วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 13:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2012, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


• พระประธาน-พระคู่บ้านคู่เมือง •
จังหวัดพัทลุง

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2013, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2013, 22:27
โพสต์: 76

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระกริ่งศรีวิชัย
วัดถ้ำสุมะโน จังหวัดพัทลุง

รูปภาพ

พระนอนที่วัดถ้ำ
รูปภาพ

"วัดถ้ำสุมะโน" ได้ถูกค้นพบโดยพระอาจารย์เดช สุมโน เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ตรงกับวันอังคารขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ ขณะนั้นท่านมีอายุ ๓๖ ปี พรรษาที่ ๑๔ พื้นที่วัดถ้ำสุมะโนเป็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งอยู่ที่ ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง อยู่บนเส้นทางพัทลุง-ตรัง ห่างจากตัวจังหวัดพัทลุง ๒๕ ก.ม. มีเนื้อที่กว่า ๕๐๐ ไร่ ครอบคลุมภูเขาสองลูกร่มรื่นด้วยพืชพันธ์ตามธรรมชาติทัศนียภาพรอบวัดเป็นเทือกเขาบรรทัดสลับซับซ้อน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายนอกมีลำธารไหลผ่านตลอดทั้งปี นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันวัดถ้ำสุมะโนยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นของจังหวัดพัทลุงอีกด้วย

พระอาจารย์เดชเล่าว่า ก่อนหน้า
ที่จะพบถ้ำแห่งนี้ เมื่อท่านเรียนจบ
ปริยัติธรรมสมความมุ่งหมายแล้ว
ท่านได้ออกธุดงค์ปฏิบัติตนเจริญ
รอยตามแนวทางขององค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทั้งช่วง
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ พระ
อาจารย์เดช สุมโน ขณะที่ท่านได้
เจริญภาวนาภายในอุโบสถวัด
พระศรีรัตนศาสดาราม
(วัดพระแก้ว) ท่านได้ต้ังจิตอธิษ
ฐานขอให้พบถ้ำที่ถูกใจเพื่อให้
เป็นสถานที่ในการปฏิบัติธรรม
สร้างบารมีตามรอยขององค์สม
เด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาพถ้ำ
ก็ได้ปรากฎในนิมิตของท่าน
อย่างอัศจรรย์ด้วยเหตุนี้ท่านจึง
ได้ถือเอานิมิตนั้นออกธุดงค์เพื่อ
ค้นหาถ้ำตามสถานที่ต่างๆ
ทั้งทางภาคอีสาน ภาคเหนือ
ภาคกลาง แต่ก็ไม่พบ ต่อมาพระ
อาจารย์เดช สุมโน ได้เดินทาง
เข้ากรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อสอน
ปริยัติธรรมแก่ภิกษุสามเณร เพื่อตอบแทนคุณครูบาอาจารย์ เมื่อว่างจากกิจการวัดก็ออกธุดงค์เพื่อทำปณิธานของท่านให้เป็นจริง คือการค้นหาถ้ำที่ปรากฎในนิมิตกระทั้งปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ท่านได้ธุดงค์ไปจังหวัดนครพนม และตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์พระธาตุพนมขอให้พบถ้ำดังกล่าวที่เคยปรากฎในนิมิต หลังออกพรรษาท่านก็ธุดงค์ลงใต้มาเรื่อยๆ โดยจำพรรษาที่จังหวัดภูเก็ต และในปีต่อมาขณะที่ท่านจำพรรษาที่วัดถ้ำเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ท่านได้ปฏิบัติจนเกิดสภาวะธรรมขึ้นในใจว่า "การค้นหาถ้ำภายนอกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก สู้หาถ้ำภายในคือสติจะดีกว่า" และในคืนนั้นเองขณะนั่งสมาธิก็ปรากฎนิมิตมีเทวดามาบอกท่านว่าถ้ำที่ท่านค้นหานั้นอยู่ที่จังหวัดพัทลุงใกล้บริเวณเทือกเขาบรรทัดทางไปจังหวัดตรัง

ต่อมาต้นปี ๒๕๓๐ ท่านได้ธุดงค์มาทางภาคใต้จนถึงจังหวัดภูเก็ต เวลานั้นท่านได้ชักชวนชาวภูเก็ตที่เลื่อมใสในตัวท่านให้มาปฏิบัติธรรมมากขึ้นจนเป็นที่เคารพสักการะของลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง กระทั่งท่านมีดำริจะเดินทางไปจังหวัดพัทลุง เพื่อพิสูจน์ถ้ำตามที่เคยปรากฎในนิมิต และเพื่อทำตามมโนปณิธานให้สำเร็จเป็นจริง

วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ท่านเดินทางมาจังหวัดพัทลุงพร้อมคณะศรัทธาชาวภูเก็ตเป้าหมายคือบริเวณผืนป่าหมู่บ้านน้ำใต้บ่อ หมู่บ้านนาวง ใกล้ปริเวณทางขึ้นเทือกเขาบรรทัดไปจังหวัดตรัง ครั้งแรกที่ท่านพบกับชาวบ้านผู้คนก็เข้าใจว่าท่านมาหาเหล็กไหล จึงไม่มีใครให้ความร่วมมือ แต่ต่อมาเมื่อได้ทราบความประสงค์ที่แท้จริงของท่านจึงช่วยพาคณะของท่านไปค้นหาถ้ำในบริเวณภูเขาใกล้หมู่บ้านนั้น ก็ได้พบถ้ำหลายถ้ำที่มีอยู่แล้ว เช่นถ้ำน้ำลอด ถ้ำน้ำใต้บ่อ แต่ล้วนไม่ใช่ถ้ำที่ปรากฎในนิมิต พระอาจารย์เดช สุมโนและคณะจึงได้เดินทางต่อไปยังเขารูปช้าง อำเภอปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา โดยไม่คิดจะย้อนกลับมาจังหวัดพัทลุงอีก ในขณที่พักอยู่นั้นท่านได้เจริญจิตภาวนาก็ปรากฎนิมิตมีเทวดามาบอกอีกว่าให้กลับไปหาถ้ำที่เดิม และต้องไปเพียงรูปเดียว ดังนั้นเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ พระอาจารย์เดช สุมโน และคณะก็เดินทางย้อนกลับมาที่จังหวัดพัทลุงและพักที่ถ้ำน้ำใต้บ่อ วันรุ่งขึ้นท่านและชาวบ้านได้เดินตามร่องน้ำ เป้าหมายคือภูเขาในป่ารกทึบเบื้องหน้า ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสำรวจหาถ้ำที่ภูเขาลูกใหญ่อยู่นั้น ท่านก็ปลีกตัวมาสำรวจภูเขาลูกเล็กๆที่อยู่ใกล้กัน เมื่อท่านแหวกป่าเข้ามาถึง ก็พบโพรงหินเล็กๆมีดินกลบอยู่เกือบเต็ม เพียงพบเห็นครั้งแรกท่านก็ทราบได้ทันทีว่า นี่คือถ้ำที่ปรากฎในนิมิตเมื่อหลายปีก่อน ท่านจึงก้มลงเดินเข้าไปภายในมองไปรอบๆถ้ำด้วยความปลื้มปิติ พร้อมกับเปล่งวาจาตั้งสัจจะอธิษฐานว่า

"ข้าพเจ้าจะพัฒนาถ้ำแห่งนี้ให้เป็นที่รวมญาติสายโลหิตแห่งธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

เมื่อท่านจบคำอธิษฐานก็ได้ยินเสียง สาธุ สาธุ สาธุ ดังกึกก้องพร้อมกันทั่วบริเวณถ้ำ ชาวคณะและชาวบ้านเมื่อทราบว่าท่านพบถ้ำในนิมิตแล้วก็ต่างพากันดีใจเป็นการใหญ่ ชาวบ้านในพื้นที่บางคนกล่าวว่าบริเวณนี้เป็นภูเขาลูกเล็กมีโพรงหินพอเข้าไปได้เคยเห็นกันมานมนานแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถ้ำคิดว่าเป็นแค่โพรงหินเท่านั้น และคิดไม่ออกว่าพระอาจารย์เดช สุมโน จะพัฒนาให้เป็นถ้ำใหญ่ได้อย่างไร ต่อมาในวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ พระอาจารย์เดช สุมโน และคณะคุณณรงค์ นพดารา รวมทั้งพุทธศาสนิกชนชาวภูเก็ต ได้เริ่มพัฒนาถ้ำเป็นครั้งแรก ดินที่กลบอยู่ภายในถ้ำได้ถูกขุดขนออกมาเรื่อยๆ เผยให้เห็นความใหญ่โตสวยงามของถ้ำขึ้นเป็นลำดับ ลักษณะของถ้ำจึงอยู่ต่ำกว่าพื้นดินหลายเมตร มองข้างนอกจะไม่ค่อยเห็น แต่ถ้ายืนที่ปากถ้ำแล้วมองลงไปจะเห็นความอลังการของถ้ำซ่อนอยู่ พื้นของถ้ำปูด้วยอิฐซีเมนต์ทำให้ดูดซับน้ำเวลาฝนตกได้ดี ภายในถ้ำจุคนได้หลายร้อยคน โถงถ้ำแห่งนี้ถูกต้ังชื่อว่าปราสาทนพดารา ตามชื่อของโยมที่บริจาคในการพัฒนาถ้ำครั้งแรกเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าภาพ แต่คนส่วนมากก็รู้จักกันในนาม "ถ้ำสุมะโน" ตามฉายาของพระอาจารย์เดช และเรียกกันติดปากว่า"ถ้ำสุมะโน"เช่นเดียวกัน

ต่อมาผู้มีจิตศรัทธาได้รวบรวมปัจจัยซื้อที่ดินรอบภูเขาถวาย และได้รับการแต่งตั้งเป็น "วัดถ้ำสุมะโน" ตามฉายาของพระอาจารย์เดช สุมโน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก นำพาพุทธศาสนิกชนสร้างบารมีธรรมสมดังเจตนารมณ์ที่ท่านตั้งใจปรารถนาไว้แล้วทุกประการ

นับแต่นั้นเป็นต้นมาวัดถ้ำสุมะโนได้รับการพัฒนาขึ้นโดยลำดับไม่ว่าจะเป็นถ้ำต่างๆสถานที่เสนาสนะ กฏิที่พักพระสงฆ์ เพื่อให้เพียงพอแก่ผู้มาเยือนถ้ำแห่งนี้ ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุง ในแต่ละวันก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็มาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญต่างๆก็จะมีผู้คนมาเที่ยวชมสถานที่มากเป็นพิเศษ ผู้ที่มาวัดถ้ำสุมะโนจึงได้ทั้งมิติแห่งการท่องเที่ยว และมิติในด้านการปฏิบัติธรรม


ที่มา : http://www.wattumsumano.com/index.php?o ... &Itemid=28

.....................................................
".....มหาปุริสภาวสฺส ลกฺขณํ กรุณาสโห....."
".....อัชฌาศัยที่ทนไม่ได้เพราะกรุณาเป็นลักษณะของความเป็นมหาบุรุษ....."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร