วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 18:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


:b44: :b44:

เราบวชมานี่ให้พึงเข้าใจว่า
ไม่ใช่เราบวชตามประเพณีเฉยๆ
โดยเฉพาะบวชมาอยู่ในวัดป่าอย่างนี้นะ
มันไม่ใช่บวชตามประเพณีเฉยๆ นะ

เราบวชมาเพื่อฝึกตน
ฝึกตนให้เข้มแข็ง ให้ใจเข้มแข็ง
ไม่ให้มันลุอำนาจแก่ความอยาก
ความปรารถนาต่างๆ ในโลก
ให้มันทำความพอใจในบุญในกุศล
ในมรรคผลธรรมวิเศษนู่น
ยกจิตใจของตนให้สูงขึ้น
เอาละ...เราจะบำเพ็ญเอามรรคเอาผลให้ได้

ส่วนโลกียสุขนั้น
เราได้เสวยกันมาจนไม่รู้กี่ชาติกี่ภพมาแล้ว
แต่มันก็ไม่เห็นยั่งยืนอะไรเลย
ซ้ำยังเป็นเครื่องล่อหลอกจิตใจให้หลง
ทำความชั่วอยู่ในโลกอันนี้
เราระลึกชาติหนหลังไม่ได้เฉยๆ ดอก

ถ้าระลึกชาติหนหลังได้มันจะรู้ตัวเลยว่า
แต่ชาติหลังๆ ขึ้นไปนั้น บางชาติอาจจะได้ไปตกนรกอยู่นู่น
ก็ไม่รู้ว่านานแสนนานเท่าไรแหละกว่าจะพ้นจากนรกมาได้
แต่ว่าเมื่ออวิชชาตัณหามันหุ้มห่อ
แล้วมาเกิดชาตินี้มันก็ระลึกชาติหนหลังไม่ได้เลย
เพราะคนระลึกชาติหนหลังไม่ได้อย่างนี้
เลยเข้าใจว่าตนบริสุทธิ์เลย
นึกว่าตนไม่ได้มีมัวหมองอะไรมาแต่ก่อน

เพราะฉะนั้นมันถึงได้ลืมตัว
มันถึงไม่กลัวบาปกลัวอกุศลกรรมต่างๆ
ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้
ไม่กลัว...เพราะว่าเกิดมาชาตินี้ตนก็ดีอยู่นี่
ก็ไม่เห็นเป็นอะไร อย่างนี้นะ
มีกาย มีอวัยวะน้อยใหญ่ก็ครบถ้วนบริบูรณ์อยู่นี่
ไม่เห็นมีอะไรบกพร่อง

อันนี้นะให้พึงเข้าใจ คือว่า ความจริงน่ะ
ถ้าหากว่าตนทำบาปมาแต่ก่อน
ตนเสวยผลของบาปนั้นมาหมดแล้ว...เรื่องมันน่ะ
บัดนี้บังเอิญได้ทำบุญกุศลไว้

เมื่อเสวยผลของบาปหมดไปแล้วบัดนี้
บุญมีโอกาสให้ผลต่อ
ก็เลยได้เกิดมาเป็นคนนี้นะ
มีอวัยวะร่างกายสมบูรณ์ ไม่บกพร่อง อย่างนี้แสดงว่า
กรรมเวรที่ที่ได้ลุ่มหลงทำมาแต่ก่อนนั้นมันหมดอายุลง
ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น

ถ้าหากว่าเศษบาปไม่หมดแล้ว เกิดมาในชาตินี้
ก็จะมีอัตภาพร่างกายไม่สมบูรณ์อย่างนี้หรอก
ขี้กระจอกงอกง่อย วิบัติไปนานาประการ
ขาดไป ไม่ครบ หมายความว่าอย่างนั้น
เศษบาปมันติดตามมานะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2014, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้การที่เรามีอวัยวะร่างกายครบถ้วนอย่างนี้
แสดงว่าเศษบาปไม่มีเหลือแล้ว
มีแต่บุญมาแต่งร่างกายนี้ให้
ต้องให้นึกเข้ามาหาตัวเองอย่างนี้
เมื่อนึกเข้ามาอย่างนี้จะได้ภูมิใจว่า
เราได้อัตภาพร่างกายอันนี้มาสมบูรณ์แบบ
ด้วยอำนาจบุญตกแต่งให้

ทีนี้บุญตกแต่งให้นั้นน่ะ
มันก็ตกแต่งให้เฉพาะอยู่ในขอบเขตจำกัด
สำหรับยุคนี้สมัยนี้ก็ไม่นานเท่าไรนัก
คนละห้าสิบหกสิบปี
เจ็ดสิบปีแปดสิบปีเป็นอย่างมาก...ก็ไปแล้ว
หมดแล้วบุญเก่าที่ทำมานั้นน่ะ
นี่มันต้องคิดถึงตัวอย่างนี้

แล้วบัดนี้เมื่อเรารู้ตัวว่าร่างกายนี้บุญตกแต่งให้แล้ว
จะไม่ใช้กายอันนี้ทำความดีเข้าไป
ไม่ฝึกตน ไม่ทรมานตน ปล่อยให้กิเลสมันย่ำยีเอา
จนไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้
อย่างนี้มันก็เท่ากับว่า ทำลายตัวเองจากความเป็นมนุษย์
และต่อไปนี้มันก็ยากที่จะได้เป็นมนุษย์อีกนะ
ถ้าว่าตนหันลงไปทางชั่ว
อย่างนี้ล่ะ ต้องนึกถึงตัวเองอย่างนี้เสมอ

เราเป็นพระเป็นเจ้า
บุญกุศลส่งให้เราได้ไต่เต้าขึ้นมาสูงปานนี้แล้วนะ
เราต้องพยายามรักษาความดีของตน
ที่ทำมาแล้วให้มันคงอยู่
และก็พยายามทำความดี
เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ อีกไม่หยุดไม่หย่อน

พยายามชำระตนให้บริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ
อย่าไปคำนึงถึงสิ่งอื่น
ยิ่งไปกว่าความพากเพียรพยายามละกิเลสตัณหา
ให้มันน้อยเบาบางออกไปจากจิตใจ
อันนี้นับว่าเป็นกิจธุระอันสำคัญที่เราเป็นนักบวชนี้นะ
พึงเข้าใจ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2014, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนมันก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง
เขามันก็ต้องเกี่ยวกับการทำมาหาเลี้ยงชีพ
หาเลี้ยงครอบครัวตัวเรือน ต้องหาเงินหาทอง
อันนี้เราไม่มี เราไม่มีธุระอย่างนั้นเลย
เรามีโอกาสแต่เพียงว่าที่จะได้ทำความเพียร
กำจัดกิเลส บาปอธรรมให้เบาบางออกไปจากจิตใจของตน
นี่หน้าที่ของเรา

เพราะฉะนั้นจึงเตือนแล้วนะ
การไปทำงานภายนอกอย่างอื่นน่ะ
จนว่าทิ้งข้อปฏิบัติ ไม่มีความพากเพียรในจิตใจ
อย่างนี้ไม่สมควรเลย

บุญอันใดมันจะเท่ากับบุญ
ที่เราทำความเพียรละกิเลสตัณหานี้ไม่มี
ให้เข้าใจอย่างนั้น
ผู้ใดละกิเลสตัณหาได้ลงไป
อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปก็ได้บุญโขเลย...ได้บุญมาก
ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น

ทีนี้ถ้าผู้ใดสะสมกิเลส
ให้หนาแน่นขึ้นในจิตใจก็ตรงกันข้าม
มันก็ได้บาป มันเป็นอย่างนั้นนะ
บุญกับบาปนี่มันเป็นเหมือนฝ่ามือกับหลังมือนี่

ดังนั้นเรามีโอกาสที่จะได้ทำความเพียรละกิเลสได้เต็มที่แล้ว
กับการที่เราได้บวชเข้ามานี่...ต้องคิดให้ดี
เราไม่ได้ทำไร่ไถนา ไม่ได้ทำการค้าขายอะไรเลย
ชีวิตของเราก็ฝากไว้กับชาวบ้าน
นั่นล่ะ...ชาวบ้านเขาก็ยินดีสนับสนุนเต็มที่
อย่างที่เรารู้เราเห็นกันอยู่นี่แหละ

เมื่อเราเห็นชาวบ้านมาสนับสนุนอย่างนี้
มันก็ควรจะตื่นตัวกันน่ะ
พวกเราเป็นนักบวช...
โอ้ เขามองเราว่าเราเป็นผู้ที่มีกิเลสน้อยเบาบางนะ
เขาจึงได้มาสนับสนุนนะ

ถ้าเขารู้ว่าเรานั้นมีกิเลสหนาแน่นอยู่เต็มตัวแล้ว
จ้างเขาก็ไม่มาสนับสนุนเลย นี่ต้องเข้าใจอย่างนั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่ชาวบ้านมาสนับสนุนนี่
ก็เท่ากับว่า เขามาเตือนเราให้เราทำความเพียรนะ
ให้ละกิเลสให้มันเบาบางออกไปจากจิตใจนี่
นี่เป็นอย่างนั้น

อย่าไปเข้าใจว่า...อย่าไปเข้าใจเป็นอย่างอื่น
อย่าไปเข้าใจว่า เขานำไทยทานอะไรต่ออะไรมาถวาย
โอ้...เรารวยแล้ว ดีอกดีใจ...อย่างนี้ไม่ถูกเลย
ต้องตื่นตัว...ต้องตื่นตัวเตือนตน
นี่ถ้าเราประมาทนะ เราไม่ทำความเพียร
เราเพลิดเพลินนะ...เราเป็นหนี้บุญคุณเขานะ

อย่าไปเข้าใจว่า เขาเอาปัจจัยเครื่องอาศัยต่างๆ มาถวายแล้ว
เราจะได้บริโภคสบายๆ ไปเลย
ไม่ควรจะเข้าใจอย่างนั้น เราเป็นหนี้บุญคุณเขาแหละ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2014, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนอย่างมารดาบิดาเลี้ยงลูก
ให้นม ให้อาหารแก่ลูก
บัดนี้ลูกนั่นก็เป็นหนี้บุญคุณมารดาบิดา
เพราะฉะนั้นลูก เมื่อเจริญวัยใหญ่โตมา
จึงต้องหวนระลึกถึงคุณของมารดาบิดา
แล้วคิดตอบแทนบุญคุณของท่าน
มันจึงไม่เป็นหนี้บุญคุณท่านสืบต่อไปในชาติต่อๆ ไปนู้น

อันนี้เหมือนกันเราเป็นนักบวช
เราก็เป็นหนี้บุญคุณญาติโยมชาวบ้านเขา
ค่าที่เขาได้ขวนขวายแสวงหาปัจจัยสี่
ได้มาแล้วเขาก็มาแบ่งให้ทางวัดบ้าง
ไว้บริโภคใช้สอยในครอบครัวเขาบ้าง
ดูสิ...เขาเจียดเอามาบำรุงวัดเนี่ย
ถ้าไม่เลื่อมใส ไม่นับถือจริงใจแล้ว เขาไม่ทำเลย

เพราะว่าเงินทองข้าวของมันหาได้แสนยากแสนลำบาก
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเจียดเอามา
ทำนุบำรุงวัดวาศาสนา พระเจ้าพระสงฆ์สามเณรนะ...คิดดู
นี่ล่ะ เมื่อเราคิดมาถึงตอนนี้ได้
เราจะได้ตื่นตัวกัน ไม่ประมาท
จะเป็นผู้สำรวมระวังตนในพระธรรมวินัยด้วยดี
ไม่ล่วงเกินและก็พยายามชำระกิเลสตัณหา
ให้เบาบางลงไปจากจิตใจของตน

นี่ถ้าหากว่าเราพิจารณาเป็นนะ
ญาติโยมที่เขามาสนับสนุนอุปถัมภ์บำรุงนี้
ก็จะไม่มีโทษแก่เราผู้รับทานชาวบ้านเขา
เรียกว่า เรารับทานแบบที่ว่า "มีสติ"
ไม่หลงลาภสักการะ ไม่ลืมตัว
นี่มีอุบายเตือนตนให้ประกอบความเพียรละกิเลสตัณหา
ให้น้อยเบาบางไปจากจิตใจ
ก็ขอให้พากันเข้าใจตามนี้

เมื่อเข้าใจได้อย่างนี้แล้วก็นับว่า
จะเป็นผู้เจริญในพรหมจรรย์นี้ได้ต่อไป


:b44: :b44:

ที่มา : จากบันทึกเสียงพระธรรมเทศนา
http://youtu.be/-t0wC_aQ_rU


:b47: :b47:

รวมคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2015, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร