วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2019, 12:45 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


พระรูปนันทาเถรี ผู้บรรลุธรรมเพราะดูหนังชีวิต
:: ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก

:b45: :b47: :b45:

พระนางรูปนันทา ออกบวชเพราะเห็นว่าคนอื่นๆ เขาออกบวชกันหมดแล้ว ไม่ว่าพระมารดา พระเชษฐา กระทั่งเจ้าชายศากยวงศ์ทั้งหลาย มีเจ้าชายอนุรุทธะ เป็นต้น ก็ออกบวชกันหมด พระนางจึงมิได้บวชด้วยศรัทธาจริงๆ หากบวชเพราะ “ว้าเหว่” มากกว่า

เมื่อบวชแล้วก็มัวแต่หลงในรูปโฉมอันเลอลักษณ์ของตน ไม่สนใจปฏิบัติธรรม เหล่าภิกษุณีชวนไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็ทำเฉย

“เสด็จพี่ของเราเทศน์ตำหนิแต่ความสวยความงาม เรื่องอะไรเราจะไปฟัง”

พระรูปนันทาท่านคิดอย่างนี้ จึงไม่ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงทราบว่านางคิดอย่างไร แต่เมื่อ “อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า” (ยังไม่พร้อม) พระองค์ก็ไม่ทรงทำอะไร ทรงรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง

และแล้ววันเวลาก็มาถึง พระรูปนันทาเถรี ทนคะยั้นคะยอจากเพื่อนๆ ภิกษุณีไม่ไหว จึงเดินตามไปนั่งฟังเทศน์อยู่เบื้องหลังภิกษุณีอื่นๆ พระพุทธองค์ทรงเนรมิตภาพหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ปรากฏต่อหน้านาง ด้วยอิทธิฤทธิ์

ปรากฏว่าภิกษุณีรูปอื่นๆ มองไม่เห็น มีแต่พระรูปนันทาเถรีรูปเดียวเท่านั้น นางจ้องดูหญิงสาวคนนั้นเพลินเชียว พลางรำพันในใจว่า โอ หญิงสาวคนนี้สวยจังเลย สวยกว่าเราอีกแน่ะ

ขณะที่นางจ้องเพลินๆ อยู่นั้น พระพุทธองค์ก็ทรงบันดาลให้ภาพหญิงสาวคนนั้นเจริญเติบโตขึ้นเป็นสาวใหญ่ เป็นหญิงวัยกลางคน เป็นหญิงแก่หง่อม ผมหงอก ฟันหลุด ผิวหนังเหี่ยวย่น หลังโกง เดินต้องใช้ไม้เท้ายันกาย จนกระทั่งตายกลายเป็นศพเน่าเหม็น มีหมู่กิมิชาติไชชอน (หนอน) น่าสะอิดสะเอียนยิ่ง

นางเพ่งพิจารณาไปก็เข้าใจสภาวะความเป็นจริงของสรรพสิ่ง รำพึงว่า หญิงนี้เมื่อกี้นี้เองยังสาวสวย มาบัดนี้ได้ถึงแก่ความตาย ร่างกายถูกหมู่หนอนชอนไช น่าปฏิกูลยิ่ง ความตายเป็นสิ่งที่จะมาถึง ทุกคนที่เกิดมา แม้แต่เราก็จะตายในวันใดวันหนึ่ง

ขณะนั้นพระสุรเสียงของพระพุทธองค์ก็กังวาน ดังหนึ่งลอยมาจากที่ห่างไกล

“นันทา เธอจงดูร่างกายนี้ อันสกปรกเปื่อยเน่า ไหลแกข้างบน ไหลลงข้างล่าง บรรดาคนโง่เขลาพากันหลงใหลได้ปลื้มร่างกายเธอฉันใด ร่างกายหญิงนี้ก็ฉันนั้น ร่างกายหญิงนี้ฉันใด ร่างกายเธอก็ฉันนั้น เธอมองเห็นสิ่งทั้งหลายโดยความเป็นของว่างเปล่า ไร้แก่นสาร เธอก็จะไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายอีกต่อไป ละความพอใจยึดติดในภพได้แล้ว ก็จะเป็นผู้สงบเย็นอย่างแท้จริง”

ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ตรัส “สุญญตกรรมฐาน” สอนให้เธอพิจารณาถึงความว่าง ความไร้สาระแห่งอัตภาพร่างกาย โดยตรัสเป็นคาถาว่า

“ร่างกายนี้ ธรรม (ธาตุ) สร้างให้เป็นเมืองกระดูก ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต เป็นที่ตั้งแห่งชรา มรณะ มานะ (ความถือตัว) และมักขะ (ความดูหมิ่นกัน)”

จิตของพระนางรูปนันทาเถรี ดิ่งลงสู่สมาธิ บรรลุฌานระดับต่างๆ ใช้ฌานเป็นบาทฐานแห่งวิปัสสนา พิจารณาเห็นไตรลักษณ์ เกิดญาณ ความหยั่งรู้สภาวธรรมตามเป็นจริง จนกระทั่งบรรลุความสิ้นกิเลสโดยสิ้นเชิง

นับว่าพระรูปนันทาเถรีได้บรรลุพระอรหัตผล เพราะ “ดูหนัง” ที่พระพุทธองค์ฉายให้ดูแท้ๆ หนัง soundtrack เสียด้วยสิครับ ฉายที่โรงวัดเชตวันมหาวิหารนั้นแล


:b8: :b8: :b8: คัดมาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


:b45: :b47: :b45:

:b44: ภิกษุณี ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46460


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร