ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

บทกวี...ท้องนา
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=24741
หน้า 8 จากทั้งหมด 9

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 พ.ย. 2009, 14:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

เย็นวันอาทิตย์ช่วงประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม
มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าเป็นสีม่วงดูแปลกตา
ที่จริงฟ้าคงจะเป็นสีนี้อยู่บ่อยๆ แต่เป็นฉันเองที่ไม่เคยเห็น
เมื่อไรท้องฟ้าเป็นสีเช่นนี้ เหมือนจะหอบฝนตามมาด้วย...
แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น...เลยไปคว้าเอากล้องไปถ่ายภาพท้องฟ้าเล่นๆ
ท้องฟ้าเป็นสีม่วงเหมือนใครเอาสีมาเท แล้วเกลี่ยไล่สีจนกลมกลืนไปทั่วผืนฟ้า

ในค่ำคืนดวงจันทร์ถักทอฉายแสงด้านหนึ่งของฟากฟ้า
แสงจันทร์ด้านนั้นที่เธอใฝ่หาสวยจับใจเธอ

มองกลับกันที่ฉันอยู่นี้ด้านมืดแห่งจันทร์
เป็นเพียงด้านนึงข้างหลังไร้แสงมืดมิดเธอไม่เห็นฉัน
เฝ้าอยู่อย่างเดียวดายอีกฝั่งนึงของพระจันทร์

คนที่เหงาอยู่ตรงนั้นเพื่อนคงไม่รู้ว่ามีใครเฝ้ามองดู
เธอได้แต่เห็นฝั่งแสงจันทร์ฉายฝันฉันแค่ด้านมืดของจันทร์เงาลางๆ


ไฟล์แนป:
1-01-017.jpg
1-01-017.jpg [ 59.53 KiB | เปิดดู 9579 ครั้ง ]

เจ้าของ:  บุหลัน..เลื่อนลอย [ 10 พ.ย. 2009, 15:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ยามเช้า...

ช่วงยามเช้าไม่มีอะไรจะงดงามเกินไปกว่าการเริ่มต้นชีวิตในเช้าวันใหม่
วันปกติอาจวุ่นวาย ครุ่นคิดกังวล หรือห่วงหาบางสิ่งบางอย่าง
ทั้งจากหน้าที่การงาน จากความจำเป็น จากภาระรับผิดชอบ จากความไม่สมคิดไม่สมที่ตั้งใจ
ยามเช้าของคนเมือง และผู้คนในเมืองใหญ่ จึงอาจเป็นเรื่องเร่งเร้าเร่งร้อน มากกว่าการทอดน่องกับชีวิต

แต่พอได้เห็นยามเช้าในบางคราที่ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบ
เราอาจได้คิดได้เข้าใจถึงโจทย์บางสิ่งที่ชีวิตหลงลืม
โจทย์ไม่ยากที่เรามักมอง มองผ่านหญ้า ผ่านลม ผ่านแสงแดด
และผ่านหัวใจของเราไป ในท่ามกลางความจริงที่ไม่มากมายนัก
สำหรับบางคน บางครั้งก็ต้องใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต กว่าจะเข้าใจความเรียบง่ายเหล่านี้
ให้ได้คิดได้เข้าใจว่า ทำไมชีวิตจึงห่างไกลจากสิ่งที่ควรเข้าใจมากมายนัก
หรือคิดทบทวนถึงเป้าหมายในชีวิต

ผมเคยเข้าใจถึงความสำคัญของแดดยามเช้า
ก็จนเมื่อโตขึ้นมา ในวันที่เดินป่าหน้าหนาว
วันคืนที่มีโอกาสนั่งรอยามเช้า
นั่งรอคอยแสงอันอบอุ่น จากวันที่เคยคิดว่า ไม่มีความสุขกับแดดยามเช้า
เมื่อชีวิตต้องวิ่งวนอยู่กับการเริ่มต้น ทั้งรถ ทั้งคน ทั้งความคิดตัวเอง
และทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่พึงใจ ยิ่งปะทะสังสรรค์กับความร้อนแรงของแดดเช้า
ผมยิ่งไม่เข้าใจ นานวันกว่าจะมีโอกาสเข้าใจ ถึงความเรียบง่ายเหล่านั้น

ที่ไม่ต้องซื้อหา ไม่ต้องมากมาย แต่นั่งลงทำสติกับชีวิต
ทำชีวิตให้นิ่งพอที่จะเรียนรู้ ที่จะเข้าใจและซึมซับว่า
แต่ละสิ่งแต่ละอย่างรอบตัวนั้น แก้ได้ เข้าใจได้ และเรียนรู้ได้
หากเรากล่าวคำว่าได้นั้นในหัวใจตัวเอง ในทุกครั้งที่คิด
และเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ และเรามีโอกาสที่จะเรียนรู้

ครั้งหนึ่งที่ผมมีโอกาสสุขใจยามเดินไปทำงานยามเช้า
ใช้วิธีการเดิน และใช้การเดินแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องมากมาย
แต่ค่อยไปกับเรื่องราวข้างทาง คิดไปเรื่อยเปื่อยถึงงานที่หนักหนา
งานที่คิดว่าควรปล่อยวางบ้าง ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่เราไม่สามารถครอบครอง
ผมคิดวนเวียนไปมาในขณะเดิน แต่คิดไม่ตก

ผมเพิ่งเข้าใจว่า ชีวิตที่ไม่มากมายและชีวิตที่ล้มลงได้นั้น งดงามเพียงใด
เมื่อมองเห็นแสงแดดกระทบผ่านเสาไฟฟ้า ระหว่างรอข้ามถนน
แดดเริ่มอุ่นอุ่น หัวใจเริ่มอุ่นขึ้น
เมื่อมองเห็นแสงแดดธรรมดา ผ่านเสาไฟฟ้าทอดเงาบนอิฐปูทาง
ผมเห็นสิ่งที่ไม่สลักสำคัญ เห็นวันในกลางฤดูฝน ที่กำลังอบอ้าว และเห็นแสงแดดที่เริ่มร้อนแรง
ผมเพียงแค่อยากจะเก็บภาพของแสงแดด ที่วางทอดตัวง่ายง่าย อย่างไม่มีรูปแบบ

แค่จังหวะที่ยืนรอข้ามถนน รอรถ รอผู้คน และรอจังหวะของหัวใจตัวเอง
ผมเหลียวไปหยิบกล้องจากเป้ ไม่ต้องเล็งมุมมากมาย
เพียงเพราะคิดว่า อยากได้ภาพเงาของเสาไฟฟ้า
แล้วผมก็เดินผ่านมา จนเมื่อมาดูภาพที่โหลดเก็บไว้ ผมกลับเห็นบางสิ่งที่ชีวิตหลงลืม

ภาพของแสงเงาที่ผมรู้สึกว่าสวยละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด และมากกว่าที่คาด
ยิ่งเมื่อความประหลาดใจวนเวียน และคิดได้ว่า เมื่อไม่คาดหวังมากมายนัก
ผมก็ไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ปรากฎ มิหนำซ้ำผมอดจะอบอุ่นใจไม่ได้
เมื่อเห็นความงามกว่าที่คาดของแสงเงา
ในวันที่รู้สึกดีเล็กๆกับชีวิต ที่ได้เดินไปทำงาน
ได้ออกกำลังกาย ได้คิดกับตัวเองเพียงลำพัง
เดินไปโดยไม่ยุ่งยากไม่ต้องเติมแต่งอะไรให้ร้อนใจ
และไม่ต้องคอยกังวลกับทุกสิ่งที่รายรอบ

ทางเดินเท้ายิ่งวุ่นวายน้อยกว่ารถราบนถนน ผู้คนเดินเท้าก็ไม่เร่งร้อน
เดินผ่านกันแบบไม่ต้องเบียดบัง ไม่ต้องแย่งยื้อ และไม่ต้องร้อนรน
วันนั้นผมแค่อยากเดิน และเดินอย่างเงียบๆ จนหลังจากมองภาพแสงเงา
ผมอดคิดไม่ได้ถึงความโง่เขลาเมื่อวัยรุ่น เมื่อมีโอกาสหัวเราะเยาะเพื่อน

หลังจากเพื่อนคนหนึ่งบ่นให้ฟัง ว่าเคยร้องไห้คิดถึงบ้านตอนไปเรียนต่อ

เขานอนร้องไห้คิดถึงบ้าน เพียงเพราะได้กลิ่นไข่เจียว
ขณะที่เรียนต่อต่างประเทศ ตอนนั้นผมอดรู้สึกขำขันไม่ได้
เหมือนที่เพื่อนบางคนเคยอธิบายถึงฉากสำคัญ เมื่อก้าวขากลับบ้าน
บางคนบอกว่าอยากก้มลงไปจูบพื้นดิน อยากกราบพื้นดินเบื้องหน้า
และบางคนเคยพูดถึงกลิ่นไอดินที่อดรู้สึกไม่ได้ ยามกลับมาถึงบ้าน และนอนฟังเสียงฝน

สำหรับบางสิ่งที่ชีวิตหลงลืม หรือทำสูญหาย
หลายครั้งที่หัวใจของเราจะคอยสะกิด และ เตือนให้เข้าใจ ในสิ่งที่ไม่มากมายเหล่านั้น
อาจคอยกระซิบข้างหู ให้เราได้เหลียวไปมอง กับบางสิ่งที่ทำให้เราอดรับรู้ไม่ได้
บางสิ่งอาจไม่ต้องการคำว่า ความสมบูรณ์แบบ บางสิ่งอาจไม่เป็นไปดั่งใจของเรา
เพื่อให้สมบูรณ์พร้อม หรือต้องเลิศเลอ แต่ประกอบด้วยความงดงามอยู่ภายใน

สำหรับแสงที่ทอทาบผ่านทางเท้า ผมเห็นเพียงความงาม ในท่ามกลางความธรรมดา
ที่ช่วยสั่งสอนให้ผมเข้าใจ ถึงสิ่งไม่มากของชีวิต


ไฟล์แนป:
03-952-381.jpg
03-952-381.jpg [ 39.17 KiB | เปิดดู 9576 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงมะตูม [ 11 พ.ย. 2009, 20:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ความสุขแบบเรียบง่าย

1. นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับตัว 3 ชั่วโมง

2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่

3. ลองปลูกต้นไม้เองซักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4. หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากจัง

5. ระหว่างแปรงฟังถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่า

6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก้อจะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7. ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด

8. การขึ้นบันไดสูงๆ แบบไม่ให้เมื่อย คือการไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไหร่

9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆทันทีที่เธอถามเค้าว่า "ช่วยพาข้ามถนนไหมค่ะ"

10.เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทาน ไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก

11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร" ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาทีรับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนเมื่อก่อน

13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จึงเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้งความเกลียดจะเบาบางลงไปเรื่อย ๆ

16.ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งจะดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้

17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันทำให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน

19.ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆก้อจะดูเหมือนมีเยอะขึ้น

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง

21.เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าให้คนที่ได้เยอะจนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด

22.ในวันที่รู้สึกเศร้าๆเหงาๆเดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกแล้วจะดีขึ้น

23.แอบรักใครซักคน ยังไงก็ดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นยังไง

24.ถึงจะไม่ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่นา

25.ฝึกโรแมนติกง่ายๆ คนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26.ถ้าเธอเช็ดกระจกบานที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมเธอจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27.พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม อาจไม่สนุกแต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่

28.วันที่ตื่นเช้าๆให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายนะ

29.แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่านมาก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30.ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน คุณจะเก็บเงินเพิ่มขึ้นได้อีกหลายบาท

...คนที่มีความสุข ไม่ได้หมายความว่า เค้ามีแต่สิ่งดีๆในชีวิตเต็มไปหมด

แต่มันอยู่ที่ว่า...เค้าทำความเข้าใจ...ยอมรับ...และพยายามทำสิ่งที่มี

อยู่ในชีวิตให้ดีที่สุดตะหากหละ... แล้ววันหนึ่งเราจะรู้ว่าการที่จำทำให้ชีวิตมีความสุข ไม่ใช่เรื่องยาก


ไฟล์แนป:
A7438577-12.jpg
A7438577-12.jpg [ 324.6 KiB | เปิดดู 9551 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ป่าอ้อ [ 19 พ.ย. 2009, 21:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

กาเหว่าร้อง กู่ไกล จากชายทุ่ง
หมอกยามรุ่ง ห่อหุ้ม คลุมบ้านป่า
ฝูงนกยาง เหินเวหน บนนภา
เจ้านก กา ออกหากิน ตามถิ่นตน

ตะวันสาย ปลายนา ไม่ว้าเหว่
ทุยเขาเก เลียบรอบ ขอบไพรสณฑ์
แทะเล็มหญ้า เป็นอาหาร สำราญชนม์
มิเหลือบยล คนนั่งแล ชะแง้ตาม

ท้องทุ่งนา เวลานี้ เปลี่ยนสีแล้ว
ดูเพริศแพร้ว รองเรือง เหลืองอร่าม
ผลผลิตแห่ง แรงงาน อันแสนงาม
เพียรพยายาม ยากเข็ญ เป็นรวงทอง

ลมเหน็บหนาว เข้าทักทาย กายสะท้าน
ทรวงหวั่นหวั่น วูบไหว ให้หม่นหมอง
ฤดูเปลี่ยน เวียนผัน ตามครรลอง
โอกาสจ้อง ถอยลด...หดสั้นลง...


ไฟล์แนป:
crimsonsunbird18.jpg
crimsonsunbird18.jpg [ 62.25 KiB | เปิดดู 9515 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กระบี่ไร้เงา [ 19 พ.ย. 2009, 22:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

:b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: tongue


ลมเหน็บหนาว เข้าทักทาย กายสะท้าน
ทรวงหวั่นหวั่น วูบไหว ให้หม่นหมอง
ฤดูเปลี่ยน เวียนผัน ตามครรลอง
โอกาสจ้อง ถอยลด...หดสั้นลง.....ป่าอ้อ

:b48: ยามลมหนาว โบยโบก วิโยคซ้ำ
จิตถลำ วนวัฏฏา พาใหลหลง
วันและคืน หมุนเวียนไป ไม่มั่นคง
ยามอัสดง อาทิตย์ลับ ใกล้ดับไป

:b48: คืนและวัน วนไป ไม่รู้จบ
จิตได้พบ สัทธรรม ล้ำสมัย
กลับแช่มชื่น ตื่นอีกครา ก่อนลาไป
น้อมหทัย สู่มรรคา มหามุนี

:b48: ใช้ชีวิตที่ เหลืออยู่ ให้มีค่า
เพียรภาวนา สร้างจิตใส ให้สู่ศรี
ละอกุศล ความชั่ว สู่ความดี
กุศลนี้ จักพาพบ สบความเย็น

:b48: ขออภัย ท่านป่าอ้อ ที่ล้อกลอน
พบอักษร ยามบรรยาย ผายให้เห็น
กระบี่ฯ จึง น้อมเข้า เร้าประเด็น
จากหนาวเหน็บ สู่ความเย็น เห็นนิพพาน


รูปภาพสาธุ ..... เจริญในธรรมค่ะ :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:



ไฟล์แนป:
1661413a7lrgzkeia.gif
1661413a7lrgzkeia.gif [ 238.6 KiB | เปิดดู 9522 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 21 พ.ย. 2009, 14:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ณ. ชั่วขณะนี้
สายลมสงัดงัน
ฝูงนกสงบเงียบ
โลกะธาตุอมตะหยั่งลง
ตัดกระแสแห่งเกิดและตาย
เหม่อมองธรรมจักรแห่งสันติ
เบ่งบานดังดอกไม้หนึ่งในราตรี

ณ ชั่วขณะนั้น
ดอกไม้แห่งอมตภาพแย้มบาน
ในสวนแห่งวจนะ คืออุปมา
ในยิ้มของผู้รู้แจ้ง
เพื่อเรียนรู้จิตแห่งมนุษย์

คืนนั้น บนสวรรค์ชั้นดุสิต
ทวยเทพทอดมองลงมา
เห็นโลกอันบรรเจิดจ้ากว่าดวงดาว
ขณะหมู่ดาราจักรเคลื่อนคล้อย น้อมบูชา

คืนนี้ คืนนี้
บนผืนโลก หมู่มนุษย์แหงนมอง
นัยน์ตาพร่าพรายด้วยอัสสุชลผินเพ่งสู่ฟากฟ้า

ในความมืด
มือมารสะบัดโบยด้วยความรุนแรงและเกลียดชัง
เสียงร้องของความรวดร้าวระงมทั่ว
เสียงโหยหาเหตุการณ์มหัศจรรย์
หวังให้นิรันดรภาพแย้มม่าน
ให้เงาอันธการละลายหาย

คืนนี้มีเดือนดาวเป็นพยาน
ขอโลกจงอธิษฐาน
ขอผู้คนจงพ้นซึ่งปลักทุกข์
และกลายเป็นเปลอ่อนนุ่ม
ให้ดอกไม้นั้นแย้มบานอีกครั้งหนึ่ง

คืนนี้หวัง
ความเกิดและดับจะข้ามพ้น
กระแสสินท์แห่งชีวิต
จะอาบย้อมหัวใจนับหมื่นดวง
หวังว่ามนุษย์จะเรียนรู้มรรควิถี
ค้นพบประสบสุขกุศลนำแล


ไฟล์แนป:
1174552180001.jpg
1174552180001.jpg [ 29.28 KiB | เปิดดู 9506 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 28 พ.ย. 2009, 16:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

Human Rights

Do not forfeit your right to live
With peaceful joy, with tears and laughter,
With purpose and view of the ever after,
Learn how to love and how to give.

Do not forfeit your right to live…
Do not pay homage to rage, to sorrow,
Save a few memories for tomorrow,

In every moment play your part!
For glory do not forsake your heart…
Embrace the NOW with delight!
To love, do not forfeit your right…

Do not forfeit your happiness…
Don’t live your life in token’s shadow

While there is sunshine in the meadows,
Even if you are penniless…
For life itself is pure happiness.

Do not forfeit your right to pray
If obstacles happen on the way,
There is no sin in honest toil…
Sow all your seeds in fertile soil,
Then share your bounty with thy neighbor.

Do not forfeit the joys of labor.
Do not forfeit your right to live.
Cherish your days, then close the chapter,
Before embracing the ever after.

Do not just forget, but forgive.
Thus you can earn your right to live…
Forever…

สิทธิมนุษยชน..

อย่ายอมสูญเสียสิทธิเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่
ไม่ว่าชีวิตนั้นจะสงบสุข มีแต่นํ้าตาหรือเสียงหัวเราะ
จงยืนหยัดในความต้องการและจุดมุ่งหมาย
เพื่อให้ได้เรียนรู้ถึงความรักและการเป็นผู้ให้ว่าเป็นอย่างใร

จงอย่ายอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างที่ต้องการ
อย่ายอมแพ้ความโกรธความรุนแรงและความเศร้าโศก
เก็บความทรงจำอันน้อยนิดเพื่อวันพรุ่งนี้

ในทุกนาทีของชีวิตทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง
เพื่อความรุ่งโรจน์ในชีวิต ไม่ใช่ให้กับหัวใจ
โอบกอดวันเวลาในยามนี้เพื่อความสุขสงบในจิตใจ
เพื่อความรัก อย่าปล่อยให้ชีวิตสูญเสียไปเปล่าๆ

อย่าปล่อยให้ความสุขเช่นนั้นหลุดลอยไป
อย่าให้ชีวิตจมปลักอยู่ในเงาของความเศร้าในอดีต

ในขณะที่แสงตะวันฉายอบอุ่นในท้องทุ่ง
ไม่ว่าจะลำบากยากไร้สักเพียงใด
แท้จริงแล้วการมีชีวิตอยู่นั้นช่างเป็นสุข

อย่าละเลยที่จะสวดมนต์หรือร้องขอความช่วยเหลือ
เพื่อเอาขวากหนามออกไปให้พ้นจากเส้นทางชีวิต
ไม่มีความผิดบาปใดๆที่เกิดจากความซื่อตรง
ให้หว่านเมล็ดแห่งชีวิตที่มีคุณค่าในแผ่นดินที่อุดม

แล้วจงแบ่งปันสิ่งดีๆที่ได้รับกับเพื่อนบ้าน
ให้ความช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อนด้วยความเต็มใจ
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอย่างที่หวัง อย่างที่ต้องการ
ด้วยความปิติยินดีในแต่ละวันของชีวิตที่ผ่านไป

ก่อนที่ฉากสุดท้ายในชีวิตที่จะมาถึง
จดจำอดีตไว้เป็นบทเรียนและอย่ารั้งรอที่จะให้อภัย
เพื่อได้รู้ว่า เธอได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่มีอยู่ตลอดไป


ไฟล์แนป:
index.php.jpeg
index.php.jpeg [ 181.5 KiB | เปิดดู 9490 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงมะตูม [ 30 พ.ย. 2009, 10:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

"ขอโทษ" เรื่องเล็กๆ ที่คุณๆ ไม่ควรมองข้าม...

วันนี้ลุงมีนิทานดีๆ ที่อยากจะนำมาเล่าให้ฟังกันนะครับ
เนื่องจากมีโอกาสได้ลองอ่านหนังสือเข็มทิศชีวิต
แล้วได้เจอกับนิทานดีๆจึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

เรื่อง ก็มีอยู่ว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวอยู่ 2 คน คือ พ่อกับลูก
ลูกชายคนนี้เป็นลูกคนเดียวมีนิสัยใจร้อน และอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย
จึงทำให้ทะเลาะกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง

อยู่ มาวันหนึ่งเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะไปปรึกษาพ่อว่าจะทำอย่างไรดี
เพื่อที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ พ่อจึงแนะนำไปว่า
“เอาอย่างนี้สิลูกรัก หากเมื่อใดลูกรู้สึกโกรธ
ให้นำค้อนกับตะปูไปตอกที่รั้วไม้ เพื่อที่จะได้เป็นการระบายอารมณ์
และถ้าวันใด ลูกรู้สึกว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้วให้มาหาพ่ออีกครั้ง”

เมื่อลูกได้ยินดังนั้นจึงปฏิบัติตามที่พ่อบอกทันที
เมื่อใดที่รู้สึกอารมณ์ฉุนเฉียวเด็กคนนี้ ก็จะวิ่งเอาค้อนไปตอกตะปูที่เสาทันที(จนเสาแทบพัง)
จนในที่สุดเด็กชายก็สามารถระงับอารมณ์ความโกรธได้
เขาจึงได้วิ่งไปบอกกับพ่อว่า “พ่อครับดูซิ ผมไม่โกรธแล้ว
ผมสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมไม่ต้องตอกตะปูที่รั้วแล้วล่ะครับ”

เมื่อ พ่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มทันที แล้วบอกต่อไปว่า
“เมื่อลูกรู้สึกตัวว่าสามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้
ให้ลูกวิ่งไปถอนตะปูทีละตัว เด็กชายปฏิบัติตามคำสอนของพ่อทุกอย่าง
จนในที่สุดเขาก็สามารถถอนตะปูได้จนหมด และวิ่งไปบอกพ่ออีกครั้ง

ครั้งนี้พ่อได้พาลูกไปที่รั้วแล้วชี้ไปที่รอยตอกตะปูแล้วบอกว่า
“ลูกทำได้ดีมาก ทีนี้ลองก้มไปมองที่รั้วดูสิ ลูกเห็นรั้วไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม
ลูกจำไว้นะเมื่อใดที่เราทำอะไรลงไปโดยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดรอยแผล
เหมือนกับการที่เรานำมีดไปแทงใครสักคนหนึ่ง ต่อให้เราขอโทษแต่ว่ามันก็ยังมีรอยแผลอยู่
ลูกจงจำคำว่าขอโทษไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะให้อภัยเราหรือไม่ก็ตาม
จำไว้อีกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่มีวันลืมไปตลอดเหมือนกับรั้วไม้อันนี้

เป็นอย่างไรบ้างครับอ่านนิทานเรื่องนี้จบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
จำไว้นะครับว่า
เมื่อใดก็ตามที่เราทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ สิ่งที่มักจะตามมาก็คือรอยแผล
ดังนั้นจงใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักให้อภัย และรู้จักขอโทษนะครับ

ShareThis


ไฟล์แนป:
014.jpg
014.jpg [ 53.04 KiB | เปิดดู 9464 ครั้ง ]

เจ้าของ:  บุหลัน..เลื่อนลอย [ 07 ธ.ค. 2009, 19:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

วาระสุดท้าย..แห่ง..มาลี

เกลากิ่งก้าน..ราน,ริด..ที่ผิดแปลก
ปลิดขั้วเรียว..เขียว,ใบแรก..แล้วแทรกเสริม
เป็นดอกดวง..ดุจ,ดำรง..มิคงเดิม
พอแต่งเพิ่ม..เติมช่อ...ก็..อรชร

เป็นดอกจูบ..ริมรูปจันทร์..แจกันแก้ว
วางเหนือแนว..แถวใบไม้..ริ้วลายสลอน
เฉกหนึ่งเนื้อ..ในปีกหงส์..ณ.วงละคร
เผาะกลีบสาว..ราวจะฟ้อน..อ้อนแสงไฟ

ครั้นสิ้นฉาก..มโหฬี...เวทีร้าง
รอยที่เหลือ..คือร่าง..ข้างกองไม้
แจกันแก้ว..ไม่ขานรับ..จับรูปใจ
ถูกทิ้งขว้าง..ทางเท้าใด..ใครรู้.ฤา ?.

จึงหลุดกลีบ..ร่วงกราว..เหมือนหนาวน้ำ
ผลัดดวงดอก..ชอกช้ำ..อย่างดึงดื้อ
กลบรอยร้าว..ราวหม่น..หล่นหลุดมือ
กลางลมพัด...ลัด,กระพือ..เพียงลำพัง

ที่ขอบทาง...ข้างเถิน..พะเนินว่าง
รอคอยคาว..น้ำค้าง..อย่างหมดหวัง
เมื่อรูปฉาย..ไม่จำหลัก..จักจีรัง
จบรูปใจ...ไหวภวังค์..ซังกะตาย

นั่น!.น้ำตา..มาลี...หรือ!.ผีเสื้อ ?.
หอบลมใด..ไปเผื่อ..เมื่อเธอพ่าย
หรือเจ้าแสร้ง..สำแดงเล่ห์..เพทุบาย
จูบรอยร้าว..กลีบสุดท้าย..แห่ง.มาลี..


ไฟล์แนป:
Digital_CG_spring_glory.jpg
Digital_CG_spring_glory.jpg [ 110.37 KiB | เปิดดู 9420 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ป่าอ้อ [ 13 ธ.ค. 2009, 22:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ฝากสายลมพาใจเพื่อนคนเศร้า
ที่คอยเฝ้าข่าวคราวเพื่อนอยู่ไหน
ทิ้งให้เพื่อนห่วงหาและอาลัย
รู้หรือไม่..ฟ้าไร้ดาว..มันมืดมล


ไฟล์แนป:
00449.jpg
00449.jpg [ 23.35 KiB | เปิดดู 9407 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงมะตูม [ 14 ธ.ค. 2009, 13:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

อย่ายอมสูญเสียสิทธิเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่
ไม่ว่าชีวิตนั้นจะสงบสุข มีแต่นํ้าตาหรือเสียงหัวเราะ
จงยืนหยัดให้ได้ตามความต้องการและจุดมุ่งหมาย
เพื่อเรียนรู้ถึงการเป็นผู้รับและผู้ให้..อย่างสม่ำเสมอ

อย่ายอมแพ้ที่จะมีลมหายใจอย่างที่ต้องการ
อย่ายอมแพ้ความเจ็บปวดและเศร้าโศก
เก็บความทรงจำอันน้อยนิดเพื่อวันต่อไป

ในทุกนาทีของชีวิตทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง
เพื่อความรุ่งโรจน์ในชีวิต ไม่ใช่ให้กับหัวใจ
โอบกอดวันเวลาในยามนี้เพื่อความสุขสงบในจิตใจ
เพื่อความรัก อย่าปล่อยให้ชีวิตสูญเสียไปเปล่าๆ

อย่าปล่อยให้ความสุขเช่นนั้นหลุดลอยไป
อย่าให้ชีวิตจมปลักอยู่ในเงาของความเศร้าในอดีต

ในขณะที่แสงตะวันฉายอบอุ่นในท้องทุ่ง
ไม่ว่าจะลำบากยากไร้สักเพียงใด
แท้จริงแล้วการมีชีวิตอยู่นั้นช่างเป็นสุข

อย่าละเลยที่จะสวดมนต์หรือร้องขอความช่วยเหลือ
เพื่อเอาขวากหนามออกไปให้พ้นจากเส้นทางชีวิต
ไม่มีความผิดบาปใดๆที่เกิดจากความซื่อตรง
ให้หว่านเมล็ดแห่งชีวิตที่มีคุณค่าในแผ่นดินที่อุดม

แล้วจงแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่ได้รับกับเพื่อนพ้อง
ให้ความช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อนด้วยความเต็มใจ
เธอยังมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอย่างที่หวัง อย่างที่ต้องการ
ด้วยความปิติยินดีในแต่ละวันของชีวิตที่ผ่านไป

ก่อนที่ฉากสุดท้ายในชีวิตที่จะมาถึง
จดจำอดีตไว้เป็นบทเรียนและอย่ารั้งรอที่จะให้อภัย
เพื่อได้รู้ว่า เธอได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าอยู่ตลอดมา

โดยปลายฟ้า...

พักผ่อนนะ...


ไฟล์แนป:
owkjc016.gif
owkjc016.gif [ 450.68 KiB | เปิดดู 9391 ครั้ง ]

เจ้าของ:  COMA! [ 14 ธ.ค. 2009, 20:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

ค่อยค่อยผ่านกาลก่อ เหมือนล้อเล่น
ชีวิตเช่นเมล็ดพันธุ์ สันนิฐาน
ผลิแตกยอดทอดใบ ล่วงวัยวาร
เจริญกาลเติบใหญ่ ดอกใบดล

แต่ละจิตแต่ละใจ กว่าได้รู้
อนิจจังตั้งอยู่ ทุกแห่งหน
แต่ละกิ่งก้านขั้ว ของตัวตน
แตกเป็นทางดิ้นรน มิบันเบา

ทีละใบทีละกลีบ ไม่รีบเร่ง
ร่วงพื้นเด้งทีละดอก เพื่อบอกเล่า
กาลเวลาที่ไหววูบ ผ่านรูปเงา
พรากวัยวันแห่งเรา ไปลับลา

ทีละร่างวางนิ่ง ผละทิ้งร่าง
เหมือนความตายมิหายห่าง ในค้นหา
ทีละคนหล่นลับ นับชีวา
ญาติโกโหติกา สรรพชีวี

ปลดทิ้งขั้วตัวตน เพื่อหล่นร่วง
คืนสรรพธรรมทั้งปวง สู่วิถี
สิ่งจรุงปรุงสร้าง อันต่างมี
จักวางคืนธรณี ตถตา


ไฟล์แนป:
0ff1e8e0910_web.jpg
0ff1e8e0910_web.jpg [ 62.82 KiB | เปิดดู 9276 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ป่าอ้อ [ 15 ธ.ค. 2009, 09:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

“เพลงลาแล้ว” แผ่วพลิ้วละลิ่วล่อง
“เพลงหม่นหมอง” กลบทับคลอขับขาน
“เพลงเดียวดาย” ร่ายลำนำค่ำคืบคลาน
“ เพลงรักหวาน ” เลือนหายจบท้ายเพลง

ทุกเพลงแผ่วแว่วทำนองดังก้องหู
เตือนรับรู้กู่ขานปานข่มเหง
ให้เหงาเหงาเงียบหงิมอิ่มวังเวง
ทุกบทเพลงผ่านเข้ามาอย่างท้าทาย

ทำอย่างไรไฉนดีหนอชีวิต
ทบถูกผิดคิดคว้างร้างจุดหมาย
ครุ่นขบคิดใคร่ครวญก็อวลอาย
เพียงแพ้พ่ายเพลินภิรมย์จึงตรมตรอม

พักผ่อนรุ่งพรุ่งนี้ไว้ที่หวัง
เป็นพลังชื่นสดับไว้ขับกล่อม
เก็บจำนรรจ์ปันเยื่อใยใจเอื้อออม
ไว้ดมดอมหอมมิตรภาพตราบวางวาย

“ เพลงคิดถึง” ซึ้งทรวงล่วงล่องลิ่ว
ให้หวิวหวิวไหวไหว...โอใจหาย
ต่อแต่นี้ฤดีแด....แน่เดียวดาย
ยิ้มเอียงอาย.....หน่ายอรรถรส....ทุกบทเพลง.

ไออุ่นพฤษภา


ไฟล์แนป:
0ff1e1e014_web.jpg
0ff1e1e014_web.jpg [ 121.3 KiB | เปิดดู 9268 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กระบี่ไร้เงา [ 15 ธ.ค. 2009, 14:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

:b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: tongue

กระบี่ไร้เงา เขียน:
tongue

:b41: ชื่อ "ปลายฟ้า" มองเห็น เด่นปลายฟ้า
กลางนภา หามองเห็น ถึงปลายไม่
ได้แต่คิด ปลายของฟ้า อยู่หนใด
ปลายฟ้าไกล แค่ไหน คงหาเจอ

:b41: มองเข้ามา ในกายา หาจิตเจ้า
จิตของเรา คำว่า "เรา" เขลาเสมอ
อยู่ในกาย กลับใจหาย หาไม่เจอ
ดุจดั่งเพ้อ มองหาใจ ไกลสุดตา

:b41: ปลายฟ้าเห็น ลิบลิบ ยังเห็นอยู่
เหลือบตาดู มองภายใน ใคร่ศึกษา
ปลายดวงจิต อยู่ภายใน หรือไกลตา
ในกายา กลับดั่งไกล เกินใจมอง

:b41: ทำอย่างไร ให้เห็น ปลายของจิต
คงต้องชิด ศาสนาไว้ ให้ไกลหมอง
มีทางเดียว ผลเอนก เอกครรลอง
ทางหนึ่งเดียว ไม่มีสอง อริยมรรคฯ



:b41: :b41: เจริญในธรรมค่ะ :b41: :b41: tongue

Quote Tipitaka:


น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย
น ปิตา นปิ พนฺธวา
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส
นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา
เอตมตฺถวสํ ญตฺวา
ปณฺฑิโต สีลสํวุโต
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ
ขิปฺปเมว วิโสธเย



บัณฑิตทราบอำนาจเนื้อความว่า
“บุตรทั้งหลายย่อมไม่มีเพื่อต้านทาน,
บิดาและพวกพ้องทั้งหลาย ก็ไม่มีเพื่อต้านทาน
เมื่อบุคคลถูกความตายครอบงำแล้ว
ความต้านทานในญาติทั้งหลายย่อมไม่มี” ดังนี้แล้ว
เป็นผู้สำรวมในศีล
พึงชำระทางเป็นที่ไปพระนิพพานให้หมดจดพลันทีเดียว



:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:


:b48: ที่แสนไกล ณ ปลายฟ้า มีปลายฟ้า
จากโลกา สู่แดนดิน ถิ่นสวรรค์
จิตที่มั่น ก่อนจากไป ไกลจากกัน
อุบัติพลัน ณ แดนสรวง ห้วงเทวา


:b48: กระบี่ฯ น้อม คารวะ ผู้ละจาก
สิ้นทุกข์ยาก เศร้าโศก วิโยคหา
ขอกุศล กระบี่ฯ ที่ทำ น้อมนำพา
ผสานพา ให้
ปลายฟ้า...ค่ะสู่หล้าธรรม



รูปภาพ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

ไฟล์แนป:
stairway_to_heaven.jpg
stairway_to_heaven.jpg [ 35.55 KiB | เปิดดู 9303 ครั้ง ]

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 15 ธ.ค. 2009, 15:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บทกวี...ท้องนา

:b8: :b8: :b8:

ขอเก็บชื่อ"ปลายฟ้า..ค่ะ"ไว้ในความทรงจำที่ดี ๆ

ที่เคยมี ณ ลานธรรมจักรแห่งนี้

หลับให้สบายเถิด

ปลายฟ้า..ค่ะ

:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
16.jpg
16.jpg [ 35.63 KiB | เปิดดู 9333 ครั้ง ]

หน้า 8 จากทั้งหมด 9 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/