วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2022, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรี
พระเถรีผู้มีนัยน์ตาสวย
ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก

:b50: :b49: :b50:

ในกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ อันมีพระมหากษัตริย์พระนามว่า พิมพิสาร ครอบครอง พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐานมั่นคง หลังจากชฎิลสามพี่น้องผู้เคยเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของปวงชนชาวเมืองราชคฤห์ และพระเจ้าพิมพิสารได้สละลัทธิความเชื่อของตนมานับถือพระพุทธศาสนา

พระเจ้าพิมพิสารเองได้ถวายป่าไผ่อันร่มรื่นให้เป็นสถานที่พำนักของพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ วัดแห่งแรกจึงเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า “วัดพระเวฬุวัน”

จากนั้นไม่นาน หมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์หลวง ได้ถวายสวนมะม่วงให้เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์อีกแห่งหนึ่ง

พระพุทธองค์ ภิกษุสงฆ์ แม้บางคราวภิกษุณีสงฆ์ก็ไปพำนักในสวนมะม่วงของหมอชีวก อันมีนามเป็นที่รู้กันว่า “ชีวกกัมพวัน” เป็นครั้งคราว


ภิกษุณีสาวรูปหนึ่ง กำลังเดินทางมุ่งหน้าไป เพื่อพำนักในชีวกกัมพวันนั้น ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งขวางทางไว้ พลวงกล่าววาจาเกี้ยวพาราสี ชักชวนนางเพื่อความรื่นรมย์ทางกาม พูดให้ชัดก็คือชวนเสพเมถุนธรรมนั้นเอง

ภิกษุณีรูปนี้นามว่า สุภา ก่อนที่จะมาบวชนั้นเป็นบุตรสาวแห่งตระกูลพราหมณ์มหาศาลในเมืองราชคฤห์ เนื่องจากได้สั่งสมบุญญาบารมีมามากในอดีตชาติ พอนางเติบโตมา เป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก เป็นที่ปรารถนาของบุรุษทั่วไป แต่นางไม่มีจิตยินดีในกามารมณ์ มีความคิดน้อมไปในทางบรรพชาอยู่เสมอ ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจลาบิดามารดาออกบวชเป็นภิกษุณีในสำนักของพระมหาปชาบดีโคตมี

เมื่อบวชแล้วก็ขะมักเขม้นฝึกฝนอบรมตนด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับอนาคามี หมดความยินดีในกามารมณ์โดยสิ้นเชิง

วันหนึ่งนางเดินมุ่งหน้าไปยังชีวกกัมพวันเพื่อหาความสงบวิเวก ระหว่างทางพบบุรุษหนุ่มคนหนึ่งกั้นทางไม่ให้ไป พร้อมกล่าวเกี้ยวพาราสีเชิญชวนเพื่อความอภิรมย์ในกามารมณ์ดังกล่าวข้างต้น

ต่อไปนี้เป็นคำโต้ตอบระหว่างบุคคลทั้งสอง

เถรี : ฉันทำผิดอะไรหรือ จึงมาขวางทาง ท่านสุภาพบุรุษไม่ควรแตะต้องสตรีนักบวชผู้มีสิกขาบริสุทธิ์ ผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยราคะกิเลสเช่นเรา

บุรุษ : ท่านยังสาวยังสวย ท่านมาบวชทำไม จงเปลื้องผ้าย้อมน้ำฝาดมาหาความอภิรมย์กันในป่า อันมีดอกหญ้าบานสะพรั่งนี้เถิด ในป่าเต็มไปด้วยเนื้อร้ายปราศจากผู้คน น่ากลัว เราสองคนอยู่ร่วมกันในป่า จะมีความสุข เรามาครองเรือนด้วยกันเถิด ท่านจักได้อยู่ปราสาทหรูหรา มีคนคอยรับใช้ ได้นุ่งห่มผ้าสวยงาม ตกแต่งร่างกายด้วยพัสตราภรณ์อันวิจิตรงดงาม นอนบนที่นอนอันนุ่ม มีค่ามาก ปูลาดด้วยผ้าขนสัตว์ และฟูกอันปราศจากธุลี ประทับด้วยแก่นจันทร์อันหอมยิ่งนัก

ท่านยังอยู่ในวัยสาว อวัยวะที่ธรรมชาติให้มายังไม่ได้ใช้สอยให้คุ้มค่าเลย แก่ชรามาแล้วจะคร่ำคร่าหาประโยชน์มิได้

เถรี : “ร่างกายเต็มไปด้วยของปฏิกูลเน่าเหม็น อันแตกสลายไปเป็นธรรมดา ไยท่านเห็นว่ามันเป็นแก่นสาร ท่านมองเห็นส่วนไหนว่าน่าดูน่าชมอีกหรือ”

บุรุษ : “นางเอย นัยน์ตาของเจ้าดำงามเหมือนตาเนื้อทราย ดุจดังตากินรี เราเห็นนัยน์ตาของเจ้าแล้วหลงรักเจ้ายิ่งกว่าชีวิตก็มิปาน”

เถรี : “ท่านปรารถนาในตัวเราผู้เป็นธิดาของพระพุทธเจ้านับว่าคิดผิดเดินทางผิดแล้ว ไม่สมหวังดอก ดังปรารถนาดวงจันทร์มาเชยชม ท่านเลิกคิดเสียเถิด สตรีอื่นที่เขาอภิรมย์ยินดีในกามคุณมีอีกมาก ท่านไปโลมเล้าสตรีเหล่านั้นเถิด”

บุรุษ : “สตรีอื่นผู้มีนัยน์ตามงามดังเจ้าไม่มีอีกแล้ว นัยน์ตาเจ้ากลมโต น่ารัก แม้เราไปไหนไกลๆ ก็จักไม่นึกถึงสิ่งอื่นนอกจากนัยน์ตางามของเจ้า”

ทันใดนั้น สุภาภิกษุณีก็ควักดวงตาซ้ายออก เลือดสดๆ แดงฉาน ไหลออกจากเบ้าตา นางกล่าวพลางยื่นดวงตาให้บุรุษนั้น “ถ้าท่านปรารถนาดวงตาของข้า เชิญท่านรับเอาไปเถิด” บุรุษหนุ่มตกตะลึง คาดไม่ถึงว่า พระเถรีจะทำถึงขนาดนี้ ความกำหนัดยินดีที่มีหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความตื่นตระหนกงงงัน แล้วสำนึกในความผิดของตนที่ได้ล่วงเกินต่อนาง

จึงกราบแทบเท้าพระเถรี กล่าวขอขมา

สุภาเถรียกโทษให้บุรุษคนนั้น พร้อมเทศนาสั่งสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ แล้วเดินทางไปเฝ้าพระพุทธองค์ที่พระเชตวัน


ทันทีที่เห็นพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดวงตาข้างที่บอดกลับมองเห็นได้ดังปกติ เป็นที่น่าอัศจรรย์ พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของนาง ได้ตรัสพระธรรมเทศนาที่เหมาะแก่อุปนิสัยของนางและประทานกรรมฐานให้เธอได้เจริญ ไม่ช้าไม่นานเธอก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมปฏิสัมภิทา


:b8: :b8: :b8: คัดเนื้อหามาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


:b50: :b49: :b50:

:b44: วัดเวฬุวันมหาวิหาร (วัดพระเวฬุวัน)
วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=44846

:b44: ภิกษุณี ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46460


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2022, 21:56 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร