ้างแล้วผลก็เป็นแบบเดียวกับที่ท่านพูดให้ฟังไม่มีผิดกันเลย จึงทำให้สนิทใจตลอดมาว่า "ธรรมโอสถสามารถรักษาโรคได้อย่างลึกลับและประจักษ์กับท่านผู้ปฏิบัติที่มีนิสัยในทางนี้" โดยมากพระธุดงคกรรมฐานท่านชอบพิจารณาเยียวยาธาตุขันธ์ของท่านเวลาเกิดโรคภัยไข้เจ็บอย่างเงียบ ๆ โดยลำพัง ไม่ค่อยระบายให้ใครฟังง่าย ๆ นอกจากวงปฏิบัติด้วยกัน และมีนิสัยคล้ายคลึงกัน ท่านจึงสนทนากันอย่างสนิทใจ "ที่ว่าท่านบำบัดโรคด้วยวิธีภาวนานั้น มิได้หมายความว่าบำบัดได้ทุกชนิดไป แม้ท่านเองก็ไม่แน่ใจว่าโรคชนิดใดบำบัดได้และโรคชนิดใดบำบัดไม่ได้" แต่ท่านไม่ประมาทในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน ถึงร่างกายจะตายไปเพราะโรคในกาย "แต่โรคในจิตคือกิเลสอาสวะต่าง ๆ ก็ต้องให้ตายไปด้วยอำนาจธรรมโอสถท่านบ้างเหมือนกัน" ฉะนั้น "การพิจารณาโรคต่าง ๆ ทั้งโรคในกายและโรคในใจ ท่านจึงมิได้ลดละทั้งสองทาง" โดยถือว่าเป็นกิจจำเป็นระหว่างขันธ์กับจิตจำต้องพิจารณาและรับผิดชอบกันจนวาระสุดท้าย .. " "อนาลโย ผู้ไม่มีความอาลัย" หลวงปู่ขาว อนาลโย
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 14 เม.ย. 2024, 05:21 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "ตายแล้วเกิด เพราะติดของเก่า" " .. มนุษย์วนเวียนเกิดแล้วตาย "ตายแล้วเกิด ติดของเก่า" กามาวจรสวรรค์ ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ มนุษย์ ๑ "ท่านพวกนี้ติดของเก่า" พระไตรปิฎก "มีกิน ๑ มีนอน ๑ สืบพันธุ์ ๑ แม้ปู่ย่าตายายของเราล้วนแต่ติดของเก่า" พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์ก็ดี "เมื่อท่านยังไม่ตรัสรู้ก็ติดของเก่า เพลิดเพลินของเก่า" ในรูป เสียง กลิ่น รสของเก่า ทั้งนี้ "ไม่มีฝั่งในมีแดน ไม่มีต้นไม่มีปลาย ย่อมปรากฏอยู่เช่นนั้น" ตื่นเต้นกับของเก่า ติดรสชาติของเก่า "ใช้มรรค ๘ ให้ถอนของเก่า ให้อิทธิบาท ๔ ตีลิ่มสะเทือนใหญ่ปัง ๆ ลิ่มเก่าถอนคืออวิชชา ลิ่มใหม่คือวิชชาเข้าแทน" ดังนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นท่านพูด "ใช้ตบะความเพียรอย่างยิ่งที่จะถอนได้" ต้องสร้างพระบารมีนมนานจึงจะถอนได้ "เพราะของเก่ามันบัดกรีกันได้ เนื้อเชื้อสายของกิเลสมาพอแล้ว" ย่อมเป็นอัศจรรย์ของโลกนั้นทีเดียว .. " "มุตโตทัย" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 15 เม.ย. 2024, 05:35 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
"มีเรื่องอัศจรรย์" " .. มีเรื่องอัศจรรย์ "ซึ่งบรรดาพระลูกศิษย์ชุดที่จำพรรษาอยู่ด้วยยังจำกันได้แม่นยำ อยู่เรื่องหนึ่ง" กล่าวคือ "เวลาพระอาจารย์ฝั้นมีกิจธุระต้อง เข้าไปในตัวเมืองหรือไปที่วัดป่าสุทธาวาสนั้น" หากคิดระยะทางดูแล้วจะเห็นได้ว่า "จะต้องเดินเท้าออกจากวัดไปเป็นระยะทาง ๑ กิโลเมตรเศษ" จึงจะถึงสี่แยกถนนใหญ่และจากสี่แยกไปจนถึงตัวเมืองสกลนคร "จะเป็นระยะทางอีกประมาณ ๖ กิโลเมตร" บางครั้งท่านจะนำพระภิกษุสามเณรออกเดินทาง ด้วยเท้าไปจนถึงตัวเมืองทีเดียว แต่ที่น่าอัศจรรย์ มีอยู่ว่า "บางครั้งเมื่อเตรียมตัวจะออกจากวัดเพื่อเดินทาง ก็ได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งกระหึ่มอยู่บนถนนใหญ่" ซึ่งแน่ใจได้ว่าเป็นรถโดยสารที่วิ่งจากอุดรฯ จะเข้าสู่ตัวเมืองสกลนคร "พอได้ยินเสียงรถ พระภิกษุที่จะร่วมเดินทางด้วยก็เรียนท่านว่า จะขอวิ่งออกไปก่อนเพื่อบอกให้รถหยุดรอตรงสี่แยก" แต่ท่านจะบอกว่า "ไม่ต้องหรอก วิ่งไปให้เหนื่อยเปล่า ๆ รถคันนั้นต้องหยุดรอเราแน่ ๆ จากนั้นท่านก็นำคณะออกเดินเท้าไปตามสบาย" พอถึงสี่แยกก็ "พบรถโดยสารจอดรออยู่แล้วจริง ๆ ปรากฏว่าเครื่องยนต์ดับ" คนขับสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด พระอาจารย์ฝั้น "ได้สอบถามดูแล้วท่านก็บอกแก่คนขับรถโดยสารว่า เอาละเครื่องดีแล้วรีบไปกันเถอะ อาตมาขอโดยสารไปในตัวเมืองด้วย" กล่าวจบท่านก็พาคณะก้าวขึ้นรถ "คนขับลองสตาร์ทดูใหม่ ก็ปรากฏว่าเครื่องติดดังกระหึ่มขึ้นจริง ๆ ผู้คนในรถจึงพากันเอ่ยปากว่าแปลกแท้" และต่างมองหน้ากันเองด้วยความไม่เข้าใจ .. " "ชีวประวัติและปฏิปทา" ของ .. หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 16 เม.ย. 2024, 05:28 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "กรรมเป็นสิ่งน่ากลัว" " .. เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว "ไปเยี่ยมพระรูปหนึ่งที่ต่างจังหวัด" มีญาติโยมติดตามไปด้วยหลายคน ไปถึงกุฏิพระรูปนั้นเมื่อพลบค่ำ เปิดไฟในกุฏิแล้ว เมื่อนั่งเรียบร้อย "ยังไม่ทันได้ทักทายปราศรัยกันอย่างใดห้องข้าง ๆ กันที่ประตูปิดอยู่ก็เปิดผางออกด้วยแรงผลัก" "มีหมาไม่เล็กนักตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องนั้น" อย่างเร่งร้อนและไม่ทันที่ใครจะรู้ตัว "เจ้าหมานั้นก็ปราดเข้าไปถึงญาติโยมผู้หนึ่งที่ติดตามไปด้วย พอถึงตัวญาติโยมผู้นั้น ก็ซุกหัวลงกับตัก" แล้วล้มตัวลงนอนนิ่ง อย่างเป็นที่น่าพิศวงนัก พระเจ้าของกุฏิที่จ้องมองอยู่อุทานออกมาด้วยเสียงประหลาดใจและอธิบายให้ได้ยินทั่วกันว่า "หมาตัวนั้นเป็นหมาดุมาก ท่านจึงขังไว้ในห้องเมื่อรู้ว่าจะมีผู้มาถึงกุฏิ" เมื่อมันดันประตูออกมานั้นท่านตกใจมาก "แล้วท่านก็ต้องประหลาดใจในอาการกิริยาที่เจ้าหมานั้นแสดงต่อญาติโยมผู้ไปเยือนที่มิได้เคยรู้จักกับท่านเจ้าของกุฏิมาก่อน" มิได้เคยไปที่กุฏินั้นมาก่อน "จึงไม่เคยรู้จักกับหมาตัวนั้นมาก่อนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นได้หรือไม่ ที่ครั้งหนึ่งในชาติหนึ่งคนกับหมาตัวนั้นจะเคยมีความเป็นมิตรสนิทสนมกัน" เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นมาถึงที่พัก ก็ตื่นเต้นดีใจไม่ยอมถูกกักขัง ลิงโลดไปทักทายปราศรัยในทันที บางทีจะเป็นจริงเช่นนี้ "ทั้งสองอาจจะเคยเป็นคน เป็นเพื่อนรักชอบกัน" "คนหนึ่งมาตายจากไป และด้วยอำนาจแห่งกรรมที่ต้องได้กระทำไว้แน่ ควรแก่การต้องเกิดเป็นหมา" ก็ต้องเป็นไปตามกรรม "ขณะที่คนหนึ่งยังเป็นคน อีกคนหนึ่งเป็นหมาไปเสียแล้ว" "กรรมน่ากลัวเช่นนี้ นี่มิใช่การขู่" แต่เป็นการพยายามคิดให้อาจเป็นจริงได้ นั่นก็คือ แม้เราไม่ระวังให้ดีที่สุด "วันหนึ่งเมื่อตายไปจากโลกนี้ อาจจะไปมีชีวิตใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน" เช่นเป็นหมาขี้เรื้อนตัวนั้นก็ได้ หรือถึงเป็นหมาแสนสวยอีกตัวหนึ่งก็ดี ก็ตาม ก็ยังหาใช่สิ่งควรยินดีพอใจไม่ มิใช่หรือ .. " "แสงส่องใจ" วันวิสาขบูชา ๒๕๔๓ สมเด็จพระสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 17 เม.ย. 2024, 05:27 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "เป็นผู้สำรวมในศีลนั้นเองแหละ" " .. "ธรรมดาผู้เป็นบัณฑิต ผู้มีปัญญา ผู้เปียมไปด้วยเมตตากรุณาก็ย่อมไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น" ย่อมสำรวมกายวาจาของตนด้วยดี "ไม่ให้ไปกระทบกระทั่งกับบุคคลอื่นและสัตว์อื่น" อย่างนี้ เมื่อพระองค์เจ้าทรงแสดงมาถึงบทนี้ "ก็แสดงว่าเป็นผู้สำรวมในศีลนั้นเองแหละ ความมุ่งหมายผู้ฟังก็ย่อมรู้โด้ ก็ย่อมมีศรัทธามั่นในศีลลงไป" พยายามรักษาเจตนาในใจของตนไว้เสมอว่า "ไม่ให้มีเจตนาคิดเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นเลย" เมื่อบุคคลได้มาบำเพ็ญทานการกคล "พร้อมด้วยการวิรัติละเว้นจากบาป โทษมลทินต่าง ๆ ดังกล่าวมานนเช่นนี้แล้ว" ก็ย่อมจะได้รับอานิสงส์ผล ทั้งในปัจจุบันและเบื้องหน้า "ในปัจจุบันนี้ก็เป็นผู้มากไปด้วยบริษัท บริวาร มิตร ญาติ สหาย ไม่มีใครแสดงตนเป็นศัตรูเลย" เพราะว่าเป็นผู้มีใจคอกว้างขวาง "ไม่ตระหนี่ในสมบัติข้าวของที่ได้มา แบ่งส้น ปันส่วนให้คนยากคนจนไป" เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีใครคิดอิจฉา เบียดเบียนเลย "ก็ย่อมอยู่ด้วยความเป็นผูไม่มีเวรไม่มีภัย อันนี้เป็นอานิสงส์ในปัจจุบัน" ซึ่งมองเห็นได้ชัด ๆ "เมื่อละโลกนี้ไปแล้วก็ย่อม บันเทิงในสวรรค์ ย่อมได้เสวยผลแห่งบุญกุศลที่ทำมาไว่ในชาตินี้" โดยไม่ต้องได้ทำไร่ไถนา ไม่ได้ทำการค้าขาย เหมือนอย่างมนุษย์โลกอันนี้ บุญกุศลหากเนรมิตสมบัติพ้สํสถานต่างๆ ให้ตามต้องการ .. " ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 18 เม.ย. 2024, 05:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "ศีลนำความสุข มาให้ตราบเท่าชรา" " .. คนผู้มีศีลดีแล้วย่อมใจเย็น จิตมันหยั่งเข้าไปถึงกัน "สัตว์เดรัจฉานก็ตาม สัตว์ใด ๆ ก็ตาม ได้เห็นแล้วมันหยั่งเข้าไปถึงกัน" เหมือนยังกับไฟฟ้าไปถึงจิตถึงใจกันแล้ว "แล้วจิตของเรามันเย็นแล้ว มันก็ไม่กลัว ถ้ามันเห็นพวกคฤหัสถ์พวกที่เขาจะฆ่ามันแล้ว มันไม่รอวิ่งเข้าป่าเข้าดงไปเลย" นี่แหละไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข "ศีลนำความสุข มาให้ตราบเท่าชรา" ศีลนำความสุขมาให้ตลอดชีวิต ศีลนำความสุข ไปให้ตลอดและมีสุคติเป็นที่ไป "สัเลนะ โภคสัมปทา ผู้จักมั่งคั่ง บริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่ยากไม่จน ก็เพราะเป็นผู้ที่รักษาศีลให้สมบูรณ์บริบูรณ์นี้แล" เป็นกรรมดีแท้ ให้คิดดู .. " "โอวาทธรรม ๒๖ ปี วันละสัขาร" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 19 เม.ย. 2024, 05:29 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "โปรดอย่าลืมทดแทนคุณ" ".. "คำกล่าวของพ่อแม่ เป็นคำคักดี้สิทธี้และบริสุทธึ๋อย่างยิ่ง" ควรทำความเคารพและนับถือเป็นหลักใจอย่าง สำคัญจนวันอวสาน "โปรดอย่าหลงลืมคุณและคำสั่งสอน" อบรมของท่านจะเป็นผู้เจริญทั้งปัจจุบันและอนาคต เวลาตกตาจน "คือเวลาถึงความจำเป็นจริง ๆ โปรดระลึกถึง พระคุณของท่าน" ที่เราทำความเอื้อเฟือต่อท่านมา "คุณนั้นจะดลบันดาลให้ผ่านอุปสรรคไปอย่างไม่น่าเชื่อ" .. " "ธรรมชาวบ้าน" หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 20 เม.ย. 2024, 05:09 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "สติไม่มี ปัญญาไม่เกิด" " .. "ในทางพุทธศาสนารวมลงแล้วถือเอาสติเป็นใหญ่" สติกับปัญญามัน มาด้วยกัน เพราะฉะนั้นทุกคนเมื่อฝึกฝนอบรมสมาธิ-ภาวนา อย่าลืม "สตินั้นตั้งให้มั่น สตินั้นให้พร้อมอยู่เสมอทุกขณะ เมื่อสติตั้งมั่นพร้อมอยู่เสมอแล้ว ตัวปัญญาเกิดจากสตินั้นแหละ" "ปัญญา คืออะไร คือ รู้ตัวเอง เห็นตัวเองอยู่ทุกขณะ" คิดดีคิดชั่ว คิดหยาบคิดละเอียดก็รู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ อันนั้นเป็นปัญญา "ปัญญาที่กว้างขวางไปสักเท่าไรก็ตาม ก็มารวมอยู่ที่สดิตัวนั้น ถ้าสติไม่มีเสียแล้ว ปัญญาก็จะไม่เกิด" สิ่งสารพัดทั้งปวงหมดที่มากระทบจิต เกิดความรู้สึกตัวเห็นตัวเองขึ้น นั้นตัวปัญญา "ถ้าไม่มีสติเสียแล้ว ถึงรู้สึกขึ้นก็ไม่รู้ไม่เห็นตัวเอง ไม่ทราบว่าอะไรต่ออะไรจะไม่รู้สึกตัว สติจึงเป็นหลักสำคัญ" .. " "สติ ปัญญา" พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 21 เม.ย. 2024, 05:28 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "กิเลสสงคราม" " .. เราจะเข้าสู่สงคราม "กิเลสสงคราม" คืออะไรเล่า "คือความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้" เวลาเราจะดับขันธ์ ให้ตั้งสติเพ่งตรงผู้รู้ เข้าถึงสมาธิ คือจิตตั้งมั่น มันก็ไม่หวั่นไหวในทุกขเวทนาทั้งหลาย "เวทนาก็สักแต่ว่าเวทนา สัญญาก็สักแต่ว่าสัญญา สังขารวิญญาณก็สักแต่ว่าเป็นสังขารวิญญาณ นึกถึงแต่ผู้รู้ รู้เท่าสังขาร รู้เท่าวิญญาณ" เรื่องมันเป็นยังงั้น .. " หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 22 เม.ย. 2024, 05:23 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
.. "ละชั่วเพื่อเราคนเดียว" " .. "ละชั่ว ไม่ได้ละเพื่อคนอื่น ละเพื่อตัวของเราคนเดียว" ความชั่วมีหลายด้านหลายทาง แต่มันก็อยู่ในตัวของเรานี่แหละ "เกิดจากตัวของเรา มีที่ตัวของเรา ปรากฏขึ้นที่ตัวของเรานี่เอง" เช่น "เราทำชั่วโดยการลักขโมย ฉ้อโกงหรือคิดอิจฉาริษยา" ประหัตประหารคนโน้น อยากฆ่าอยากตีคนนี้ นี่เป็นความชั่ว คนที่ไม่รู้จักความชั่ว "เมื่อได้ประหัตประหารคนอื่น สำคัญว่าเป็นของดี ถือว่าตนมีอำนาจอิทธิพลเหนือคนหรือเหนือสัตว์อื่น ๆ อันนี้เรียกว่าไม่รู้จักของดีของชั่ว" ผู้นั้นยากที่จะละความชั่วได้ เพราะเห็นของชั่วกลับเป็นของดี .. " "เพียรละความชั่ว" หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13603
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 23 เม.ย. 2024, 05:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) |
"ผู้มีใจตั้งมั่นแล้วเป็นอย่างนี้" " .. "ท่านผู้มีสมาชิจิตแล้ว จึงมักไม่ค่อยมีเรื่องยุ่งเยิงเท่าไร" ไม่ค่อยก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นก็ไม่เอา "ก่อความทุกข์ความโศก ให้แก่ตัวเองก็ไม่มี" เนื่องจากว่าผู้มีใจตั้งมั่นแล้วอย่างนี้ "มีเรื่องอะไร กระทบกระทั่งมา มันก็กำหนดเรื่องนั้นพิจารณาได้เห็นแจ้งประจักษ์ขึ้นมาได้ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็แปรปรวน แตกดับไป" ไม่มีอะไรเที่ยงยั่งยืนเลย "จะเป็นเรื่องดีเรื่องชั่วอะไร" ก็ตามแหละ "มันเกิดขึ้นแล้ว มันก็ด้บไป จึงไม่เป็นสิ่งควรยึดถือเอา" โดยเฉพาะเรื่องชั่ว "เรื่องที่จะทำให้ใจโลภ ใจโกรธ ใจหลงไปต่าง ๆ นานา อย่างนี้นะ มันล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรยึดถือไว้ทั้งนั้น" ถ้าขืนยึดถือไว้ มันก็ก่อให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ขึ้นมา "ก่อให้เกิดมานะทิฏฐิขึ้นในใจ" ก็ทำให้ใจหันไปในทางอกุศลแล้ว บัดนี้ วิตกไปในทางอกุศล "เมื่อใจมันน้อมไปทางอกุศล มันก็กายทำ ใช้ วาจาพูดไปในทางอกุศล นื่มันเป็นอย่างนี้" เรื่องมันความชั่วร้ายทั้งทลาย ที่แสดงออกไปทางกาย ทางวาจา "มันก็ออกไปจากจิตที่ไม่สงบนี้เอง ".. " พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) |
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 24 เม.ย. 2024, 05:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "กำหนดความตาย ทุกลมหายใจ" " .. พระพุทธองค์ท่านจึงให้ "กำหนดความตายนี้ให้ได้ทุกลมหายใจ" คือว่ามันใกล้เข้าไป หมดไปสิ้นไป ถ้าว่าถึงคนทั้งโลกแล้ว "เดี๋ยวนี้ก็มีคนตาย ตายนับไม่ได้ก็มี" ตายคนเดียวก็มี ตาย ๒ คน ๓ คน "ในขณะเดียวกัน หญิงก็ตายได้ ชายก็ตายได้ ไม่ใช่ตายแต่คนเฒ่าคนแก่" เด็ก ๆ ยังไม่รู้อะไร ก็ตายได้ "นี่แหละมรณกรรมฐาน" ผู้ภาวนานั้นไม่ต้องไปรู้อื่น "ไม่ต้องไปเรียนนอก ให้เรียนใน เรียนใน คือเรียนในกายวาจาจิตของตัวเอง" ดูพิจารณาอะไรมันตาย อะไรมันยัง อะไรจะตายก่อน อะไรมันตายนานแล้ว "กำหนดให้รู้ดูให้มันเห็นจิตใจ กิเลสมันจึงจะอยู่ยั้ง" ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็พาให้ดิ้นรน วุ่นวาย กระสับกระส่าย "ภาวนาไม่ลง ภาวนาไม่สงบ" มองไม่เห็น กำหนดไม่ได้ มืด ๔ ด้าน ๔ ทิศ มืด ๑๐ ทิศ "จะนึกภาวนาพุทโธก็ไม่ได้ นึกถึงความตาย ก็ไม่ได้ไม่เห็น๑" .. " "มรณกรรมฐาน" พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 25 เม.ย. 2024, 05:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
"สันโดษ ความมักน้อย " " .. หลวงปู่มั่นท่านสอนเรื่องปฏิบัตินั้น "ให้ตั้งสติสัมปชัญญะ ให้รวมเอาจิตใจเข้ามาเพ่งที่ตัวของตัวเอง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปฏิบัติประจำก็คือ "ฉันในบาตร ฉันหนเดียว ถือผ้าสามผืน คือผ้าสังฆาฏิ สบง จีวร นี้เป็นหลัก" พระสมัยนั้นถือสันโดษ คือความมักน้อย ไม่มักบริขารมาก .. " "๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน" หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 26 เม.ย. 2024, 05:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "หนีทุกข์ด้วยปัญญา" " .. "พระพุทธองค์ท่านให้หนีด้วยปัญญา เปรียบประหนึ่งว่าเรามีเสี้ยนหรือหนามน้อย ๆ ตำเท้าเราอยู่" เดินไปปวดบ้างหายปวดบ้างบางทีก็เดินไปสะดุดหัวตอเข้า ปวดขึ้นมาก็คลำดู คลำไปคลำมาไม่เห็นเลยขี้เกียจดูมัน ก็ปล่อยมันไป ต่อไปเดินไปถูกปุ่มอะไรขึ้นมาก็ปวดอีก มันเป็นอย่างนี้เรื่อยไป เพราะอะไรนะ "เพราะเสี้ยนหรือหนามนั้นมันยังอยู่ในเท้าเรา" ยังไม่ออก ความเจ็บปวดมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นเมื่อมันปวดมาก็คลำหามัน ไม่เห็นก็ปล่อยไป นาน ๆ เจ็บอีกก็คลำอีกอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ ทุกข์ที่เกิดขึ้นมา เราต้องกำหนดรู้มัน ไม่ต้องปล่อยมันไป เมื่อมันเจ็บปวดขึ้นมา "เออ หนามนี่มันยังอยู่นี่นะ"เมื่อความเจ็บปวดเกิดขึ้น "ความคิดที่ว่าจะเอาหนามออกจากเท้าเราก็มีพร้อมกันขึ้นมา" ถ้าเราไม่เอามันออก ความเจ็บปวดมันก็เกิดขึ้นเดี๋ยวก็เจ็บ เดี๋ยวก็เจ็บ อยู่อย่างนี้ "ความสนใจที่จะเอาหนามออกจากเท้าเรามันมีอยู่ตลอดเวลา ผลที่สุดวันหนึ่งต้องตั้งใจเอาหนามออกให้ได้ เพราะมันไม่สบาย อันนี้เรียกว่าการปรารภความเพียรของเราต้องเป็นอย่างนั้น" มันขัดตรงไหน มันไม่สบายตรงไหน ก็ต้องพิจารณาที่ตรงนั้น แก้ไขที่ตรงนั้น "แก้ไขหนามที่มันยอกเท้าเรานั่นแหละ" งัดมันออกเสีย .. " หลวงปู่ชา สุภัทโท
|
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 27 เม.ย. 2024, 05:14 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ธรรมโอสถรักษาโรค" (หลวงปู่ขาว อนาลโย) | ||
. "สมบัติอันมีค่า คือใจ" " .. "สมบัติทั้งโลกไม่มีสมบัติใดมีคุณค่าเท่าใจ" พระพุทธเจ้าประเสริฐก็ประเสริฐเพราะใจ ฝึกฝนดีสมบูรณ์เต็มที่แล้ว พระสาวกทั้งหลายก็ประเสริฐเพราะใจที่ฝึกฝนอบรมดีเต็มที่แล้ว แม้พระธรรมก็แสดงความประเสริฐแก่โลกได้ "เพราะใจสัมผัสธรรม ใจรู้ใจเห็นธรรม ใจเป็นภาชนะแห่งธรรม" ใจนำออกแสดงจากพระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลาย "ผู้ใดไม่มองข้ามใจ บำรุงรักษาใจด้วยธรรม" คือคุณความดีทั้งหลาย "คอยรักษาใจ กาย วาจา ให้คิดให้พูด ให้ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ปล่อยให้ความชั่วเข้าไปเผาผลาญใจ" ผู้นั้นย่อมอบอุ่นภายในใจ แม้ไม่มีเงินล้านก็ตาม "ผู้นั้นจะมีหลักมีเกณฑ์ มีฝั่งมีฝา ทั้งเวลาเป็นอยู่และเวลาตายไป สุคโต เป็นสมบัติของผู้นั้นไม่สงสัย" .. " หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |