ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงสภาวะ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=23179
หน้า 3 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  walaiporn [ 14 ก.ค. 2009, 20:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด


บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ

แพ้ทางอะไรอย่าไปทางนั้น
แพ้คนไหนอย่าไปเจอะเจอคนนั้น
แพ้รูปไหนอย่าไปดูรูปนั้น
แพ้เสียงไหน อย่าไปฟังเสียงนั้น
แพ้กลิ่นไหน อย่าไปดมกลิ่นนั้น
แพ้รสไหน อย่าไปลิ้มรสสิ่งนั้น
แพ้สัมผัสไหน อย่าไปแตะต้องสิ่งนั้น

ขึ้นชื่อว่า"แพ้ " ก็คือความเสียหาย
คือความย่อยยับ คือความน่าอับอาย
สิ่งเย้ายวนใจเหล่านี้ เมื่อเจอแล้ว
ใจเราก็หม่นหมองหมดราศี
ใจร้อนรุ่มหวนไห้รำพันถวิล
ใจกระสับกระส่าย ขวนขวาย กระหายหา

ใจมืดมิด หมดสิ้นสติปัญญา...
บาปไม่เคยปราณีใคร
นรกไม่เคยยกเว้นผู้ใด
ตัดใจเสียดีกว่า ห่างไกลเสียดีกว่า

แพ้อะไรก็แพ้ไป
แต่อย่าให้จิตใจตัวเองพ่ายแพ้
แม้ต้องฝืนใจเป็นอย่างยิ่ง


ไฟล์แนป:
1211819086.jpg
1211819086.jpg [ 26.49 KiB | เปิดดู 3362 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 15 ก.ค. 2009, 19:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด


ค ว า ม ส ำ นึ ก
******************
ถ้าจะจาก จากตอนดี มีคุณค่า

ยังดีกว่า โกรธกัน แล้วผันผาย

เมื่อยามรัก จากกัน นั้นเพียงกาย

ส่วนทางใจ ยังผูกพัน กันไม่ลืม

เพราะยามดี แล้วจาก ไม่พรากจิต

ยังคงคิด ถึงกัน มั่นสุดปลื้ม

ไกลแต่กาย ใจจิต ไม่คิดลืม

ไม่โศกซึม เศร้าสลด หยดสายใย

ตอนโกรธกัน แล้วผันผาย หัวใจเศร้า

สายใยเก่า ขาดสบั้น นั้นใจหาย

จะก่อเกิด อาฆาต มุ่งมาตร้าย

ดุจความตาย มาพราก ที่จากกัน

อันดีชั่ว ตัวเรา เป็นผู้รู้

ทั้งดีชั่ว นั้นคงอยู่ ไม่แปรผัน

ดีและชั่ว คงสนอง ครองตัวมัน

จะกีดกัน เท่าไร ไม่พ้นเลย.
***************************

ลูกใคร ไม่สำคัญ - ศิษย์ของฉัน นั้นคือลูก.
ด้วยรัก..
พระครูสุวิมลสังฆกิจ
เจ้าอาวาสวัดดอนกะถิน


ไฟล์แนป:
chalermchai-04.jpg
chalermchai-04.jpg [ 83.27 KiB | เปิดดู 3320 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 23 ก.ค. 2009, 01:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด


เรื่องมีอยู่ว่า...มีพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมาก .มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย..

และผู้หลัก ผู้ใหญ่ ที่ดังๆ...มักนิยมเชิญท่านมา...ในงานพิธีสําคัญต่างๆ..

ก็มีเศรษฐี..ท่านหนึ่ง มีความกังวลในเรื่องทรัพย์สมบัติของตน กลัวว่าตายไปลูก..

หลานไม่สามารถรักษาสมบัติของตน. พอซื้อบ้านใหม่ก็สบโอกาสจึง นิมนต์ท่านมา

ทําพิธีให้. พอสิ้นสุดพิธีเศรษฐีก็ให้ท่านช่วยเขียนข้อความอันเป็น ศิริมงคลให้ตระกูล

พระท่านจึงหยิบ...ปากกามา ...เขียนๆๆๆ.....ไม่นาน ท่านก็ยื่นแผ่นกระดาษที่เขียน

ให้กับเศรษฐี...

เศรษฐี คลี่กระดาษออกมาดู ด้วยความตื่นเต้น....แต่เมื่อเห็นข้อความข้างในถึงกับ...

หน้าซีด. ข้อความที่เขียน มีอยู่ว่า.....

ตาย ตาย ตาย ปู่ตาย พ่อตาย ลูกตาย......

ทั้งเศรษฐี และผู้ร่วมงาน ต่างก็ ตกใจหน้าซีดกันหมด .ด้วยความสงสัยจึงถามท่าน

....เพราะเหตุใดท่านเป็นพระผู้ใหญ่จึงได้กระทําล้อเล่นอย่างนี้...

ท่านจึงเฉลยไปว่า...

ดูก่อน ประสก...อันทรัพย์สมบัตินั้นเป็นของไกลตัว ความตายมิใช่หรือที่ท่านมิอาจ

หลีกเลี่ยงได้. แต่จะดีกว่าไหมที่ ปู่ตายก่อน พ่อจึงตายตาม และลูกตายตาม

ทีหลัง เป็นไปตามนี้มิใช่หรือ ไม่มีทุกข์ใดหนักหนากว่าบุตรต้องมาตายก่อน...

ผู้ใหญ่.


ไฟล์แนป:
post-14950-1153814835.jpg
post-14950-1153814835.jpg [ 41.56 KiB | เปิดดู 3189 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 30 ก.ค. 2009, 02:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด


ท่านพุทธทาสภิกขุ


" ดับไม่เหลือ "

อย่าเข้าใจไปว่าต้องเรียนมาก

ต้องปฏิบัติลำบาก….จึงพ้นได้

ถ้ารู้จริงสิ่งเดียวก็ง่ายดาย

รู้ดับให้ไม่มีเหลือ….เชื่อก็ลอง

เมื่อเจ็บไข้….ความตายจะมาถึง

อย่าพรั่นพรึงหวาดไหวให้หม่นหมอง

ระวังให้ดีดี….นาทีทอง

คอยจดจ้องให้ตรงจุด….หลุดให้ทัน….

ถึงนาทีสุดท้าย…..อย่าให้พลาด

ตั้งสติไม่ประมาทเพื่อดับขันธ์

ด้วยจิตว่าง….ปล่อยวาง….ทุกสิ่งอัน

สารพันไม่ยึดครองเป็นของเรา

ตกกระไดพลอยโจนให้ดีดี

จะถึงที่มุ่งหมายได้ง่ายเข้า

สมัครใจดับไม่เหลือเมื่อไม่เอา

ก็ดับเรา….ดับตน….ดลนิพพาน…….


ไฟล์แนป:
g_4_20.jpg
g_4_20.jpg [ 121.48 KiB | เปิดดู 3300 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 08 ก.ย. 2009, 20:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด

ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย

( หลวงวิจิตรวาทการ)


ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย

( ท่านพุทธทาสภิกขุ)


กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ

( เจ้าพระยาคลัง หน)


อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย

( จากหนังสือเก่าโบราณ)


กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น

( สมภาร พรหมทา)



จาก FW Mail


ไฟล์แนป:
awb_image2962551214513.jpg
awb_image2962551214513.jpg [ 78.45 KiB | เปิดดู 3283 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 11 ก.ย. 2009, 19:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ศีลธรรม....กลับมาเถิด


สทฺธาย ตริ โอฆํ อปฺปมาเทน อณฺณวํ

วีริเยน ทุกฺขมจฺเจติ ปญฺญาย ปริสุขฺฌติ

คนมีศรัทธา ก็ข้ามโอฆะ ( ห้วงน้ำ คือ ทิฏฐิ )ได้

คนไม่ประมาท ก็ข้ามห้วงน้ำ ( คือ ภพสงสาร ) ได้

คนมีความเพียร ก็ผ่านพ้นความทุกข์ ( ในกามภพ ) ได้

คนมีปัญญา ก็ทำให้ตนเองบริสุทธิ์ ( จากอวิชชา ) ได้



ไฟล์แนป:
352_1.gif
352_1.gif [ 58.72 KiB | เปิดดู 3262 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 13 ก.ย. 2009, 11:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว วิปตฺติโย, กตมา ติสฺโส กมฺมนฺตวิปตฺติ อาชีววิปตฺติ

ดูกรท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย วิบัติมีอยู่ ๓ ประการดังนี้คือ

๑. กมฺมนฺตวิปฺติ วิบัติเพราะการกระทำ

๒. อาชีววิปฺติ วิบัติเพราะอาชีพ

๓. ทิฏฺฐิวิปฺติ วิบัติเพราะทิฏฐิ





เห็นแล้วจดไว้ทำให้แม่นยำ

เหมือนทราบแล้วจำไว้ได้ทั้งมวล

เมื่อหลงลืมไปจักได้สอบสวน

คำไม่แปรปรวนจากที่จดลง


ไฟล์แนป:
b001h.jpg
b001h.jpg [ 306.33 KiB | เปิดดู 3245 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 14 ก.ย. 2009, 19:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


อิธ ภิกฺขเว อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต

วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุ กายงํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฐเปตฺวา


ดูก่อนท่านผู้เห็ภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ได้
ไปสู่เรือนว่างเปล่าก็ได้ แล้วนั่งขัดสมาธิ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น ดังนี้เป็นต้น


การเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั้นที่ป่าก็ได้ ที่โคนต้นไม้ก็ทำได้ ที่ไหนว่างก็ทำได้
เพราะวิปัสสนากรรมฐานปฏิบัติได้ทุกทวาร คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

คติโบราณกล่าวไว้ว่า " ไม่หนี ไม่สู้ ไม่อยู่ ไม่ไป " นั้น
เป็นวิสัยของนักปฏิบัติ หมายความว่า

ไม่ต้องหนีไปไหน เพราะตามีหน้าที่เห็น หูมีหน้าที่ได้ยิน จมูกมีหน้าที่ได้กลิ่น
ลิ้นมีหน้าที่ได้รส กายมีหน้าที่สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง
ใจมีหน้าที่คิดแต่ว่าเมื่อเห็นแล้วต้องมีสติกำหนดรู้อยู่

ไม่สู้ คือ ไม่สู้กับโลภะ โทสะ โมหะ

ไม่อยู่ คือ อย่าอยู่ในอำนาจของกิเลส

ไม่ไป คือ อย่าไปตามอำเภอใจของตนเอง เพราะการไปอย่างนั้นเป็นอำนาจของกิเลส
ต้องให้ไปตามอำนาจของสติซึ่งเป็นตัวกุศลแท้ๆ


ไฟล์แนป:
1211820565.jpg
1211820565.jpg [ 30.93 KiB | เปิดดู 3057 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 15 ก.ย. 2009, 23:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ
ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง



๑. โลกคือหมู่สัตว์ อันชราเป็นผู้นำ นำเข้าไปใกล้ไม่ยั่งยืน

๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน

๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละสิ่งทั้งปวงไป

๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา


ไฟล์แนป:
b002a.jpg
b002a.jpg [ 199.26 KiB | เปิดดู 3019 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 16 ก.ย. 2009, 19:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


ยถา หิ องฺคสมฺภารา โหติ สทฺโท รโถ อิติ

เอวํ ขน์เธสุ สนฺเตสุ โหติ สตฺโตติ สมฺมติ.

แท้จริงเสียงที่เขาเรียกว่า " รถ " มีขึ้นเพราะรวมส่วนประกอบ ( ต่างๆ ) เข้าด้วยกัน
ฉันใด เมื่อขันธ์ทั้งหลาย ( ๕ ) มีอยู่ การสมมติต่างๆเรียกว่า สัตว์ ( บุคคล )
ก็มีขึ้นเหมือนกันฉะนั้น

รูปและนาม ซึ่งสมมติเรียกกัน ว่าสัตว์ ว่าบุคคลนี้ ต่งพึ่งพาอาศัยกันจึงดำเนินไปได้
ถ้าขาดเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ ท่านจึงกล่าวว่า


ยมกํ นามรูปญฺจ อุโภ อญฺโญญฺญนิสฺสิตา

เอกสฺมิ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติ ปจฺจยา.

อันว่า นามและรูปเป็นของคู่กัน ทั้งสองอย่างต่างอาศัยกันและกัน
เมื่ออย่างใดอย่างหนึ่งแตกสลายไป สิ่งอาศัยทั้งสองอย่าง ก็แตกสลายไปด้วย


ไฟล์แนป:
5003ip4.jpg
5003ip4.jpg [ 84.84 KiB | เปิดดู 2993 ครั้ง ]

เจ้าของ:  บัวศกล [ 16 ก.ย. 2009, 20:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล

แพ้อะไร ก็หนีสิ่งนั้น

ไม่ต้องคอยเที่ยวหนี คอยเที่ยวหลบจนตลอดชาติเหรอจ๊ะ

แพ้สิ่งไรก็ควรเรียนรู้สิ่งนั้น เข้าใกล้สิ่งนั้นอย่างมีศิลปะวิธี
เรียนรู้ให้ลึกซึ้งถึงกำพืด วันแห่งชัยชนะก็จะมาปรากฏแทนเป็นแน่แท้


เอ๊ะ........หรือแม่ครัวคนใจงาม อยู่ในจำพวกกัมมัฏฐานหลีกหลบ
หลีกหลบ หลีกหลบ และก็หลีกหลบ


ข้าน้อย นามว่าหัวซุกหัวซุน ขอคารวะ

:b28:

เจ้าของ:  walaiporn [ 16 ก.ย. 2009, 20:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล

บัวศกล เขียน:
แพ้อะไร ก็หนีสิ่งนั้น

ไม่ต้องคอยเที่ยวหนี คอยเที่ยวหลบจนตลอดชาติเหรอจ๊ะ

แพ้สิ่งไรก็ควรเรียนรู้สิ่งนั้น เข้าใกล้สิ่งนั้นอย่างมีศิลปะวิธี
เรียนรู้ให้ลึกซึ้งถึงกำพืด วันแห่งชัยชนะก็จะมาปรากฏแทนเป็นแน่แท้


เอ๊ะ........หรือแม่ครัวคนใจงาม อยู่ในจำพวกกัมมัฏฐานหลีกหลบ
หลีกหลบ หลีกหลบ และก็หลีกหลบ


ข้าน้อย นามว่าหัวซุกหัวซุน ขอคารวะ

:b28:



cool

คิดถึงนะคะ ... หายไปไหนมาคะ ...
มาถึงก็ทำมาแซวเลยนะคะ ... หิวมั๊ยคะ .. เดี๋ยวทำอาหารให้ทาน :b32:

อื่มมม ... อันนั้นคำสอนของครูบาฯท่านค่ะ
เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับค่ะ ที่ยังมีสติ สัมปชัญญะไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับกิเลสได้
ถ้าเรามีสติ สัมปชัญญะที่มากพอ แค่นี้จิ๊บๆค่ะ ...
ขนาดพระพุทธเจ้ายังไม่ทรงหนี แล้วเรากำลังดำเนินตามรอยที่พระพุทธองค์ทรงทิ้งไว้ให้
เราจะหนีไปทำไมล่ะคะ หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอกค่ะ ..

เหตุเกิดที่ไหน ดับที่นั้น ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของเราในอดีตที่ทำไปด้วยความไม่รู้
ผลที่ได้รับในปัจจุบันจึงเป็นเช่นนี้ เรามีหน้าที่แค่ ตั้งสติ เฝ้าดู รู้ลงไป แล้วอยู่กับมัน
อย่าไปชอบหรือชัง อย่าไปคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆทั้งสิ้น อย่าเอาเราเข้าไปข้อง
ไม่งั้น เราจะเจ็บตัวมากกว่าที่คาดคิดค่ะ ประมาณว่า เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม :b32:

คิดถึงค่ะมังกือ smiley smiley smiley


ไฟล์แนป:
505085u52zlwv47j.gif
505085u52zlwv47j.gif [ 106 KiB | เปิดดู 2978 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 17 ก.ย. 2009, 19:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


พหุ ปิ เจ สหิตํ ภาสมาโน

น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต

โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ

น ภาควา สามญฺญสฺส โหติฯ




คนที่ได้แต่ท่องจำตำราได้มาก

แต่มัวประมาท ไม่ปฏิบัติตามคำสอน

ย่อมไม่ได้รับผลที่ควรจะได้จากการบวช

เหมือนคนเลี้ยงโค นับโคให้คนอื่นเขา.




อปฺปมฺปิ เจ สหิตํ ภาสมาโน

ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี

ราคญจ โทสญฺจ ปหาย โมหํ

สมฺมปฺปชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต

อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วา

ส ภาควา สามญฺญสฺส โหติฯ



คนที่ท่องจำตำราได้น้อย แต่ประพฤติตามธรรม

ละราคะ โทสะ โมหะได้

รู้แจ้งเห็นจริง มีจิตหลุดพ้น

ไม่ยึดมั่นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

เขาย่อมได้รับผลของการบวช.


ไฟล์แนป:
awb_image172551123608.jpg
awb_image172551123608.jpg [ 31.68 KiB | เปิดดู 2935 ครั้ง ]

เจ้าของ:  บัวศกล [ 17 ก.ย. 2009, 23:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล

เออ........แล้วคนไหนละหว่า เป็นที่มาให้แม่ครัวยกภาษิตมาสะกิดสอน

พวกหนึ่งแก่ตำรา พวกหนึ่งแก่ภาวนา

คนแก่ภาวนา แต่อ่อนตำรา ก็พร้อมจะก้าวพลาดออกนอกวิถีธรรมได้ทุกเวลา

คนแก่ตำรา แต่อ่อนภาวนา ก็พร้อมวิเคราะห์พลาดจากจุดจริงแท้ได้ทุกเรื่องราว

คนแก่ตำรา และแก่ภาวนา ก็ยังมีโอกาสพลาด ถ้าไม่ฉลาดในอุบายทางปัญญา
และพลาด เพราะคิดว่าฉลาดเท่าทันทุกเวลา และทุกเรื่องราว


:b55: :b55: :b55:

เจ้าของ:  walaiporn [ 18 ก.ย. 2009, 20:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกสรรพสิ่งล้วนคือสภาวะ สุขที่แท้จริงนั้นอยู่ไม่ไกล


อญฺญา หิ ลาภูปนิสา อญฺญา นิพฺพานคามินี

เอวเมตํ อภิญฺญาย ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก

สกฺการํ นาภินนฺเทยฺย วิเวกมนุพฺรูหเย.




ข้อปฏิบัติที่มุ่งมั่นทรัพย์สมบัติลาภผล ( ทางโลก ) เป็นอย่างหนึ่ง
ข้อปฏิบัติดำเนินไปสู่พระนิพพาน เป็นอีกอย่างหนึ่ง ( คนละอย่าง )
ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า รู้แจ้งชัดข้อปฏิบัติ ( อันแตกต่างกัน )

ทั้งสองนี้ อย่างนี้แล้ว ไม่ควรเพลิดเพลินสักการะ ลาภยศ
( แต่ ) ควรสร้างเสริมวิเวก ( ความสงัดเงียบ ๓ ประการ ) เนืองๆ


ไฟล์แนป:
1211818218.jpg
1211818218.jpg [ 29.11 KiB | เปิดดู 2890 ครั้ง ]

หน้า 3 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/