ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

สามเณรราหุล
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46147
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 18 ส.ค. 2013, 08:17 ]
หัวข้อกระทู้:  สามเณรราหุล

:b8: :b8: :b8:

สามเณรราหุล ท่านเกิดในวรรณะกษัตริย์ ตระกูลศากยะ เป็นพระโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะกับพระนางยโสธรา เป็นหลานของพระเจ้าสุทโธทนะ เมืองกบิลพัสดุ์
เมื่อมีอายุได้ประมาณ ๗ ขวบ ได้ออกบวชเป็นสามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา โดยออกบวชหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงเมืองกบิลพัสดุ์ได้ ๗ วัน

วันนั้นท่านเข้าไปขอราชสมบัติจากพระพุทธเจ้าตามคำชี้แนะของพระมารดา ขณะที่พระพุทธองค์พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์จำนวนมากเสด็จออกบินฆบาตอยู่ในเมือง ราหุลกุมารติดตามไปจนถึงนิโครธารามสถานที่ประทับชั่วคราวอยู่นอกเมือง พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าท่านขอทรัพย์สมบัติที่เป็นโลกิยะจะต้องประสบกับความคับแค้นไม่มีสิ้นสุด จึงจะให้ท่านได้ทรัพย์สมบัติที่เป็นโลกุตตระที่เที่ยงแท้ยั่งยืนทำให้ประสบกับความสุข จึงมอบให้พระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ท่านด้วยวิธีแบบติสรณคมนูปสัมปทา

นับตั้งแต่วันที่บวช สามเณรราหุลเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาอย่างมาก จะลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ลงมากองทรายเต็มกำมือ แล้วตั้งจิตอธิฐานว่า "วันนี้ขอให้เราได้ฟังคำแนะนำสั่งสอนจากพระพุทธเจ้าและพระอุปัชฌาย์มากเท่าเมล็ดทรายในกำมือของเรานี้"

เมื่อท่านมีอายุได้ ๒๐ ปี ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพลางพิจารณาตามพลาง เมื่อจบพระธรรมเทศนาท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตผล

ท่านเป็นผู้ว่าง่ายอยู่ง่าย ไม่ถือตนเองเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระสงฆ์ ครั้งหนึ่งพระจากชนบทจำนวนหนึ่งมาพักที่วัดเชตวัน เนื่องจากพระวินัยห้ามภิกษุนอนในที่เดียวกันกับอนุปสัมบัน ท่านไม่มีที่นอนถึงกับไปหลบนอนในวัจกุฎี (ส้วม) ของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ไปพบเข้ากลางดึกจึงนำท่านกลับมาพักที่พระคันธกุฎีของพระองค์ และทรงลดหย่อนผ่อนปรนสิกขาบทข้อที่ว่า ห้ามภิกษุอยู่ในที่มุงบังเดียวกันกับอุนุปสัมบันเกินหนึ่งคืน ขยายเวลาออกไปเป็นสามคืน

ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้ให้โอวาทแก่สามเณรราหุลเกี่ยวกับโทษของการพูดเท็จ ทรงสอนโดยใช้สื่อเป็นขั้นเป็นตอน เหมาะแก่อุปนิสัยของเด็กเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงจับน้ำล้างพระบาทขึ้นแล้วเทน้ำลงหน่อยหนึ่งแล้วตรัสถามว่า
"ราหุลเห็นไหม น้ำที่เราเทลงหน่อยหนึ่งนี้" "เห็นพระเจ้าข้า" สามเณรราหุลกราบทูล

พระพุทธเจ้า "ราหุล คนที่พูดเท็จทั้ง ๆ ที่รู้ เทคุณความดีออกจากตนทีละนิด เหมือนเทน้ำออกจากขันนี้"
"ราหุล เห็นไหม น้ำเราเทออกหมดนี้" ตรัสถามอีก หลังจากทรงเทน้ำหมดขัน
"เห็นพระเจ้าข้า"
"ราหุล คนที่พูดเท็จทั้ง ๆ ที่รู้ ย่อมเทคุณความดีออกหมด เหมือนน้ำที่เราเทออกหมดนี้"
เสร็จแล้วทรงคว่ำขนลง ตรัสว่า "ราหุล เห็นไหมขันที่เราคว่ำลงนี้"
"เห็นพระเจ้าข้า"
"ราหุล คนที่พูดเท็จทั้งๆ ที่รู้ ย่อมคว่ำคุณธรรมออกหมด เหมือนขันคว่ำนี้" เสร็จแล้วทรงหงายขันเปล่าขึ้น แล้วตรัสถามว่า
"ราหุล เห็นไหม ขันเปล่าที่เราหงายขึ้นนี้ ไม่มีน้ำเหลือเลย"
"เห็นพระเจ้าข้า"
"ราหุล เห็นไหม ขนเปล่าที่เราหงายขึ้นนี้ไม่มีน้ำเหลือเลย"
"เห็นพระเจ้าข้า"
"ราหุล คนที่พูดเท็จทั้ง ๆ ที่รู้ ย่อมไม่มีคุณความดีเหลืออยู่เลย ดุจขันเปล่านี้"
สามเณรราหุลเป็นผู้กตัญญูรู้คุณยิ่ง ครั้งหนึ่งสามเณรทราบว่า พระมารดาที่ออกบวชเป็นนางภิกษุณีประชวรโรคลม จะสงบระงับได้ด้วยการเสวยน้ำมะม่วงผสมน้ำตาลกรวด จึงรับอาสาหามาถวาย เข้าไปแจ้งพระสารีบุตร รุ่งเช้าพระสารีบุตรเข้าเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศล โดยให้สามเณรรอที่โรงฉันแห่งหนึ่ง ก็ได้ตามความประสงค์โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากขอ วัตรปฏิบัติของท่านจึงควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน
พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะในทางด้านผู้คงแก่เรียนใฝ่ศึกษา

ที่มา : ชาดกและประวัติพุทธสาวก-พุทธสาวิกา โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม

smiley smiley smiley


ไฟล์แนป:
1214069813.jpg
1214069813.jpg [ 57.83 KiB | เปิดดู 2578 ครั้ง ]
rahun.jpg
rahun.jpg [ 17.76 KiB | เปิดดู 2578 ครั้ง ]

เจ้าของ:  Dearest [ 19 ส.ค. 2013, 10:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สามเณรราหุล

:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/