ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

บทกวี...ท้องนา
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=24741
หน้า 1 จากทั้งหมด 9

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 07 ส.ค. 2009, 22:52 ]
หัวข้อกระทู้:  บทกวี...ท้องนา

...วิถีท้องนา.../...ธันวันตรี

ณ ผืนนา
ม่านนวลแดงแต้มแต่งโค้งขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ส่งสัญญาณย่ำรุ่ง
ควายตัวเก่าเดินเล่าเรื่องราว
ฝากรอยเท้าแทรกทรายละเอียดสีชมพูไปสู่จุดหมาย
ซากตอข้าวผุพังตามกาลเวลา ถูกไถกลบ
ลบเลือนรอยหมองหม่นในอดีต เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

เฆมดำทะมึนกำลังตั้งเค้าฝน พลางส่งเสียงก้องร่ำลาฟ้าฝาก
แล้วโรยตัวสู่ผืนแผ่นดินอย่างรีบเร่ง
สายฝนล้าแรง เริ่มโปรยปรายอย่างอ้อยอิ่ง
แสงสีขดโค้งต่างเบียดเสียดแทรกตัวดอมดมผืนแผ่นดินอย่างมิเคยพบพาน!!
ธัญชาติเติบกล้า แตกกิ่ง
ชาวนาหลังคดโค้งยังคงสู้ฟ้า ปักดำต้นกล้า
ตามหน้าที่กระดูกสันหลังของชาติบ่ฮู้จักเหน็ดเหนื่อย
น้ำนองท้องนา หลายชีวิตเริ่มวัฏจักรการสืบทอดเผ่าพันธุ์

ข้าวกล้าน้อยค่อยเติบกล้าตามกาลเวลา เป็นข้าวกล้าสาวเขียวขจี
ข้าวกล้าสาวเริ่มตั้งท้อง และฝากครรภ์ไว้กับท้องทุ่ง
รอเวลาให้สูตินารีสาวนามาเก็บเกี่ยว
ฮ๊วก สีเสียด ระงำ ตับเต่า ต่างระริกร่างอยู่กลางลานน้ำ
ยั่วยวนสวิง ข่อง และดางแห ยิ่งนัก!

สายลมพัดโชยอย่างเขินอาย
พอให้ข้าวกล้าสาวตั้งท้องโอนเอนพลิ้วไหวไปมา
เพื่อเริงระบำออกกำลังกาย
น่าสงสารนัก บางสาวก็ถูกชิงสุกก่อนห่ามไปเสียแล้ว!!
ข้าวเม่าใหม่หอมกรุ่น รสชาติยังหวานลิ้นทุกครั้งที้ลิ้มลอง แซบหลายคัก

ดวงตะวันโน้มตัวลงต่ำทางฟากทิศตะวันตก
ทอประกายแสงสีส้มอมแดงจูบโลมปุยเมฆ
เขียดขาคำ เขียดจ่านา ร้องแอ๊บแอ๊บ ระเบ็งแซ่
ประหนึ่งไม่อยากให้ตะวันจากไป
น้ำในนาสะท้อนแสงอาทิตย์และก้อนเมฆสีส้มแดง งดงาม
วิถีแห่งยามค่ำกำลังตื่นและคืบคลานเข้ามาแทนที่

รัตติกาลคลี่ม่านคลุม
โคมน้อยๆ ลอยละล่อง ระยิบระยับ
ราตรีแห่งท้องนามิเคยหลับไหล
รอเวลาวันรุ่ง เพื่อเล่าเรื่องราววิถีอันเรียบง่ายอีกครั้ง

ณ ท้องนาผืนเดิม
ยังคงเล่าเรื่องราววิถีชีวิตอันเรียบง่าย บนผืนแผ่นดิน...


ไฟล์แนป:
43925.jpg
43925.jpg [ 86.15 KiB | เปิดดู 18230 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 ส.ค. 2009, 02:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

เข้าพรรษาแล้ว..ต้นข้าวกล้าที่เริงร่าไสว
ผ่านห้วงเวลาการตั้งท้องโอบอุ้มรวงชีวิต
จวบถึงวันแตกรวงหล่อเลี้ยงมนุษย์ทั่วจักรวาล
งดงามพลิ้วไหวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง..อ่อนเยาว์
ต้นข้าวตั้งท้องแล้วออกรวงรอเวลาสุกระยับ
เพื่อให้มนุษย์เก็บเกี่ยวไปตามวัฏจักรชีวิต
บางเมล็ดร่วงพราวลงสู่พื้นบ่งสัจธรรมอันยิ่งใหญ่
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป...

ในความตั้งอยู่นั้น
เพียรพยายามสร้างสรรค์คุณความดี
เฉกรวงข้าวที่เป็นศิลปินธรรมชาติ
แต่งแต้มท้องทุ่งนามานานนับ จากตำบลสู่ตำบล
ปีแล้วปีเล่า ยุคแล้วยุคเล่า ที่รวงข้าวนั้นคือผู้ให้
คุณความดีขจรกระจายสู่ผู้คนทุกแห่งหนตำบล...
เป็นมาอย่างนี้และต่อไป ตราบนิรันดร์...

ในความเป็นสามัญ ทุกมิติแห่งธรรมชาติ
ทุ่งข้าว ราวไพร ล้วนมีความหมายซ่อนเร้น
พระบรมศาสดากำหนดให้ภิกษุจำพรรษาหน้าฝน
ด้วยเหตุประการหนึ่งที่ไม่อยากให้จาริกแสวงบุญ
แล้วเหยียบต้นข้าวของชาวนา…ช่างน่าศรัทธานัก
แท้แสดงถึงการเคารพต้นข้าวของพระศาสดา

หากมีเวลาว่าลองท่องไปตามหนทางสายรวงข้าว
เราอาจจะพบคติชีวิตที่น่าอัศจรรย์บ้างก็เป็นได้
เพียงเราเปิดตาเปิดใจที่จะรับฟังว่า..แท้จริงนั้น
รวงข้าวกำลังกระซิบค่าของธรรมะ..และสัจธรรม

ขอบคุณ..ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์


ไฟล์แนป:
Img0709-001.jpg
Img0709-001.jpg [ 86.82 KiB | เปิดดู 18173 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 ส.ค. 2009, 02:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

รูปภาพ

ยามเมื่อรวงเหลืองอร่าม
งามรอเคี้ยวมาเกี่ยวรวง
กับโน้มรวงรอเหมือนพลี
เพื่อคารวะต่อพระพุทธองค์

คือรวงรุ้งสีทองละอองพันธ์
อัศจรรย์อำไพในภักษา
รวงละออล้อลมทั่วพารา
เป็นภักษาทิพย์สวรรค์ลานธานี

จากเมล็ดเล็กเล็กค่อยงอกเงย
ยามมนุษย์คุ้นเคยรวงทองนี้
เซาะแสวงภักษามาปันพลี
ให้กายนี้ยืนยงคงดำเนิน

ทิวทุ่งเวิ้งเริงลมท่ามรุ้งเรียว
ตาลต้นเดี่ยวยืนต้นดุจหงส์เหิร
ท่ามรวงทิพย์ชูช่อล้อลมเพลิน
ขอบเขาเขินเผชิญโพยเภทภัย

เพราะมนุษย์สุดยั่งความพลั้งผิด
มารอนลิดป่าพงในดงใหญ่
บ่อนทำลายตัดก่อตอไม้ไตร
สายธารไหลเชี่ยวกรากรากพื้นดิน

รวงทองร้าวคราวแล้งไห้แห้งโหย
ยามฝนโปรยกับกราดกวาดทั่วถิ่น
รวงทองพุ่งกับร่วงรวงจมดิน
เพราะธารสินธุ์ท่วมทุ่งรุ้งรวงจม

รวงรุ้งทองฟากฟ้าประทานให้
บรรพรุษค้นไว้ในอาศรม
คิดวิธีหุงต้มธารน้ำนม
ปัจจุบันมนุษย์ชมสมอุรา

แม่โพสพแพรวพราวแต่กาลก่อน
ปู่ย่าอ้อนขมาเทพีฟ้า
ขอเมล็ดนวลผ่องพันธ์โสภา
สู่ขวัญนาธิดาประจำรวง

พุดพัดชา........

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 ส.ค. 2009, 03:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

มองฟ้าครามยามตะวันลามาหลายฝน
ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย
ดอกคิดถึงคลึงคลอเจ้าทุยเคียงกาย
ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน

ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง
ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน
นวลฤดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์
เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุ่นละมุนละไม

จะเดือนสามเดือนสี่มีเจ้าทุย
ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส
สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ
หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ

จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง
มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ
แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ
สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน

ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง
ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น
ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน
จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ

ไร่ข้าวนาสาวไพรรักใจภักดิ์
จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส
จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นพงไพร
รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง

ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่
ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง
ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง
ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา

ฝนหลงฤดูเพียงฤดีเจ้าอย่ากรายหลง
ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา
ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา
หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน

ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน
เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน
ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ
ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา

สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว
แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า
หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา
เทพีพสุธามิสิ้นรักภักดิ์เรียวรวง

ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง
ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง
เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง
เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน

กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี
ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน
เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน
สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ

กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย
สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว
จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป
หญิงชราใจมั่นไม่ทิ้งกล้านา..
สุดท้าย!รอเจ้า..ลูกชาย..กลับ..คืน...!


ไฟล์แนป:
1742252zrrj2ihpx8.gif
1742252zrrj2ihpx8.gif [ 206.03 KiB | เปิดดู 18209 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 ส.ค. 2009, 03:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ณ ทุกหนทุกแห่งของราตรี
น้ำค้างอันบริสุทธ์บอบบาง เจ้าไร้เดียงสานัก
โชคชะตากำหนดให้เจ้านั้นเป็นดัชนีความงาม
ของดอกไม้ราตรีดอกไม้งามที่บานในยามค่ำคืน
น้ำค้างพร่างมาในยามค่ำและเหือดไปในยามอรุณ
หมุนเวียนอยู่มิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นครรลอง
ธรรมชาติลิขิตฉันใด กฎธรรมชาติก็ยิ่งบ่งสอนเรา
ให้เข้าใจในครรลองการเกิดดับของชีวิตฉันนั้น...
เว้นแม้แต่ความเป็นมนุษย์โลก...

บางครั้งน้ำค้างก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดิน
ระหว่างน้ำค้างกลางไพรกับน้ำค้างกลางเมือง
ข้าพเจ้าประหวัดถึงน้ำค้างกลางไพรในบ้านนา
ในยามที่พระจันทร์อาบฟ้าและแสงทองส่องหล้า
น้ำค้างอาบทุกทิวขอนตอนนา...
น้ำค้างกลางท้องทุ่งส่องเกร็ดแสงระยิบยับเต็มตา
งดงามบรรเจิด เป็นน้ำค้างที่บริสุทธิ์....
ที่ตกลงมาจากสรวงต้องแสงแรกแห่งอุษา

ท่านพุทธทาสบอกเสมอว่า
ธรรมชาตินั้นตะโกนโหวกเหวก
สอนธรรมเราอยู่ตลอดเวลา เพียงเราเปิดใจรับฟัง
เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนาความคิดจิตวิญญาณ
เพื่อนำไปสู่วัยวันชีวิตที่ดีกว่าอยู่เสมอ

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์


ไฟล์แนป:
001_vladstudio-073.jpg
001_vladstudio-073.jpg [ 158.59 KiB | เปิดดู 18183 ครั้ง ]

เจ้าของ:  คนไร้สาระ [ 08 ส.ค. 2009, 04:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

:b20: อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณน้องภาพก็สวย
กลอนก็ไพเราะมีสาระมาก ๆ

ไฟล์แนป:
tt782412fltt.gif
tt782412fltt.gif [ 13.81 KiB | เปิดดู 18160 ครั้ง ]

เจ้าของ:  damjao [ 08 ส.ค. 2009, 05:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ปัญหาเลวร้ายมันเกิดขึ้นมาในโลกเต็มไปหมดนี้
เพราะว่าโลกมันเริ่มเสื่อมศีลธรรม
มันเริ่มถอยหลังทางศีลธรรม
ความเลวร้ายที่ไม่เคยมีมาแต่ก่อน มันก็ได้เกิดขึ้น
เพราะเราเสื่อมศีลธรรม ขาดศีลธรรม

โรคที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โรคเลวร้ายสกปรกทั้งหลายที่ไม่เคยมีมาแต่กาลก่อน
มันก็เกิดขึ้นมา เพราะมันไร้ศีลธรรม
มันว่างจากศีลธรรม แล้วมนุษย์จะเป็นบ้ามากขึ้น
ประเทศมหาอำนาจคนเป็นบ้ามากกว่าประเทศที่ด้อยพัฒนา

การศึกษาจะต้องระวังให้ถูกต้อง
มิฉะนั้นจะเป็นเครื่องมือรับใช้กิเลส
การศึกษามันจะไปรับใช้กิเลส
มันจะไม่รับใช้ธรรมะ ไม่รับใช้ศีลธรรม
มันเป็นการพัฒนาที่ไม่พัฒนา มันทำให้รกโลก

เราต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่
ไม่ใช่ทำหน้าที่เพื่อตัวกู ไม่บูชาเงิน
มิเช่นนั้นแล้วจะหาธรรมะไม่ได้ ธรรมะกลับไปอยู่ที่ท้องไร่ท้องนา

ท่านพุทธทาสภิกขุ
ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ............. :b8:

เจ้าของ:  jintana63 [ 08 ส.ค. 2009, 08:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณปลายฟ้า ค่ะ :b8:
ธรรมะสวัสดีค่ะ :b53: :b51: :b53:

เจ้าของ:  COMA! [ 09 ส.ค. 2009, 11:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

สวรรค์บ้านนา.../....เทพธัญญ์

...อัศดง ตรงขอบฟ้า คราเย็นคล้อย
ตะวันย้อย ลอยลงต่ำ ล้ำเวหา
ลมพัดแผ่ว แว่วสำเนียง เสียงนกกา
ท้องทุ่งนา คราเย็นย่าง ช่างวิไล

ทุ่งขจี สีเขียว เหลียวแลจ้อง
แดดอ่อนต้อง ทั่วท้องนา หญ้าไสว
ลมเย็นโชย โบยโบก โยกก้านใบ
โอนอ่อนไหว ในทุ่งนา คราสายัญ

มองเจ้าทุย ลุยกินหญ้า คราแดดร่ม
ดูสุขสม ก้มกินหญ้า น่าสุขสัน
นกเอี้ยงน้อย คอยเลี้ยงดู อยู่หลังมัน
ร้องขบขัน ประชันเสียงสำเนียงไพร

จูงเจ้าทุย ลุยคันนา มากระท่อม
เดินครวญเพลงบรรเลงกล่อม พร้อมคันไถ
เลาะชายทุ่ง มุ่งเถียงนา มาไม่ไกล
ถึงบ้านไพร ใกล้กองฟาง กลางทุ่งนา

ในราตี ที่ท้องนา คราพบค่ำ
เป็นประจำ สำเนียง เสียงพฤกษา
จักจั่นร้อง พร้องเรไร ไขวาจา
แว่วบรรเลงเพลงบ้านนา พาสุขใจ

ใกล้สว่าง กระจ่างฟ้า ครารุ่งเช้า
ลมแผ่วเบา เคล้าน้ำค้าง ช่างสดใส
เจ้าไก่โต้ง โก่งคอขัน ลั่นทุ่งไกล
ปลุกชาวนาคราหลับใหล ให้ตื่นกาย

เตรียมคาดไถ ใส่เจ้าทุย ลุยไถหว่าน
พร้อมสู้งาน ผ่านแดดอุ่น อรุณฉาย
จัดข้าวปลา อาหารห่อ พอเลี้ยงกาย
ตะวันสาย หมายมุ่งสู่ทุ่งนา

เป็นวิถีที่เรียบง่าย มาหลายยุค
คือความสุข คลุกเค้าดิน ถิ่นหรรษา
แดนสวรรค์ อันสุขี ที่บ้านนา
มีคุณค่า น่าหลงใหล ในครรลอง


ไฟล์แนป:
4863~Spring-Meadow-Posters.jpg
4863~Spring-Meadow-Posters.jpg [ 28.87 KiB | เปิดดู 18110 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 11 ส.ค. 2009, 21:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

มนต์ขลัง บ้านนา.../...ภัทราภา

สุริยนต์ส่องแสงแรงจากฟ้า
แผ่นภาขจรจ้ารัศมี
หมู่วิหกบินผกผินรื่นฤดี
คงไม่มีที่ใดเปรียบเทียบบ้านเรา

อยู่ท้องนาทาบฟ้าถึงทิวทุ่ง
หอมกลิ่นฟุ้งไอดินถิ่นฟางข้าว
เหลืองอร่ามท้องนาพาสกาว
เห็นรวงยาวดั่งเพชรเจ็ดมณี

ยามอาทิตย์อัสดงก็หลงแสง
ท้องทุ่งแดงดั่งทิบทิมประจิมสี
ดาวระยับเดือนประดับดั่งมณี
แต่งแต้มสีบุษราพาน่าชม

ไม่ต้องมีแสงนีออนสว่างนัก
ไม่ต้องมีเครื่องจักรพัดลมเป่า
แสงสลัวตะเกียงรั้วส่องเรียงราว
เพียงสายลมพัดเบาเบาเราชื่นใจ

ขอบคุณคนไร้สาระ..คุณป้าโคม่า...คุณjintana63, คุณdamjao...และกัลยาณมิตรทุกท่าน


ไฟล์แนป:
1201227616.jpg
1201227616.jpg [ 30.5 KiB | เปิดดู 18152 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ตรงประเด็น [ 12 ส.ค. 2009, 21:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ปลายฟ้า...ค่ะ เขียน:
...วิถีท้องนา.../...ธันวันตรี




ภาพสวยครับ

เห็น เจ้าทุย ตัวอ้วนกินหญ้าอยู่

เลย นำบทกวีเก่าที่เคยแต่งเล่นๆมาลงร่วมกระทู้น่ะครับ



ควายเย้ย

ควายคราคร่ำ คึกคัก เต็มท้องทุ่ง

มันมั่นมุ่ง เล็มหญ้างาม ตามวิสัย

ไม่เห็นควาย อนาทร ทุกข์ร้อนใจ

แล้วไฉน ตัวเรา ทุกข์เผาลน

หากผมทุกข์ อาจแย่ ยิ่งกว่าควาย

ไม่สบาย อุรา พาหมองหม่น

โดนควายเย้ย ทุกข์หนา ประสาคน

อลวน ขายหน้า ประสาควาย


ตรงประเด็น




ทุยเตือน

ทุยวานบอก ว่าชอกช้ำ ระกำจิต

เมื่อมวลมิตร มนุษย์เอ๋ย มาเย้ยหยัน

แต่ทุยน้อย...ฝากเตือน เพื่อนทั่วกัน

ว่าทุยนั้น ไม่เคยบ้า ฆ่าตัวตาย

แม้นว่าทุย ไม่ฉลาด หรืออาจโง่

ไม่ได้โม้ แต่ขอเตือน เพื่อนทั้งหลาย

หมู่มนุษย์ ผู้ฉลาด ปราชญ์มากมาย

เหตุไฉน ฆ่าตัวตาย ให้อายทุย


ตรงประเด็น

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 14 ส.ค. 2009, 11:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

รวงข้าวสุดท้าย...../...~ทิ~พ~ย์~...

มองฟ้าครามยามบ่ายช่วงปลายฝน
ช่อมะม่วงดอกหม่นหล่นเป็นสาย
เหนือตำบลข้าวหลวงรวงพลิ้วพราย
กระจัดกระจายห่มหล้าท้องนานั้น

ลมฤดูบอกข่าวหนาวจะล่วง
ดอกจานจวงบานสะพรั่งทั้งบัวผัน
ตื่นมารับแสงสรรค์รังสิมันตุ์
เกี่ยวไออุ่นแห่งวันต่อฝันไป

ต้นเดือนสามฟ้าครามไกลในลิบลิ่ว
เมฆหม่นเอยจะปรอยปลิวสู่แห่งไหน
สู่ปลายยุ้งทุ่งข้าวของสาวไพร
ฝากทายทักข้าวใหม่ใครหุงคอย

เดี๋ยวแล้งร้อนเดี๋ยวหนาวเคล้าดอกฝน
แต่ความจนไม่เปลี่ยนเต็มเกวียนหงอย
หากทุ่งฝันบิดเบือนและเลื่อยลอย
อาทิตย์เอยอย่าเพิ่งคล้อยซบอกดิน

ฝนสั่งฟ้าลาดินใครสิ้นหวัง
เมื่อนกนาทิ้งรวงรังไปเสียสิ้น
ไปรวดร้าวข่าวว่าไม่พอกิน
ขายนาน้อยให้เหลือบริ้นถิ่นกรุงไกร

ให้คนเมืองหว่านไถในไร่สาว
ฝนเม็ดร้าวตกพรูสู่เนินไศล
สิ้นฝนหมองผองคนจนจวนสิ้นใจ
ปวดระบมตรมในไร่นาทาม

ใบกระถินแห้งเหี่ยวร่วงเกรียวกราว
ริ้วลมว่าวไล่ลอดยอดมะขาม
เห็นเมฆลอยคล้อยเกลียวใจเปลี่ยวตาม
คล้ายนิยามบ้านป่านาวิชน

ฝนหลงฤดูลาสายปลายเดือนแล้ว
ท้องนาแนวเหลืองสุกทุกแห่งหน
ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในตำบล
หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน

ไกลแสนไกลลิบลิ่วทิวฟ้าสูง
ลูกยางยูงปลิดลอยลู่สู่ห้วยหาน
กระโดนทุ่งแต่งช่อจะรอบาน
เมื่อนกเขากู่ขานสิ้นสนธยา

หญิงชราถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว
ริ้วลมหนาวครืนสุดท้ายพัดพรายผ้า
ลึกในใจฝนหล่นคล้ายสายน้ำตา
ตกต้องฟ้าต้องดินสิ้นแรงรวง

ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง
ให้ลึกซึ้งจมดินสิ้นแหนหวง
เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง
เผื่อบวงสรวงขวัญค่าพาใครคืน

เมฆกระจายไม้ใบเริ่มไกวว่อน
นกคืนคอนเถิดหนาอย่าทนฝืน
สิ้นยุคทองชาวนาชะตาครืน
จะหยิบยื่นภูมิปัญญาทายาทใด

โอ้ฟ้าครามยามบ่ายปราดสายฝน
ทุกตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว
จิตสำนึกตายถมสังคมไทย
หญิงชรากล้าสุดท้ายสิ้นใจแล้ว!

สาธุค่ะ...คุณตรงประเด็น...วจีธรรมคุณมองลุทุกสิ่งล้วนจริงแท้...ธรรมะสถิตย์กาล...


ไฟล์แนป:
43924.jpg
43924.jpg [ 63.34 KiB | เปิดดู 18083 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 15 ส.ค. 2009, 15:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

แม่ฮ่องสอน...../......ก. สุวรรณวงศ์

แสนงดงามอร่ามเรืองเหลืองไสว
ครั้งหนึ่งได้ยลโฉมภิรมย์ขวัญ
บัวตองงามตามลานทุ่งพุ่งยอดพันธุ์
แสนสุขสันต์ฤดีแดแม่คะนิ้ง

หยาดน้ำค้างพร่างพรายปลายยอดหญ้า
งามภูผางามแท้งามแม่หญิง
แม่ฮ่องสอนก่อนได้แนบแอบอกอิง
สนิทนิ่งสถิตในฤทัยนาน

แดนสามหมอกดอกเหมยเคยพานพบ
มิรู้จบจดจำน้ำคำหวาน
ดอยกองมูงามด่นเห็นตระการ
ตั้งตระหง่านธาตุคู่เมืองเลื่องลือไกล

สุริยนต์ย่ำสนธยาฟ้างามเหลือ
เยือนเมืองเหนือเมื่อเหมันต์พลันสดใส
วัดจองคำ-จองกลางเขาสร้างไว้
สว่างไสวประทีปจุดพุทธบูชา

ธรรมชาติเสกสรรดังปั้นแต่ง
เดินชมแอ่งแหล่งน้ำถ้ำมัจฉา
แสนเพลิดเพลินเจริญจิตพิศหมู่ปลา
มัศยาน้อยใหญ่ใคร่ชวนชม

แม่สุรินทร์ถิ่นฐานละหานห้วย
พระพายชวยโชยมาพาสุขสม
หมู่แมงปอล้อหลีกปีกล้อลม
หริ่งระงมเรไรในอารัญ

จากพนาสู่หย่อมย่านบ้านในสอย
กระเหรี่ยงดอยคอยาวชาวเขตขันฑ์
ตั้งบ้านเรือนริมแนวป่าพนาวัน
อัศจรรย์ห่วงคล้องคอศอยาวเรียว

ถิ่นสามหมอกดอกบัวตองกองมูเด่น
ทิ้งได้เห็นไพรพนารุกขาเขียว
ธรรมชาติพิลาศแท้แน่จริงเจียว
ทางคดเคี้ยวโค้งกว่าพันดั้นด้นมา

ทิวาวารผ่านผันสู่วันใหม่
จำจากไกลในจิตคิดห่วงหา
เมืองสามหมอกดอกไม้งามอร่ามตา
เอ่ยอำลาลำปายสายนที


ไฟล์แนป:
riverhomezr3.jpg
riverhomezr3.jpg [ 80.64 KiB | เปิดดู 18112 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 17 ส.ค. 2009, 01:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ริมปลายนาฟ้าพลบพบความว่าง
จิตกระจ่างเงียบงามท่ามกระแส
หนาวน้ำฟ้าพร่างพรูสู่ดวงแด
สบคลองแควธารน้ำค้างกลางดวงจินต์

เขียวห่มเขียวห่มดินจินต์ห่มงาม
ล่วงเดือนสามรวงทองมิหมองสิ้น
งามคิมหันต์ตะวันตกนกโบยบิน
ตะแบกถิ่นร่วงแล้วทุกแนวไพร

งามตาลเดี่ยวคู่นาท่ามฟ้าโศก
โลกทั้งโลกแสนงามนิยามใหม่
ทิพย์ดวงตาฟ้าประทานประสานใจ
ใครซึ้งได้แท้สุดโชค..โลกอวยพร


ไฟล์แนป:
P_55585_บ้านไม้ไผ่-ริมน้ำ.jpg
P_55585_บ้านไม้ไผ่-ริมน้ำ.jpg [ 100.1 KiB | เปิดดู 18127 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 19 ส.ค. 2009, 01:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ข้าวในนาปลาในหนองชนผ่องใส
ชีวิตไทยกินอยู่ดูหรรษา
รู้จักให้แบ่งปันด้วยเมตตา
ข้าว บ้าน ยาสิ่งสำคัญปัญญาไท

มีพฤกษ์ไพรไร่นาพาสุขี
ไม้ผลมีไม้ปลูกสร้างเพิงอาศัย
เด็กวิ่งเล่นบนลานเบิกบานใจ
พระสอนให้รู้อ่านเขียนเรียนวิชา

ณ ที่นี่ตอนนี้มีทุกข์ยิ่ง
สรรพสิ่งแปรไปใจผวา
น้ำในหนองไม่พอจะทำนา
ไม่มีปลาแหล่งน้ำเน่าเข้ามาแทน

ท้องทุ่งนาแปรเปลี่ยนเป็นนิคม
ต่างระดมทุนสร้างกว้างสุดแสน
นายทุนล้วนต่างชาติต่างดินแดน
เจ้าของแคว้นถิ่นเก่าเข้าทำงาน

วิถีที่เปลี่ยนไปใจหดหู่
คงเหลืออยู่แต่เรื่องราวที่เล่าขาน
ล้มล้างสิ้นสิ่งสมอุดมการณ์
เกิดภัยพาลทุกข์เข็ญเช่นนี้เอง

กันนาเทวี


ขอบคุณพี่น้ำ..คุณป้าโคม่า...คุณjintana63, คุณdamjao...ลุงมะตูม
และกัลยาณมิตรทุกท่าน


ไฟล์แนป:
vang_vieng_14.JPG
vang_vieng_14.JPG [ 56.81 KiB | เปิดดู 17993 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 9 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/