วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2013, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

รูปภาพ
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


ท่านหล้า พระหายาก

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๐
ณ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี


พระเณรก็เยอะ ส่วนประชาชนนั้นมากจริงๆ เต็มหมดเลยภูเขาลูกนั้น ประชุมเกี่ยวกับจะก่อเจดีย์ของท่านหล้าขึ้นที่นั่น เพื่อให้ชาวพุทธเราได้กราบไหว้บูชาพระที่หายาก พระองค์นี้เป็นพระหายากองค์หนึ่ง ไปหาเพชรหาพลอยหาที่ไหนกำมาเต็มมือ แต่หาพระดีหาซิ หาแทบเป็นแทบตายก็ไม่ได้นะ หาเพชรหาพลอยนี้ไม่ได้หายาก หาตามข้อมือคนตามคอคน กำมาหมดทั้งคอก็ได้ไม่ยาก แต่หาพระดีนี้หายากนะ นี่ก็พระองค์นี้ก็ประเภทหายากองค์หนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงยินดีด้วยที่จะก่อเจดีย์ขึ้นเป็นที่สักการบูชา ตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ผู้ที่จะควรก่อเจดีย์เป็นปูชนียบุคคลขึ้นมา หรือปูชนียสถาน ก็ได้แก่ พระพุทธเจ้า ๑ พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ พระอรหันต์ ๑ พระเจ้าจักรพรรดิ ๑...๔ พระองค์นี้ควรอย่างยิ่งที่จะก่อเจดีย์ไว้ตามที่ชุมนุมชน ไม่ใช่ก่อสุ่มสี่สุ่มห้า ก่อเจดีย์ต้องมีหลักมีเกณฑ์ นี่ก็เห็นสมควรจะทำ เราก็อนุโมทนาด้วยแล้วไปด้วย เมื่อวานนี้ไป

องค์นี้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นเรา ตั้งแต่ญัตติแล้วก็ไปอยู่หนองผือ จากนั้นมาพอหลวงปู่มั่นมรณภาพจากไปแล้วก็มาเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว จนกระทั่งเราแยกจากห้วยทราย อำเภอคำชะอี ไปจำพรรษาที่จันทบุรี ท่านก็เลยอยู่ที่นั่นประจำเรื่อยมาจนกระทั่งสิ้นชีวิต

:b50: :b49: :b50: ถูปารหบุคคล ๔ ประเภท
บุคคลผู้ควรแก่การสร้างสถูปเจดีย์ไว้บูชา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=43001


ข้าศึกศัตรูต่อกรรมฐาน

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี


ท่านหล้า ภูจ้อก้อ ก็อยู่หนองผือด้วยกัน นี่เราเป็นคนแนะนำ เพราะท่านชอบข้อวัตรปฏิบัติต่อครูบาอาจารย์ เราก็แนะนำให้รู้จักวิธีปฏิบัติท่านด้วยวิธีการใดอะไร เราเป็นคนแนะนำให้ทั้งนั้น พอหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้วท่านก็เลยไปอยู่ด้วยที่ห้วยทราย ทีนี้พอเราเอาโยมแม่มาบวช ท่านก็เลยอยู่ที่นู่น ออกจากนี้เราก็ไป ท่านเลยอยู่ที่นั่นแล้วเสียที่นั่น เหล่านี้มีแต่อยู่ด้วยกันนานๆ ทั้งนั้น ที่นานมากก็ท่านบุญมี อันดับต่อมาก็ ท่านลี ท่านเพียร ท่านสิงห์ทอง พวกนี้เป็นเนื้อหนังของวัดป่าบ้านตาดทั้งนั้น มาอยู่นี้นาน

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2013, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ท่านหล้าอาศัยเวลาที่จะผ่านเท่านั้น

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อเช้าวันที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ณ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี


ท่านหล้าก็เสียที่ภูจ้อก้อ อันนั้นเราไปดูอยู่นี่ ท่านอาจารย์หล้า ที่ภูจ้อก้อ พอจวนตัวเข้ามาเราก็ไปดู เราสั่งเสียทุกอย่าง สั่งพยาบาลด้วย พยาบาลมาคอยดูแลอยู่นั่น เราสั่งเสียให้ปฏิบัติเพียงพอเหมาะสมเท่านั้น ไม่ให้เลย คือตามธรรมดาเมื่อเอาเข้าโรงพยาบาลแล้ว หมอต้องทำหน้าที่ของหมอเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราก็เป็นแต่เพียงขอนซุง จะเป็นใหญ่ในตัวเองไม่ได้ ถ้าลงได้เข้าโรงพยาบาลแล้วเป็นหน้าที่ของหมอพยาบาล จะต้องดูแลเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทีนี้ คนไข้ร้อยทั้งร้อยก็เป็นไปตามหมอหมด ถ้าจะแยกออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็ ๑ % หรือ ๒ % จะแยกออกมาเป็นตัวของตัว ทางฝ่ายธรรมะ คือท่านผู้ที่มีจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิตล้วนๆ แล้วนั้น ไปเพียงอาศัยเวลาที่จะผ่านเท่านั้น ท่านไม่ได้อาศัยว่าหวังพึ่งอะไร เพราะท่านพอทุกอย่างแล้ว ท่านจะไม่มีอะไรพึ่ง แย็บออกมาก็ไม่มี จึงว่าพยุง แต่ไม่ให้ขัดข้องจากการพยุง กลายเป็นอุปสรรคไป พยุงไว้พอเวล่ำเวลาที่จิตใจของคนมีจำนวนมากที่จ่ออยู่กับท่าน รอให้พอเหมาะพอแล้วดีก็ผ่าน

ถ้าพูดให้เต็มยศ คือพระอรหันต์ตาย ว่างั้นเลย ท่านจะไม่ถามใครทั้งหมด ท่านพออยู่ในท่านหมดเลยทุกอย่าง



นิพพานไม่ใช่ผู้รู้

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
ณ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี


กิเลสนี้คือตัวสร้างทุกข์ กิเลสละเอียดสร้างทุกข์ละเอียด พอกิเลสทุกประเภทดับโดยสิ้นเชิง ทุกข์ไม่มีเลย เพราะกิเลสเป็นตัวสร้างทุกข์ ทุกข์ไม่มีเลยในหัวใจของผู้สิ้นกิเลสแล้วตั้งแต่บัดนั้น ไม่มีตลอดไป ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง มีแต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน อันนี้เหมือนโลกทั่วๆ ไป เป็นแต่เพียงว่าโลกไปตามภาษีภาษาของโลก ไม่มีสติปัญญาธรรมเครื่องรักษา แต่เรื่องธรรมอันนั้นเป็นความบริสุทธิ์แล้วเป็นหลักธรรมชาติของตัวเอง ถึงธาตุขันธ์จะมีอะไรเป็นอะไรก็รู้ตามเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ แต่ไม่เคยหวั่น ไม่ได้ระวัง เป็นหลักธรรมชาติของใครของเรา

ส่วนธาตุขันธ์มียังไงก็เป็นไปอย่างนั้นละ เผ็ดก็รู้ว่าเผ็ด เค็มรู้ว่าเค็ม ชอบก็รู้ว่าชอบ ความรู้นี้เป็นความรู้ประจำขันธ์ ท่านทั้งหลายฟังเสียคำดังว่านี่ มีใครเคยพูดไหม ความรู้ประจำขันธ์มี ความรู้ที่เป็นธรรมชาติสมมุติแล้ว จะบอกว่ารู้ก็ไม่ถูก ดังที่ท่านหล้าเขียนไว้ในภูจ้อก้อ นิพพานไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ขึ้นอีกไม่มีประมาณ ตรงเป๋งเลยเทียวท่านเขียนไว้นั้น เอ้อนี่น่ะ นั่นเห็นไหม มันยอมรับกันทันที คืออันนั้นพูดไม่ได้เลย นิพพานไม่ใช่ผู้รู้ นิพพานตั้งเป็นสมมุติขึ้นมา ความรู้ที่เด่นอยู่ในวงขันธ์อันนี้เป็นความรู้กระแสแห่งความบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยว รักษาอยู่ภายในขันธ์ เพราะฉะนั้นความรู้ที่ประจำขันธ์มันมีอยู่กับขันธ์นี้ถูกต้องนะ ชอบอันนั้น ไม่ชอบอันนี้ เพราะขันธ์นี้มันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มันหากเป็นของมัน บ่งบอก เช่น มองดูอาหารเอ้ออันนี้ดี มันรู้สึกยิบแย็บ เป็นเรื่องของขันธ์ทั้งนั้นละ ธรรมชาตินั้นไม่มี เพียงแต่รับทราบว่าอันนี้มันชอบ อันนี้มันไม่ชอบเท่านั้นละ มีอยู่แค่นั้นนะไม่เลยนั้น ให้หนักกว่านั้นไปไม่มี อยู่ในวงขันธ์ นี่เรียกว่าความรู้ในวงขันธ์เป็นอย่างนั้น ท่านก็ปฏิบัติต่อกันไปอย่างนั้นละ อันนั้นดี อันนี้ไม่ดี โลกเขาว่าไงก็ว่าได้เหมือนโลกเขา เป็นแต่เพียงว่าธรรมชาติอันหนึ่งมันไม่ใช่อันนี้ นี่ละจิตเวลาเรียนเข้าไปถึงมันจริงๆ แล้ว ยังพูดไม่ได้ก็มี ดังที่ท่านหล้าท่านว่า นิพพานไม่ใช่ผู้รู้ เหนือผู้รู้ขึ้นไปอีกหาประมาณไม่ได้ ผู้รู้เด่นๆ ที่ใช้อยู่นี้ไม่ใช่ ก็คือในวงขันธ์ ความรู้อันนี้อยู่ในวงขันธ์ อันนั้นนอกจากนี้แล้วพูดไม่ได้เลย

นี่แหละธรรมพระพุทธเจ้าที่ว่าเลิศเลอ เปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้เลย เลยไปหมดแล้ว ถ้าว่าดีก็เลย อะไรก็เลย อย่าง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เราก็คาดเป็นสุขอย่างยิ่งอยู่นี้นะ แต่นิพพานแท้-ธรรมชาติแท้ไม่ใช่อันนี้ แน่ะก็อย่างนั้นแหละ อย่างที่ท่านว่านิพพานไม่ใช่ผู้รู้ ยังเหนือผู้รู้ขึ้นไปอีกไม่มีประมาณ นั่นท่านพูดถูกต้อง นี่ผู้เจอแล้วพูด เจอธรรมชาตินั่นแล้วพูด หาที่ค้านกันไม่ได้ พอไปอ่านแล้วเอ้ออย่างนี้ซี เราก็ว่าอย่างนั้น อย่างนี้ซี

มันอยู่ในจิตของเจ้าของเอง ไม่มีที่สงสัย ไม่ต้องหาใครมาเป็นพยาน จ้าขึ้นในนั้นแล้วรู้หมด ส่วนละเอียดส่วนไหนอะไรที่มาเกี่ยวข้องรู้กันไปหมด นั่นละธรรมชาตินั้นละที่พระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย ท่านท้อพระทัยเพราะเหตุนี้เอง ธรรมชาตินั้นเหนือเสียทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีประมาณ ขอให้ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัตินะ ธรรมพระพุทธเจ้านี่ท้าทายตลอดเวลา เรื่องมรรคเรื่องผลอยู่กับการปฏิบัตินะ ไม่ได้อยู่กับกาลสถานที่เวล่ำเวลา

ท่านก็แสดงไว้แล้วว่า อกาลิโก ธรรมไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลาที่จะเกิดเวลานั้นเกิดเวลานี้ ถ้าเหตุมีเท่าไรหนุนเข้าไปแล้วเกิดได้ตลอดเวลา อิริยาบถใดก็ตามเกิดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าเดือนปีนาทีโมง อันนั้นยังไกล ในอิริยาบถของเจ้าของเกิดได้ทุกเวลา ถ้ามีความเพียร ธรรมเกิดได้ตลอด สดๆ ร้อนๆ อย่าไปเชื่อหูหนวกตาบอดมันเต็มโลกเต็มสงสาร มันมีแต่ลบล้างบาปบุญนรกสวรรค์ ไม่มีทั้งนั้นละพวกตาบอด

พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทั้งหลายท่านสลดสังเวชนะ กับความหูหนวกตาบอดของแดนนรก แดนวัฏจักร มันพูดของมันอย่างนั้น นี่วิวัฏจักรเป็นยังไงท่านก็ดูของท่าน ดูหมดแล้ว พากันจำเอา

:b8: :b8: :b8: http://www.luangta.com

:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่หล้า เขมปัตโต”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38521

:b44: ประมวลภาพ “หลวงปู่หล้า เขมปัตโต” วัดภูจ้อก้อ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=44375

:b44: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่หล้า เขมปัตโต”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=44660

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร