ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร : สู้กิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=79&t=53845 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 22 ต.ค. 2010, 06:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | ท่านพ่อลี ธมฺมธโร : สู้กิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ |
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร สู้กิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) เป็นพระกรรมฐานผู้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ในปี ๒๕๐๐ ท่านเป็นผู้จัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ วัดอโศการาม นับว่าท่านเป็นผู้มีบุญบารมีและศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างสูงยิ่ง ดังความปรากฏตอนหนึ่งใน “๒๘ อรหันต์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ดังนี้ “ท่านจึงเป็นผู้ที่ท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาและให้การยกย่องว่า ‘มีพลังจิตสูง เป็นผู้เด็ดเดี่ยว อาจหาญ เฉียบขาด ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยธรรม’ สมศักดิ์ศรีที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ให้เป็น ‘อัศวินแห่งกองทัพธรรมกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต’ ที่มีธรรมะเป็นอาวุธ” แม้จะเปี่ยมด้วยบุญบารมีเพียงใด แต่ยังต้องพบกับอุปสรรคที่ทำให้มีความคิดที่จะลาสิกขา เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อครั้งท่านอุปสมบทในธรรมยุติกนิกาย จำพรรษา ณ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เป็นพรรษาที่ ๓ ช่วงก่อนหน้านั้นท่านได้ขออนุญาตพระอุปัชฌาย์เพื่อจะออกธุดงค์ แต่ไม่ได้รับอนุญาต “ในระยะนี้ได้ตรวจดูจิตใจของตนเองรู้สึกว่าเสื่อมในทางปฏิบัติ คือจิตชักจะหันหน้าไปทางโลกเสียบ้าง ได้คิดต่อสู้อยู่จนตลอดพรรษา อยู่มาวันหนึ่งได้เกิดความคิดในใจว่า ถ้าเราอยู่ในพระนครนี้เราต้องสึก ถ้าเราไม่สึก เราต้องออกจากพระนครไปอยู่ป่า” เมื่อมีความคิดดังกล่าวและก็ไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง แต่ระหว่างนั้นก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น เหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งท่านเล่าไว้เพื่อเป็นคติเตือนใจ ในอัตตประวัติมีทั้งหมด ๔ คราว เรื่องราวแรกเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่ท่านรู้สึกท้องผูก ในตอนบ่ายจึงฉันยาถ่าย โดยคาดว่าจะถ่ายอุจจาระประมาณ ๒๑ นาฬิกา ตามปกติดังที่เคยเป็นมา แต่ปรากฏว่าในคืนนั้นไม่ได้อุจจาระ และตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นก็ไปบิณฑบาตในตรอกวังสระปทุม “พอเดินไปถึงหน้าบ้านที่เขาจะใส่บาตร ก็เกิดรู้สึกปวดอุจจาระอย่างหนักจนทนแทบไม่ไหว จะเดินออกไปรับบาตรก็เดินไม่ได้ ก้าวขาไม่ออก มัวแต่อดกลั้นขยับขาเดินได้ทีละคืบ ไปถึงป่ากระถินแห่งหนึ่ง รีบวางบาตรลอดรั้วเข้าป่ากระถิน มันนึกอยากเอาหัวตำดินให้ตายเสียดีกว่า เมื่อทำธุรกิจเสร็จแล้วก็ออกจากป่าอุ้มบาตรเดินบิณฑบาตต่อไปตามเคย วันนั้นได้ข้าวไม่พอฉัน กลับมาถึงวัดก็ได้เตือนตัวเองว่า ‘มึงสึกไปแล้ว ต้องเป็นอย่างนี้ ใครเขาจะมาใส่บาตรให้กิน’ เรื่องนี้ได้เป็นคติเตือนใจอย่างดี” เหตุการณ์ในครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นเมื่อท่านไปบิณฑบาตแถวถนนเพชรบุรี เช้าวันนั้นยังไม่ได้ข้าวแม้แต่หนึ่งทัพพี แต่กลับประสบเหตุอื่นแทน “พอดีได้เห็นหญิงแก่อายุประมาณ ๕๐ ปี ไว้ผมมวย กับตาแป๊ะแก่ไว้หางเปีย ยืนส่งเสียงดังเอะอะอยู่ในห้องแถว ขณะนั้นเราเดินมาถึงตรงหน้าบ้านเขา ก็หยุดยืนนิ่งดูประมาณสัก ๒ อึดใจ เห็นยายแก่คว้าไม้กวาดตีหัวตาแป๊ะ ตาแป๊ะคว้ามวยผมถีบหลังยายแก่ ตัวเองก็เริ่มนึกว่า ‘ถ้าเป็นเราโดนเข้าอย่างนี้จะทำอย่างไรกัน’ ก็ตอบขึ้นว่า ‘มึงต้องบ้านแตกสาแหรกขาดแน่’ การที่ได้ประสบพบเหตุการณ์อย่างนี้ กลับดีใจยิ่งกว่าบิณฑบาตได้ข้าวเต็มบาตร” ในวันนั้นท่านพ่อได้ข้าวแทบไม่พอฉัน เมื่อถึงเวลากลางคืน ท่านก็ได้ตริตรองเรื่องนี้อยู่ตลอด ทำให้ก็รู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องของโลกออกไปโดยลำดับ เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นเมื่อไปบิณฑบาต แล้ววกกลับมาทางด้านหลังวัดปทุมวนารามฯ บริเวณนั้นเป็นถนนดิน ถ้าฝนตกถนนจะลื่น ท่านเดินอย่างสำรวมมาถึงหน้าบ้านของโยมคนหนึ่ง “บิณฑบาตได้ข้าวเต็มบาตร ใจก็นึกคิดไปในอารมณ์ของโลก นึกจนเผลอตัวก้าวลื่นถลาล้มลงไปในบ่อข้างถนน หัวเข่าทั้งสองจมลงไปอยู่ในโคลนประมาณ ๑ คืบ ข้าวสุกในบาตรหกหมด เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยโคลน ต้องรีบเดินทางกลับวัด เมื่อกลับมาถึงวัดแล้ว เก็บเอามาเป็นคติเตือนใจสอนตนเองว่า การนึกในเรื่องทางโลกของเรา เพียงแต่นึกคิดมันก็ยังมีโทษติดตามมาได้ถึงเพียงนี้ ใจก็ค่อยคลายค่อยเบื่อออกไปโดยลำดับ คิดว่า ‘เรื่องครอบครัวนั้นมันเป็นเรื่องของเด็ก ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่’ กลับความคิดเห็นเป็นอย่างนี้” เหตุการณ์สุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อท่านบิณฑบาตไปตามถนนเพชรบุรี ไปถึงวังของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร พระองค์ท่านจะใส่บาตรประจำวันแก่พระสงฆ์ทั่วไป แต่วันนั้นมีขันข้าวอีกขันหนึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวัง ท่านพ่อจึงเดินไปรับบิณฑบาตจากขันตั้งใหม่เสียก่อน แล้วจึงหันกลับมาเพื่อจะไปรับขันที่อยู่ตรงข้าม “พอดีมีรถเมล์ขาวนายเลิศวิ่งมาอย่างรวดเร็ว วิ่งเฉียดศีรษะไปห่างประมาณ ๑ คืบ คนโดยสารร้องตะโกนโวยวายขึ้น ตัวเองก็ผงะยืนตกตะลึงอยู่เป็นเวลาหลายอึดใจ วันนั้นเกือบถึงแก่ความตายเพราะถูกรถเมล์ชน ขณะกลับไปรับบาตรที่วังพระองค์เจ้าธานีฯ ต้องสะกดตัวไว้อย่างเข้มแข็ง มีอาการสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว” ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้เป็นคติเตือนใจท่านอย่างดี จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๔ เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านก็มีดำริว่า “ในปีพรรษาที่ ๓ ก็นึกว่า เราต้องออกจากพระนครแน่ๆ ถ้าพระอุปัชฌาย์ยังหวงห้ามกีดกันอีก เห็นจะต้องแตกกันในคราวนี้ มิฉะนั้นก็ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงช่วยข้าพเจ้าโดยทางอื่น” ต่อมาในวันหนึ่งเวลากลางคืน ท่านอ่านหนังสืออยู่แล้วเคลิ้มหลับไป “พอเคลิ้มหลับได้เห็นพระอาจารย์มั่นมาดุว่า ‘ท่านอยู่ทำไมในกรุงเทพฯ ไม่ออกไปอยู่ป่า’ ก็ได้ตอบท่านว่า ‘พระอุปัชฌาย์ไม่ยอมให้ไป’ ท่านตอบคำเดียวว่า ‘ไป’ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงท่านว่า ‘เมื่อออกพรรษาแล้ว ขอให้ท่านมาโปรดเราเอาไปให้จงได้’” หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านพ่อก็ได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งมาพักอยู่ที่วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร เพื่อเยี่ยมอาการอาพาธของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) “นับแต่อุปสมบทล่วงแล้วได้ ๔ พรรษา เพิ่งจะได้มาพบท่านอีกในคราวนี้ ก็ได้เข้าไปกราบไหว้ ท่านก็เมตตาแสดงธรรมให้ฟังว่า “ขีณาชาติ วุสิตัง พรหมจริยันติ” แปลได้ใจความสั้นๆ ว่า “พระอริยเจ้าขีณาสพทั้งหลาย ท่านทำตนให้เป็นผู้พ้นจากอาสวะแล้วมีความสุข นั้นคือพรหมจรรย์อันประเสริฐ” จำได้เพียงเท่านี้ แต่รู้สึกว่าเราไปนั่งฟังคำพูดของท่านเพียงเล็กน้อย ใจนิ่งเป็นสมาธิดีกว่าเรานั่งทำคนเดียวมากมาย ในที่สุดท่านก็สั่งว่า “คุณต้องไปกับเราในคราวนี้ ส่วนอุปัชฌาย์นั้นเราจะไปเรียนท่านเอง” ท่านพ่อลีจึงได้ติดตามท่านพระอาจารย์มั่นไปธุดงค์ทางภาคเหนือ ด้วยความเพียรพยายามในการต่อสู้กับกิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ของนักบวช จึงรอดพ้นจากการลาสิกขา ครองสมณเพศตราบวาระสุดท้ายแห่งชีวิต -------------------------------------------------------- เอกสารประกอบการเขียน “ชีวประวัติพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)” พิมพ์ครั้งที่ ๓ ปี ๒๕๑๙. “๒๘ พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” พระธุตังคเจดีย์ วัดอโศการาม ธรรมบรรณาการในงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๔๘ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๒. โดย เทียบธุลี http://www.dlitemag.com/ |
เจ้าของ: | Hanako [ 22 ต.ค. 2010, 07:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ท่านพ่อลี ธมฺมธโร : สู้กิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ |
อนุโมทนาค่ะ ทำให้คิดว่า มีเรื่องที่เราต้องต่อสู้อีกมาก ยังต้องต่อสู้อีกมากจริงๆ |
เจ้าของ: | I am [ 26 ต.ค. 2010, 13:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ท่านพ่อลี ธมฺมธโร : สู้กิเลสด้วยปัญญา เพื่อรักษาเพศพรหมจรรย์ |
สาธุ ขอโมทนาคร้าบบ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |