วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=8



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 19:21
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พิภพอสูร

เทพแห่งแสงสว่างเคลื่อนราชรถมาตรงศีรษะสามเนื้อนาบุญพอดี แม้อากาศจะไม่ร้อนนักด้วยเป็นช่วงฤดูหนาว แต่เหงื่อเม็ดโป้งๆก็ไหลอาบใบหน้าและโซมกาย ตั้งแต่เช้าตรู่สามสมณะยังเดินบุกป่าฝ่าดงทึบ ขุนเขาอันสูงชัน หนทางบางช่วงก็คดเคี้ยวไปมา บางแห่งก็เดินสบาย แต่บางแห่งก็แสนจะทุรกันดาร จีวร แขน ขา เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากหนามของเถาวัลย์บ้าง หนามไผ่ป่าเกาะเกี่ยวบ้าง เชื้อพระพุทธองค์ที่มีจิตใจตั้งมั่นในการเดินทางสู่มหานครลี้ลับก็ไม่รู้สึกท้อถอยแม้แต่น้อย เหมือนเทวดารู้ใจ ขณะนี้สามหน่อพุทธวงศ์กำลังเกิดเวทนาจากการกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่ง ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเหมือนมารกลั่นแกล้ง น้ำก็หมดจากกระบอกที่เตรียมมา แหล่งน้ำก็ไม่เจอแม้แต่หนองน้ำเล็กๆ แต่บัดนี้...บึงใหญ่มีน้ำใสไหลเย็นปรากฏอยู่ข้างหน้านั้นแล้ว บึงใหญ่ที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าของคณะธุดงค์นี้ มีความกว้างใหญ่สุดลูกหูกตามองดูคล้ายปากอ่าวทะเลหรือทะเลสาบขนาดใหญ่ยักษ์ที่ไม่เคยเห็นในโลกภายนอก มีหมู่โขดหินสลับซับซ้อนโผล่เหนือแผ่นน้ำเป็นหมู่ๆ เป็นเกาะแก่งเป็นแถวเป็นแนวได้ระเบียบสวยงามตระการตาดั่งมีนักแต่งสวนหินมือหนึ่งของโลกมาจัดแต่งเอาไว้ บางเกาะแก่งก็มีลานหินเอาไว้นั่งหรือนอนเล่นดูสะอาดสะอ้านมาก และแผ่นลานหินที่อยู่ล้อมรอบบึงใหญ่นี้ก็มีขนาดกว้างใหญ่ยังกับสนามฟุตบอล สะอาดสวยงามพื้นหินมีสีเหลืองทองดุจปานว่าปูด้วยแผ่นทองคำฉะนั้นแล ทั่วบริเวณกลางบึงอันกว้างไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วยเหล่าดอกบัวหลากสีสายพันธุ์แปลกๆมากมาย ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิต บางสายพันธุ์ก็มีดอกขนาดใหญ่เท่ากะด้งฝัดข้าวสีขาวล้วนก็มี สีขาวปนแดง ชมพูปนแดง เหลืองปนขาว ขาวสลับเขียว แดงล้วนๆ ชมพูล้วนๆ เป็นต้น ดอกบัวบางกลุ่มก็กำลังโผล่ปริ่มผิวน้ำ บางกลุ่มก็กำลังเบ่งบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ หมู่ภมรผึ้งป่านาๆหลากสายพันธุ์ต่างพากันบินมาเคล้าเคลียดื่มดูดเอาน้ำหวาน เสียงปีกหมู่แมลงหลากหลายดังอื้ออึงประสานเสียงน่าฟังนัก ฝูงปลาหน้าตาแปลกมีมากมายดำผุดดำว่ายหยอกเย้ากันไปมาน่าดูน่าทัศนา ธารน้ำใสไหลทอดสายมาจากทิศเหนือไหลตามไหลลงมาตามไหลเขาที่ทอดสูงชันเสียดเมฆ มองดูเหมือนว่าสายน้ำอันกว้างใหญ่นี้ไหลลงมาจากแดนสวรรค์อย่างนั้นแหละ มีเกาะแก่งหินโผล่ตามลำธารสลับกันเป็นแถวเป็นชั้นเป็นเชิงสวยงามยิ่งนัก
หน้า 17
สายมหาลำธารไหลผ่านบึงใหญ่ไปทางทิศตะวันตกไหลเอื่อยๆมุ่งหน้าสู่มหานทีสีทันดร (แม่น้ำโขง) อันไกลโพ้น เสียงนกป่าหลากสีสันหลายสายพันธุ์แสนสวยงาม พากันส่งเสียงประสานกันไพเราะดั่งสรรพเสียงสำเนียงนางเทพธิดา กำลังขับขานบทเพลงแห่งเมืองแมนแสนไพเราะจับใจพาให้เคลิบเคลิ้ม ดอกไม้ป่ามากมายสายพันธุ์ ดอกมะลิซ้อนป่ามีดอกเท่าบาตรพระสีดอกขาวโพลนออกดอกเต็มต้น มีต้นเท่ากับต้นพิกุลทอง มีอยู่มากมายขึ้นดารดาษนับต้นไม่ถ้วน มีทั้งจำปี จำปา เบญจมาศ ดอกแก้ว ดาวเรือง ยี่โถ ชงโค ดอกโมกข์ ดอกตะเคียนทอง ดอกว่าน กล้วยไม้หลายหลากสายพันธุ์ ห้อยพวงระย้าเกาะตามกิ่งค่าคบไม้ใหญ่ ออกดอกสะพรั่งหลากสีสลับกัน ยังมีหมู่มวลมาลาทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักมีอีกมากมายจนคำนวณไม่ถ้วน สีสันของดอกไม้ทั้งหลายในป่าแห่งนี้มีสีแปลกๆทั้งสุดสวยงามทั้งแฝงเร้นด้วยลี้ลับอาถรรพ์ ที่แดงก็แดงเหมือนเลือดมนุษย์สดๆ หลวงพ่อพระอาจารย์ใหญ่สั่งห้ามผู้ติดตามอย่าเข้าใกล้พวกมันเด็ดขาด ท่านบอกว่าเลือดสดๆคืออาหารโปรดของมัน แต่ดอกมีดอกไม้บางสายพันธุ์มีสีของดอกเป็นสีน้ำเงินสดสวยงามมาก บางพันธุ์ก็เป็นสีม่วงสด สีดำสด บางพันธุ์ก็มีเจ็ดสีในดอกเดียวกัน ดอกไม้เกือบทุกชนิดมีขนาดของดอกใหญ่เท่าบาตรของพระในสมัยโบราณ ใหญ่กว่านั้นก็มี เล็กกว่าก็มี แต่ที่ไม่เห็นคือดอกเท่าในบ้านเมืองของเราไม่มีให้เห็นแม้แต่ดอกเดียว น่าอัศจรรย์จริงๆ และยังมีดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่มองดูแล้วรู้สึกขนลุกชูชันขึ้นทั้งตัว มันเป็นดอกว่านที่แทงดอกโผล่ขึ้นมาจากเดินมันไม่มีต้นมีกออะไรมีแต่ดอกล้วนๆ สีของดอกเป็นสีดำสนิทปนสีแดงเลือดสด “มันคือว่านผีปอบ มันมีดวงจิตวิญญาณร้ายสิงสถิตอยู่ เมื่อใดมีใครไปดึงหรือขุดเอาพวกมันขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อนั้นผืนพงป่าแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยความตาย” หลวงพ่อใหญ่เอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ถึงอย่างไรดอกว่านชนิดนี้ก็มีความงดงามจับใจดึงดูดอารมณ์ของคนที่ทัศนาให้เคลิบเคลิ้มงวยงงดั่งถูกมนต์ดำสะกด” หมู่มวลมาลาเอนก้านกิ่งไหวสะบัดกลีบดอกพลิ้วล้อเล่นลม ดุจดั่งเทพยอัปสรกรีดนิ้วฟ้อนรำไปตามจังหวะคีตดนตรีแห่งสิขีเทพบุตร โปรยพรมกลิ่นหอมเย็นที่แสนประหลาดไปทั่วผืนไพร เสียงเก้งกวางแลสรรพสัตว์ป่าระเริงร้องเสียงก้องกังวานประสานกันเป็นระยะๆ บนท้องนภากาศหมู่เมฆสีขาวนวลเกาะกลุ่มล่องลอยไปตามสายลมบนอย่างสบายใจโดยมีผืนฟ้าสีครามสดใสกางกั้นเป็นฉากหลัง ห้วงเวหาหาวเหล่าวิหคนกน้อยใหญ่บินฉวัดเฉวียนล้อเล่นลมกับหมู่แมลงปอ ผีเสื้อปีกใหญ่แสนสวยมากมายหลายสายพันธุ์ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่สีปีกบางตัวก็งดงามอย่างประหลาดมีสีเลื่อมพรายระยับดุจเส้นไหม บ้างก็บินระเริงลมและเหย้าหยอกกัน บ้างก็แวะเวียนบินโฉบดูดกินน้ำหวานจากกลีบมาลาที่แย้มกลีบบานท้าทาย ไม่มีจิตรและนักศิลปะใดๆในโลกนี้แหละโลกไหนๆอีกแล้วที่จะเก่งไปกว่านักออกแบบและนักสร้างสรรค์ที่มีนามกรว่า “ธรรมชาติ”
น้ำใสยิ่งกว่ากระจกเงาในบึงใหญ่กลางขุนเขา ช่างเย็นฉ่ำหวานชื่นใจดุจดั่งน้ำทิพย์ ความเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางขึ้นเขาลงเนินหนทางอันคดเคี้ยว เหือดหายราวปลิดทิ้ง มันชุ่มฉ่ำสดชื่นมีพลังเหมือนได้เสพน้ำทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ สามหน่อเนื้อเชื้อโพธิญาณหลังลงสรงสนานรูปกายอันชุ่มเหงื่อมาหลายวันแล้ว ก็พากันขึ้นมานั่งพักผ่อนชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามตระการตานั้น เพื่อประทับภาพความงดงามที่แสน
หน้า 18
ประหลาดมหัศจรรย์พันลึก ที่หาทัศนาที่ไหนมิได้อีกแล้วในโลกนี้ เก็บเอาภาพที่สุดงามแสนพิสดารนั้นลงไว้ในความทรงจำให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อจะได้นำมาเล่าให้ลูกหลานที่อยู่ในโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายความปรุงแต่งฟังบุญใจ และจะได้ซาบซึ้งถึงความมีบุญคุณของธรรมชาติ จะได้เกิดความรักความหวงแหนสิ่งต่างๆที่
ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้แก่ชาวโลก รวมถึงตัวของชาวโลกเองด้วย ความงดงามอันมหัศจรรย์เช่นนี้มีอยู่เฉพาะในผืนป่าดงดิบแห่งนี้เท่านั้นในโลก
ในขณะที่ หนึ่งพระอาจารย์กับสองลูกศิษย์กำลังเพลิดเพลินกับความงามต่างๆของธรรมชาติรอบตัวที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงดังหึ่งๆๆ มาจากเบื้องบนท้องฟ้า ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงบินของฝูงผึ้งป่าฝูงใหญ่ยักษ์ เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา สามสมณะเงยหน้าแหงนมองไปยังทิศทางที่เกิดเสียงนั้น ดวงสุริยันพลันมืดมัวไปชั่วขณะเมื่อกลุ่มฝูงบินอะไรบางอย่างบินผ่านลำแสง พวกมันบินดิ่งลอยต่ำลงมายังกลบางบึงใหญ่ที่คณะธุดงค์นั่งพักผ่อนอยู่ สายลมเกิดปั่นป่วนขึ้นในฉับพลัน ใบไม้โบกใบสะบัดกระทบกันดังเกรียวกราว หมู่วิหคนกกาแลผีเสื้อป่าพากันตระหนกตกใจบินแตกฮือไปคนละทิศละทาง
ภาพที่เห็นจะๆปรากฏต่อสายตาหกดวงของสามผู้ทรงศีล มันเป็นมนุษย์ตัวล่ำสันใหญ่โต ผิวดำเป็นเงามันมะเมื่อม ใส่เครื่องแต่งกายคล้ายๆตัวยักษ์ในรามเกียรติสวมใส่เสื้อผ้าต่างสี บ้างเป็นชุดสีดำ บ้างชุดเขียว บ้างชุดแดง สวมเครื่องประดับด้วยเพชรนิลจินดาแพรวพราย สวมกำไลข้อแขนข้อเท้า ใส่ต่างหูเป็นวงกลมใหญ่ล้อมด้วยเพชรพลอยแวววับ ใส่สร้อยคอเส้นใหญ่เป็นทองคำร้อยด้วยเพชรเม็ดโตๆ ผมดำหยิกม้วนเป็นเกลียว ดวงตากลมใหญ่เหลือกถลน จมูกโด่งบานใหญ่ ตามแขน ขา ลำตัวมีขนขึ้นดกหนาคล้ายคิงคอง ในมือถืออาวุธครบทุกตน อาวุธที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นขวานเล่มโตมหึมา และเป็นหอมสามง่าม โตมร ดาบง้าวประดับเพชรสีประกายรุ้งพราวระยับยามต้องแสงตะวัน
พอพวกมันเหาะลอยลงมาถึงกลางบึง ก็พากันเนรมิตกายที่ใหญ่โตเล็กลงเหลือตัวเท่าเด็กทารกแรกคลอด แล้วพากันมุดหายเข้าไปในใจกลางดอกบัวดอกมหึมาที่บานสะพรั่งหลากสีหลากสายพันธุ์ มากมายมหาศาลที่ผุดเต็มท้องน้ำแห่งบึงใหญ่กลางมหานครขุนเขาลี้ลับนั้น ตะลึงงันกับภาพเหตุการณ์อันระทึกนั้นเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แล้วทุกสิ่งก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ “มันเป็นพวกอสูรแตกทัพ พวกอสูรเหล่านี้มันสู้รบกับพวกเทวดามาเป็นเวลาล้านๆปีมาแล้ว พวกมันไม่เคยรบชนะพวกเทวดาแม้สักครั้งเดียวเลย น่าสงสารจริงๆ” หลวงปู่แพงตาเริ่มไขข้อสงสัยแก่ศิษย์ทั้งสอง “อ้าว..ไม่เคยชนะเลย แล้วจะไปสู้กับพวกเขาทำไมกันละขอรับหลวงพ่อ แล้วมันเรื่องอะไรกันพวกอสูรจึงต้องพยายามไปเปิดสนามรบกับพวกเทวดาโดยไม่ยอมเลิกราอยู่อย่างนั้น” สามเณรน้อยเอ่ยถามหลวงพ่อผู้เป็นพระอาจารย์ด้วยความสงสัยเต็มกำลัง หลวงปู่ผู้เปี่ยมด้วย
หน้า 19
เมตตามองหน้าศิษย์ตัวน้อยด้วยความเอ็นดู ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มกังวานราบเรียบเล่าเรื่องย้อนหลังขึ้นว่า
น้ำอำมฤต
“ย้อนเวลาถอยหลังไปสักหนึ่งพุทธันดร โลกขณะนั้นยังว่างจากพระพุทธเจ้า ในเมืองแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มจำนวนสามสิบคนเป็นเพื่อนรักร่วมน้ำสาบานกัน และ สามสิบสหายนี้เป็นคนที่ชอบสร้างสาธารณะกุศลเช่น ชอบสร้างถนนหนทาง สร้างศาลาพักร้อนแก่คนเดินทาง สร้างสวนสาธารณะ โดยสหายทั้งสามสิบคนนี้เป็นมหาเศรษฐีของเมือง มีทรัพย์เทียบเท่ากัน สร้างสาธารณะกุศลอะไรๆ จึงไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครมาร่วม พวกเขามีพาหนะเครื่องทุ่นแรงแทนรถแมคโครก็คือช้างหนึ่งเชือก ช้างตัวนี้เป็นช้างตัวใหญ่มีพละกำลังมาก ต้นไม้สิบคนโอบมันก็ดันให้ล้มลงได้ภายในพริบตา จะลากจะหามน้ำหนักเป็นสิบตันมันทำได้สบายๆ ช้างเชือกนี้มีชื่อว่าเอราวัณมันเป็นช้างเผือกเสียด้วย หัวหน้าแห่งสหายทั้งสามสิบคน เขามีภรรยาแสนสวยสี่คน เมียคนที่หนึ่ง คนที่สอง และคนที่สามชอบทำบุญเหมือนสามี ส่วนเมียน้องนุชคนสุดท้ายวัยรุ่นกว่าเพื่อน ขอแต่งตัวรอผัวอยู่บ้าน เมียทั้งสี่ของมาณพผู้เป็นพี่ใหญ่นี้พวกเธอรักและสามัคคีกันดีร้อยวันพันปี ไม่มีคำว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นที่ชื่นสำราญใจแก่มาณพหนุ่มผู้เป็นสามีมาก
วันเวลาผ่านพ้นไป สามสิบสหาย ช้างหนึ่งเชือกและภรรยาทั้งสี่ก็สิ้นชีพตักษัยไปตามกฎพระไตรลักษณ์ ด้วยอำนาจแห่งบุญใหญ่ที่พวกเขาได้ทำไว้ ก็ดึงดูดนำพาดวงวิญาณอันเปี่ยมด้วยบุญของพวกเขาขึ้นพร้อมด้วยบริวารที่เกิดจากบุญอีกมากมายนับเป็นแสนๆโกฏิ (โกฏิหนึ่งมีจำนวนเท่ากับสิบล้าน) ไปปรากฏกายทิพย์ยังเทวะโลกชั้นที่สอง แต่ทว่าในดินเดนแมนสรวงแห่งนี้มีเจ้าของเดิมครอบครองอยู่ก่อนแล้ว จะทำไฉนดีหละ ครั้นจะพากันเลยขึ้นไปสวรรค์ที่สามอำนาจบุญก็ไม่พอ ครั้งจะย้อนลงยังสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง อำนาจของพวกตนก็มากกว่าสวรรค์ชั้นนี้ก็รองรับไม่ได้ ขืนลงไปแผ่นดินเทวะโลกชั้นนี้ก็จะถล่มทลาย
ย้อนกลับไปพิจารณา สภาพการเป็นอยู่ การปกครองของเจ้าของเดิมดูอีกครั้งก็เห็นขัดเจนว่า เทพเจ้าของเก่าที่ครอบครองอยู่นี้มีนิสัยชอบดื่มน้ำอำมฤต ดื่มแล้วก็มึนเมาไร้สติสมปดี ไม่สนใจที่จะดูแลช่วยหมู่มนุษย์ตามหน้าที่แห่งตน แถมยังลงไปสิงสู่หมู่มนุษย์ให้หลงใหลมัวเมาในสิ่งมึนเมาต่างๆ เกิดความเสียหายเสียศีลผิดธรรม เดือดร้อนวุ่นวายในครอบครัวในสังคม พากันไม่ประกอบสัมมาอาชีพอะไร วันๆก็หาแต่เรื่องดื่มเรื่องเมา อย่ากระนั้นเลยเหมาะแล้วที่พวกเราชาวเทพใหม่ ควรจะหาที่อยู่ใหม่ให้แก่เทพอสูรเหล่านี้ เมื่อที่ประชุนเทพสันนิบาตลงมติพ้องกันเช่นนั้นแล้ว เทพผู้เป็นหัวหน้าก็เข้าไปเจรจาประเล้าประโลม จอมเทพอสูรผู้เป็นใหญ่ ให้จัดพิธีกวนน้ำอำมฤตขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองการมาเยือนอาคันตุกะเทพทั้งหลาย จอมอสูรเทพหลงเชื่อ ประกอบกับฤดูแห่งการกวนน้ำอำมฤตได้มาถึงพอดี จึงเป็นจังหวะที่โชคดีของเหล่าทวยเทพใหม่ เมื่อ
หน้า 20
พิธีกวนมหาน้ำเมาเสร็จสิ้นลง ราชันแห่งอสูรเทพมีรับสั่งให้จัดงานรื่นเริงเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนานครึกครื้นตามอุปนิสันดานของคนชอบเมา
ในที่สุด หมู่อสูรเทพทั้งหลายผู้ตกเป็นทาสของน้ำเมา ก็ถูกทวยเทพใหม่มอมเมาด้วยน้ำอำมฤตจนเมาพับสลบไร้สติสัมปชัญญะกันถ้วนหน้า เมื่อเหล่าเทพผู้ครอบครองนครเทพเก่าสลบไร้สติกันหมดแล้ว เทพหัวหน้าก็มีเทวะบัญชา ให้เทพบริวารจับเทพอสูรทั้งหมดโยนลงไปยังใต้เขาพระสุเมรุราชอันเป็นแกนกลางของโลก อันว่าพื้นพิภพใหม่ที่พวกอสูรเทพตกลงมานี้ ภูมิประเทศต่างๆ มีลักษณะไม่ผิดเพี้ยนอะไรกับพื้นพิภพของสรวงสวรรค์ชั้นเดิม เมื่อจัดการเนรเทศเจ้าของเดิมออกไปหมดสิ้นแล้ว เหล่าทวยเทพทั้งปวงก็ทำการสถาปนามาฆะมาณพเทพผู้เป็นหัวหน้า ให้ขึ้นเป็นองค์มหาเทพจอมจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ถวายพระนามว่า “ท้าวสักกะเทวะราช” เนรมิตปราสาทสูงร้อยโยชน์ขึ้น (โยชน์หนึ่งเท่ากับสิบหกกิโลเมตร) เป็นที่ประทับ ถวายชื่อปราสาทว่า “ไพชยนต์มหาปราสาท” สว่างไสวด้วยเพชรนิลจินดา แก้วประพาฬ แก้วมณีโชติ เปลี่ยนชื่อประเทศใหม่ว่า “ตาวะติงสา หรือดาวดึงส์สวรรค์” ตาวะติงสาแปลวาสามสิบ หมายถึงมีพระอินทร์สามสิบองค์นั้นเอง ช้างพาหนะประจำทีมงานก็ไปเกิดเทพบุตรนามว่า “มาตุลีเทพบุตร” ทำหน้าที่ขับราชรถให้พระอินทร์ แต่บางครั้งก็แปลงกายเป็นช้างหรือกุญชรเพบุตรมีเจ็ดเศียรบ้าง สามเศียรบ้างมีนามว่า “เอราวัณเทพบุตร” ส่วนเมียสามคนก็เกิดเป็นมเหสีของท้าวสักเทวะราช เหลือแต่น้องนุชเมียสุดท้ายมัวแต่แต่งตัวก็เลยไปเกิดเป็นนกกะยางขาว หากินอยู่ตามลำห้วยในป่าใหญ่แต่เพียงเดียวดายน่าสสาร ร้อนถึงอดีตสามีก็ต้องลงมาจากทิพยะบัลลังก์ มาช่วยบอกวิธีให้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนตอนเป็นมนุษย์ นางนกกะยางขาวก็ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของสามี โดยวิธีถือศีลห้างดอาหารเป็นๆ หรือปลาเป็นๆ ให้กินแต่ปลาที่ตายแล้ว เจ็ดวันมาแล้วที่นางกระยางผู้ถือศีลอดหาร เพราะหาปลาตายกินไม่ได้เลย พอเข้าวันที่แปดก็โชคดีมีปลาตายตัวเบ้อเร่อลอยตุบป่องๆตามน้ำมา นางสุดแสนจะดีใจ รีบอ้าปากงับเอาปลาตัวนั้นขึ้นมาหกมายจะกลืนกินให้อร่อย แต่พอปลาตัวนั้นจะไหลลงรูคอ มันก็กลับดิ้นขลุกขลักๆ นางนกน้อยตกใจรีบคายออกจากปาก เกิดอาการเสียใจสุดประมาณเกรงจะผิดศีลก็ปานนั้น ท้องหรือหิวเจียนไส้จะขาดแล้ว ในที่สุดนางนกกะยางขาวอดีตเมียสาวแสนสวยของพระอินทร์ ก็ขาดใจตายร่างอันผอมกะหร่องก่องของนางนกก็ล่องลอยไปกับสายน้ำนั้นเพียงเดียวดาย
ย้อนกล่าวถึงเหล่าเทพอสูรผู้หลงกล น้ำอำมฤตออกฤทธิ์เมาถึงสามเดือน พอสร่างเมาเหล่าอสูรก็ยังคิดว่ายังอยู่ในบ้านเมืองของตน จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ฤดูกาลเปลี่ยนเครื่องทรงเครื่องประดับใหม่ พวกเทพผู้นิยมเมาทั้งหลายก็พากันไปยังต้นไม้ทิพย์ประจำพิภพ เพื่ออธิษฐานเปลี่ยนผ้าทิพย์กันประเพณี เมื่อเหล่าเทพผู้มีรูปร่างอันใหญ่โตมาพร้อมหน้ากันแล้ว จอมมหาราชแห่งอสูรก็นำตั้งจิตอธิษฐาน ขอเครื่องทรงของตนเป็นปฐมฤกษ์ แต่แล้วเหตุการณ์ก็ทำให้จอมเทพผู้ยิ่งใหญ่พร้อมมวลบริวารตื่นตะลึง จ บคำประกาศอธิษฐานทุกครา
หน้า 21
ผ้าทิพย์และเครื่องประดับอันสวยงามอลังการ ก็จะปรากฏแขวนห้อยระย้าอยู่บนกิ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้นทันที แต่บัดนี้สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของทุกคู่กลับกลายเป็นดอกแคฝอยไร้ค่า ออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้นแทนผ้าทิพย์และเครื่องประดับอันงดงามล้ำค่า
ครั้นเมื่อเล็งแลด้วยทิพย์จักขุญาณ (ตาทิพย์) ก็ทราบถึงสาเหตุอย่างแจ่มแจ้ง “ชิชะ..ไอ้พวกเทพใหม่ มันหลอกมอมเหล้าพวกเราจนเมามาย แล้วพวกมันก็หักหลังจับพวกเราโยนลงมาให้อยู่ที่นี้ นับแต่นี้ต่อไปข้าขอประกาศเป็นศัตรูกับพวกมันตลอดไป และข้าจะพาพวกเจ้าชิงเอาพิภพเมืองสวรรค์ของพวกเราคืนมาให้จงได้”

แค้นอสูร
ย้อนกล่าวถึงองค์อัมรินปิ่นสวรรค์ หลังจากเสด็จลงไปช่วยบอกวิธีขึ้นสวรรค์ ให้แก่อดีตภรรยาที่ไปเกิดเป็นนกกะยางแล้ว พระองค์ก็ตั้งตารอคอยวันที่อดีตเมียรักจะขึ้นมาเป็นนางฟ้าและมาเป็นมเหสีแห่งต่อไป รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอๆ นานจนผิดสังเกตจำต้องสอดส่องทิพยะเนตรอันแสนวิเศษ ตรวจดูว่านางนกกะยางตัวน้อยอยู่ที่ไหน ก็ทราบด้วยเทวะฤทธิ์ว่า บัดนี้นางผู้เป็นที่รักได้ตายจากสภาพความเป็นนกไปแล้ว และขณะนี้ได้ไปเกิดเป็นลูกสาวผู้เลอโฉมของจอมอสูรเทพที่พระองค์ทรงจับโยนลงไปอยู่ยังใต้ภูเขาพระสุเมรุราชโพ้น
กล่าวถึงแดนอสูรยักษ์ ขณะนี้เนืองแน่นไปด้วยอสูรหนุ่มและแก่ พากันมายืนแออัดยัดเยียดกันเต็มท้องพระลานหลวงในเขตพระราชฐาน ข้างหน้าของเหล่าเทวะอสูรยักษ์คือเวทีเสี่ยงมาลัยหาคู่ของพระราชิดาแสนสวยองค์เล็กวัยสิบหกของจอมอสูร เมื่อได้เวลาฤกษ์งามดีแล้ว พิธีเสี่ยงทายก็เริ่มขึ้น เสียงไชโยโห่ร้องทักทายและชื่นชมความงดงามของพระราชธิดาก็อื้ออึงไปทั่ว เทพอสูรทั้งแก่ทั้งหนุ่มผู้กระหายจะได้เจ้าหญิงน้อยมาครอบครอง ต่างก็ยกมือกันขวักไขว่หวังให้พวงมาลัยเสี่ยงทายลอยละลิ่วตกลงมาคล้องข้อมือตน วันนี้เจ้าหญิงราชธิดาแห่งจอมอสูร แต่งองค์ทรงเครื่องงดงามอลังการ เหล่าเครื่องประดับที่ล้วนแล้วด้วยเพชรนิลจินดา ส่องประกายพราวพรายระยับยามต้องแสงสุริยะขัยยามบ่าย ขับสีผิวขาวผ่องนวลใยให้โดดเด่นและงดงามเกินหญิงใดในโลกหล้า วงพักตร์เต็มอิ่มพวงปรางสีเลือดฝาดชมพูระเรื่อ ริมโอฐรูปกระจับอิ่มเต็มดังกลีบกุหลาบแดง ดวงตากลมโตสีนิลส่งประกายแวววาว ผ้าทิพย์สวมใส่สีทองอร่ามขับสีผิวขาวเป็นยองใยงดงามยิ่งนางเทพอัปสร นางธิดาแห่งจอมเทพอสูร อุบัติจากบุญแห่งศีลห้าโดยแท้ จึงมีรูปโฉมโนมพรรณผิดแผกแตกต่างไปจากวงศ์ตระกูลโดยสิ้นเชิง
ได้เวลาแห่งการเสี่ยงทายแล้ว นางเทพธิดาอสูรก็เยื้องย้ายกายออกมาหน้าเวที ยืนสอดส่ายสายพระเนตร มองหาชายหนุ่มที่จะมาเป็นพระสวามีแห่งตน เบื้องล่างแห่งเวทีนั้นเหล่าอสูรหนุ่มแก่ ต่างก็ยื้อแย่งยก
หน้า 22
มือยกแขนกันชุลมุนชุลเก ส่งเสียงอื้ออึงร้องเรียกให้เจ้าหญิงผู้เฉิดโฉมโยนพวงมาลัยมาคล้องมือตน สรรพเสียงสำเนียงฟังไม่ได้ศัพท์ และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น นางเทพอสูรผู้มีความงามเป็นเลิศ




แก้ไขล่าสุดโดย คนไร้สาระ เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 04:56, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 19:21
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาถรรพ์ป่าดิบ สะท้อนภาพธรรมชาติจริงๆที่มีในโลกผืนแห่งป่าโบราณ ปัจจุบันนี้กำลังจะหมดไปเรื่อยๆ เมื่อรัฐบาลลาวเปิดให้คนไทยสัปทานป่า น่าเสียดายจริงๆ ธรรมชาติแม้จะสุดเก่งสร้างอาถรรพ์ให้หฤโหดได้ปานไหนก็ยังแพ้กิเลสของสัตว์โลกที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเองโดยแท้ ไอ้ ฅ.คนหัวหยักเอ้ย..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: กำลังอ่านเพลินเชียวค่ะ :b41:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 23:03
โพสต์: 17

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: แต่งเพลง
ชื่อเล่น: เล็ก
อายุ: 0
ที่อยู่: 66/104 หมู่5 หมู่บ้านเฟื่องฟ้า ซ.ศรีสมิตร ถ.เทพารักษ์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: กำลังอ่านเพลินเหมือนกันครับ หมดซะแระ? :b10:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร