วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2014, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


เทศน์อบรมฆราวาส
เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ทา จารุธัมโม
ณ วัดถ้ำซับมืด อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ เวลา ๑๖.๐๐ น.


รูปภาพ


วันนี้ถ้าธรรมดาเรียกว่าเป็นวันโอกาสอันดี แต่วันนี้โอกาสไม่ค่อยดี เพราะเรื่องความพลัดพรากจากกันเป็นเรื่องที่สัตว์โลกทั้งหลายไม่ต้องการ แม้แต่สัตว์ไม่ได้เรียนหนังแส่หนังสือเหมือนเราเขาก็กลัวตายเหมือนกัน วันนี้มีต้นเหตุอันใหญ่หลวงคือหลวงพ่อทาท่านมรณภาพแล้ว จะบรรจุหรือจะเผาศพท่านในวันนี้ ให้ท่านทั้งหลายได้หันหน้าเข้าสู่เมรุนั้นดูทุกคนๆ ที่นั่งนี่ทั้งหมด เอา หันหน้าดูให้เห็นทุกคน เป็นอย่างไรดู นี่ละคือเราคนหนึ่งจะเข้าเมรุอย่างนั้น แต่ตายนั้นตายด้วยวิธีการต่างๆ เผาหรือฝังอะไรก็แล้วแต่วิธีต่างๆ แต่จะเข้าในจุดสุดท้ายได้แก่ความตาย

ให้พากันจำเอาไว้ อย่าพากันประมาท เรื่องความตายเห็นไหมคนมาทั่วแผ่นดินนี่ คนตายเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ แต่คนมาทั่วแผ่นดินเลยวันนี้ดูซิน่ะ กระเทือนไปหมด เรื่องความตายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไรพอที่จะนอนใจ หาอยู่หากินวันหนึ่งๆ ถึงค่ำแล้วก็นอน นอนหลับฝันครอกๆ แครกๆ ไป ไม่ได้คิดหน้าอ่านหลังว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร นี่ละดูเอาวันนี้เป็นพยาน

รูปภาพ


ขอให้ท่านทั้งหลายได้พินิจพิจารณา พระพุทธเจ้าที่จะเสด็จออกทรงผนวช ก็เห็นเรื่องความตายนี้เองเป็นต้นเหตุ จากนั้นก็เห็นเพศสมณะที่จะออกจากกองทุกข์ทั้งหลาย เห็นเพศแห่งความตายนี้แล้วก็เกิดความสลดสังเวช แล้วก็ไปเห็นเพศแห่งสมณะที่ท่านบำเพ็ญเพื่อความพ้นจากทุกข์ ท่านก็เสด็จออกทรงผนวชได้ตรัสรู้ขึ้นมา เพราะเทวทูตผู้บอกเหมือนกับเทวดา เทวทูตคือผู้บอกอันประเสริฐให้เราทั้งหลายได้พินิจพิจารณา

วันนี้เป็นวันที่เราทั้งหลายจะได้หันหน้าดูความตายของตัวเอง ให้หันหน้าเข้าไปเมรุนี้จะเป็นแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น อย่าพากันประมาท การประมาทไม่ใช่เป็นของดิบของดีอะไรเลย คือความนอนใจ กินแล้วนอนกอนแล้วนิน ตื่นมามื้อเช้าหาอยู่หากิน พอถึงค่ำก็มานอนหลับๆ ตื่นขึ้นมาหากิน วันนี้หากินวันนั้นสุดท้ายก็มาตายเหมือนกันกับเขานี่แหละ อย่าพากันนอนใจ

คุณงามความดีที่พระพุทธเจ้าองค์เลิศเลอประเสริฐ ไม่มีใครเสมอเหมือน สอนไว้แล้วขอให้นำเข้าไปสู่จิตใจ อย่าเอาตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา เข้ามาสู่จิตใจมันจะเผาหัวใจให้เป็นฟืนเป็นไฟไปตามๆ กันหมด ถามที่ไหนเป็นอย่างไรสบายดีเหรอ สบายอะไรมีแต่ไฟเผาหัวอก เรื่องธรรมไม่มีในใจแล้วหาความสบายไม่ได้ ขอให้ทุกท่านหันหน้าเข้าสู่อรรถสู่ธรรม ความตายมีด้วยกันทุกคน ถึงกาลเวลาจะตายแล้วเป็นอย่างนี้แหละ

ใครสร้างความดีความชั่วไว้มากน้อยก็จะเป็นอย่างเดียวกัน ถ้าสร้างความชั่วไว้ก็คือสร้างพวกศัตรูคู่เวรติดตามตัวเองไป เผาตัวเองในแดนมนุษย์นี้แล้วยังจะไปเผาในแดนนรกอีก ว่านรกไม่มีเหรอ ใครเป็นคนสอนไว้นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน คนตาบอดหูหนวกสอนได้อย่างไร ไม่มีใครสอนได้ นอกจากศาสดาองค์เอกเท่านั้นเป็นผู้สอนไว้ด้วยความถูกต้องแม่นยำ เรียกว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว เราทั้งหลายให้ฟังให้ถูกต้องตามอรรถตามธรรม ที่เรียกว่าสวากขาตธรรม ท่านตรัสไว้ชอบแล้ว ฟังให้ชอบ เอาไปพินิจพิจารณา

เรื่องความเป็นความตายมีอยู่กับทุกคน วันนี้ก็เอาศพนี้เป็นพยาน คือหลวงพ่อทาท่านก็บำเพ็ญความดีงามมา ท่านรู้สึกว่ามีความอบอุ่นภายในจิตใจของท่าน เรื่องตายตายด้วยกัน แต่ผู้หนึ่งทำความดีงามตายก็ไปด้วยความอบอุ่น แต่ผู้สร้างตั้งแต่ความชั่วช้าลามกใส่ตัวเองตายแล้วไฟเผาทั้งเป็นแล้วก็ไปเผาในเมืองผีอีก เรายังไปลบล้างว่าเมืองผีไม่มี เวลาไปเจอเข้าแล้วมันสายไปเสียแล้ว สายไปแล้ว จำเป็นต้องจมอยู่ในนรกกี่กัปกี่กัลป์กว่าจะได้ฟื้นตัวขึ้นมา

นี่คืออำนาจแห่งความมืดบอด ไม่ยอมฟังเสียงนักปราชญ์ฉลาดแหลมคมคือองค์ศาสดาสอนไว้ว่านรกมี มันไม่ยอมฟังเสียง เวลาตายแล้วไปเจอเอานรก เจอเอาอย่างจังๆ หลีกไม่ได้ มันสายเกินไป จมด้วยกันไป จนกว่าจะหมดบุญหมดกรรมอันนั้นแล้วก็จะได้เคลื่อนขึ้นมา ถ้าเคลื่อนขึ้นมายังลืมตัวอีกยังลงอีก ลงไม่หยุดไม่ถอย ขอแต่การสร้างความชั่วช้าลามก สร้างมากเท่าไรมีมากเท่านั้น ได้มากเท่านั้นเผามากเท่านั้น ตลอดไป ไม่มีคำว่าอิ่มพอ ไปตกนรกหลุมนี้อิ่มพอแล้วไม่มี จะให้เหมือนคนกินข้าว ไม่เหมือนนะ ตกลงหลุมนี้แล้วมาสร้างความชั่วอีกตกอีกๆ ผู้ที่ไปสวรรค์ พรหมโลก นิพพานก็เหมือนกัน เอาจนกระทั่งถึงนิพพานพอ นั่นละสร้างความดีงามต่างกันอย่างนี้

รูปภาพ


ที่มาบทความ : http://www.luangta.com/thamma/thamma_ta ... 78&CatID=2

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร