ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ธรรมะจัดสรร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=27182 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 23 พ.ย. 2009, 01:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ธรรมะจัดสรร | ||
![]() ![]() ![]() จิตส่งความการุณ ![]() ![]() ![]() สัทธาซึ่งนำหนุน ![]() ![]() ![]() ![]() เหตุทุกข์หมดจิตแล้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ธรรมรสกลับยิ่งเป็น ![]() ![]() ![]() ตบะที่บำเพ็ญ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() งามจิตคุณธรรมค้ำ ![]() ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ
|
เจ้าของ: | bbb [ 23 พ.ย. 2009, 09:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
เจริญในธรรมครับ ![]() |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 23 พ.ย. 2009, 21:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
![]() ![]() ![]() ![]() สมาธิจิตนั้นนะ ![]() ![]() ![]() ![]() บริสุทธิ์ยิ่งธรรมะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อบรมจิตหมดจดแล้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ญาณตัดความดำริห์ ![]() ![]() ![]() อาศัยซึ่งสมาธิ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สละซึ่งอาสวะต้อง ![]() ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 27 พ.ย. 2009, 20:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
![]() ![]() ![]() ทำเหตุที่จิตคุณ ![]() ![]() ![]() จิตสรรวิบากหนุน ![]() ![]() ![]() ![]() ธรรมะจัดสรรแล้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() กำหนดกายที่พึ่ง ![]() ![]() ![]() ![]() อบรมจิตมาซึ่ง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สองร่วมกายจิตไว้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ย่อมก่ออภิญญาญาณ ![]() ![]() ![]() สำเร็จดั่งโวหาร ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ชำระจิตผ่องแผ้ว ![]() ![]() ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 27 พ.ย. 2009, 21:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุด้วยครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 พ.ย. 2009, 20:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
![]() ![]() ![]() บุญจัดสรรทวี ![]() ![]() ![]() ![]() ยศเกียรติและศักดิ์ศรี ![]() ![]() ![]() ![]() พึงสั่งสมบุญไว้ ![]() ![]() ![]() ![]() ธมฺมปีติ สุขํ เสติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สทา รมติ ปณฺฑิโต ผู้มีปีติในธรรมมีใจผ่องใสแล้วย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้วในกาลทุกเมื่อ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 08 ธ.ค. 2009, 19:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
![]() ![]() ![]() มัคคตัดซึ่งธุลี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มัคคเหตุแห่งอินทรีย์ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มัคคก่ออริยะผลแผ้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ผลสุขทุกวันวาร ![]() ![]() ![]() ![]() ผลสรรสิ่งสำราญ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ผลดับขันธ์ดับได้ ![]() ![]() ![]() ![]() กิเลสเครื่องกังวลใดมีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น ให้เหือดแห้งหายไป กิเลสเครื่องกังวลใด จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ในท่ามกลาง ก็จักเป็นมุนีผู้สงบระงับแล้วเที่ยวไป....ดังนี้ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 18 ธ.ค. 2009, 21:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
[๔๐๘] ธรรม ๔ อย่างที่ควรรู้ยิ่งเป็นไฉน คือ อริยสัจ ๔ ได้แก่ทุกขอริยสัจ ๑ ทุกขสมุทัยอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑ ทุกขนิโรธคามีนีปฏิปทา อริยสัจ ๑ ธรรม ๔ อย่างเหล่านี้ควรรู้ยิ่ง ฯ [๔๐๙] ธรรม ๔ อย่างที่ควรทำให้แจ้งเป็นไฉน คือสามัญผล ๔ ได้แก่โสดาปัตติผล ๑ สกทาคามิผล ๑ อนาคามิผล ๑ อรหัตตผล ๑ ธรรม ๔ อย่าง เหล่านี้ควรกระทำให้แจ้ง ฯ ธรรมทั้งสี่สิบดังพรรณนามานี้ เป็นของจริง แท้ แน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่นไม่ผิดพลาด อันพระตถาคตตรัสรู้แล้วโดยชอบ ฯ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 03 ม.ค. 2010, 23:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
ธัมมรุจิเถราปทานที่ ๙ ว่าด้วยผลแห่งความพอใจในธรรม [๗๙] ในเวลาที่พระพุทธเจ้าผู้พิชิตมารพระนามว่าทีปังกร ทรงพยากรณ์สุเมธดาบสว่า ในกัปจากกัปนี้ไปนับไม่ถ้วน ดาบสนี้จักเป็นพระพุทธเจ้า พระมารดาบังเกิดเกล้าของดาบสนี้จักทรงพระนามว่ามายา พระบิดาจักทรงพระนามว่าสุทโธทนะ ดาบสนี้จักชื่อว่าโคดม ดาบสนี้จักเริ่มตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยาแล้ว จักเป็นพระสัมพุทธเจ้าผู้มียศใหญ่ ตรัสรู้ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ พระอุปติสสะและพระโกลิตะจักเป็นพระอัครสาวก ภิกษุอุปัฏฐากชื่อว่าอานนท์ จักบำรุงดาบสนี้ ผู้เป็นพระพิชิตมาร นางภิกษุณีชื่อว่าเขมาและอุบลวรรณาจักเป็นอัครสาวิกา จิตตคฤหบดีและเศรษฐีชาวเมืองอาฬวี จักเป็นอัครอุบาสก ไม้โพธิ์ของนักปราชญ์ผู้นี้เรียกว่าอัสสัตถพฤกษ์ มนุษย์และเทวดาได้สดับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ซึ่งจะหาใครเสมอเหมือนมิได้ ต่างก็เป็นผู้เบิกบานประนมอัญชลีถวายนมัสการ เวลานั้น เราเป็นมานพชื่อเมฆะ เป็นนักศึกษา ได้สดับคำพยากรณ์อันประเสริฐซึ่งสุเมธดาบส ของพระมหามุนี เราเป็นผู้คุ้นเคยในสุเมธดาบสผู้เป็นที่อยู่แห่งกรุณาและได้บวชตามสุเมธดาบส ผู้เป็นวีรบุรุษนั้น ผู้ออกบวชอยู่ เป็นผู้สำรวมในพระปาติโมกข์และอินทรีย์ ๕ เป็นผู้มีอาชีวะหมดจด มีสติ เป็นนักปราชญ์ กระทำตามคำสอนของพระพิชิตมาร เราเป็นผู้อยู่เช่นนี้ ถูกบาปมิตรบางคนชักชวนในอนาจาร ถูกกำจัดจากหนทางอันชอบ เป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจแห่งวิตก จึงได้หลีกไปจากพระศาสนา ภายหลังถูกมิตรอันน่าเกลียดนั้น ชักชวนให้ฆ่ามารดา เรามีใจอันชั่วช้าได้ทำอนันตริยกรรมฆ่ามารดา เราจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในอเวจีมหานรกอันแสนทารุณ เราไปสู่วินิบาตถึงความลำบากท่องเที่ยวไปนาน ไม่ได้เห็นสุเมธดาบสผู้เป็นนักปราชญ์ผู้ประเสริฐกว่านระอีก ในกัปนี้ เราเกิดเป็นปลาติมิงคละ อยู่ในมหาสมุทร เราเห็นเรือในสาครเข้าจึงเข้าไปเพื่อจะกิน พวกพ่อค้าเห็นเราก็กลัว ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เราได้ยินเสียงกึกก้องว่าโคตโม ที่พ่อค้าเหล่านั้นเปล่งขึ้น จึงนึกถึงสัญญาเก่าขึ้นมาได้ ต่อจากนั้น ได้ทำกาลกิริยา เกิดในสัญชาติพราหมณ์ ในสกุลอันมั่งคั่ง ณ พระนครสาวัตถี เราชื่อว่าธัมมรุจิ เป็นคนเกลียดบาปกรรมทุกอย่าง พออายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้พบพระพุทธองค์ผู้ส่องโลกให้โชติช่วง จึงได้ไปยังพระมหาวิหารเชตวัน แล้วบวชเป็นบรรพชิตเราเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ๓ ครั้งต่อคืนหนึ่งกับวันหนึ่ง ครั้งนั้น พระองค์ผู้เป็นพระมหามุนี ทอดพระเนตรเห็นเราเข้า จึงได้ตรัสว่า ดูกรธัมมรุจิ ท่านจงระลึกถึงเรา ลำดับนั้น เรากราบทูลบุรพกรรมอย่างแจ่มแจ้งกะพระพุทธเจ้าว่า เพราะปัจจัยแห่งความบริสุทธิ์ในปางก่อน ข้าพระองค์จึงมิได้พบพระองค์ ผู้ทรงพระลักษณะแห่งบุญตั้งร้อย เสียนาน วันนี้ ข้าพระองค์ได้เห็นแล้วหนอ ข้าพระองค์เห็นพระสรีระของพระองค์ อันหาสิ่งอะไรเปรียบมิได้ ข้าพระองค์ตามหาพระองค์มานานนักแล้ว ตัณหานี้ข้าพระองค์ทำให้เหือดแห้งไปโดยไม่เหลือด้วยอินทรีย์สิ้นกาลนาน ข้าพระองค์ชำระนิพพานให้หมดมลทินได้ โดยกาลนาน ข้าแต่พระมหามุนี นัยน์ตาอันสำเร็จด้วยญาณ ถึงความพร้อมเพรียงกับพระองค์ได้ก็สิ้นเวลานานนัก ข้าพระองค์พินาศไปเสีย ในระหว่างอีกเป็นเวลานาน วันนี้ ได้สมาคมกับพระองค์อีก ข้าแต่พระโคดม กรรมที่ข้าพระองค์ทำไว้จะไม่พินาศไปเลย. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระธัมมรุจิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ ธัมมรุจิเถราปทาน เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 12 ม.ค. 2010, 21:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
พระอัสสชิแสดงหัวใจพระศาสนา
พระเถระคิดว่า "ธรรมดาปริพาชกเหล่านี้ ย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา, เราจักแสดงความลึกซึ้งในพระศาสนาแก่ปริพาชกนี้," เมื่อจะแสดงความที่ตนบวชใหม่ จึงกล่าวว่า "ผู้มีอายุ เราแลเป็นผู้ใหม่บวชแล้วไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้, เราจักไม่สามารถแสดงธรรมโดยพิสดารก่อน." ปริพาชกเรียนว่า "ข้าพเจ้าชื่ออุปติสสะ, ขอพระผู้เป็นเจ้ากล่าวตามสามารถเถิด จะน้อยหรือมากก็ตาม ข้อนั้นเป็นภาระของข้าพเจ้า เพื่อแทงตลอดด้วย ๑๐๐ นัย ๑,๐๐๐ นัย" ดังนี้แล้ว เรียนว่า " จะมากหรือน้อยก็ตาม ขอพระผู้เป็นเจ้า จง กล่าวเถิด, จงบอกแก่ข้าพเจ้าแต่ใจความเท่านั้น, ข้าพเจ้าต้องการใจความ จะต้องทำพยัญชนะ ให้มากไปทำไม." เมื่อเขาเรียนอย่างนั้นแล้ว, พระเถระจึงกล่าวคาถาว่า "ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระ- ตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเหตุ แห่งความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะ มีปกติตรัสอย่างนี้." เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 18 ม.ค. 2010, 17:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
เราเข้าไปสู่ที่เร้นนั่งแล้วในตอนนั้นได้คิดว่า ขึ้นชื่อว่า การเกิดใหม่เป็นทุกข์ การแตกดับแห่งสรีระก็เป็นทุกข์ เรามีความเกิดเป็นธรรมดา มีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาเช่นกัน เราจักแสวงหาพระนิพพานที่ไม่แก่ ไม่ตาย เป็นแดนเกษม ไฉนหนอเราไม่พึงมีเยื่อใย ไร้ความต้องการทิ้งร่างกายเน่า ซึ่งเต็มไปด้ายทรากศพนานาชนิดนี้เสียได้ แล้วไปทางนั้นมีอยู่ จักมีแน่ ทางนั้นอันใคร ๆ ไม่อาจที่จะไม่ให้มีได้ เราจักแสวงหาทางนั้น เพื่อพ้นจากภพให้ได้ดังนี้. เมื่อทุกข์มีอยู่ ขึ้นชื่อว่าสุขก็ต้องมีฉันใด เมื่อภพมีอยู่ แม้สภาพที่ปราศจากภพก็ควรปรารถนาฉันนั้น เมื่อความร้อนมีอยู่ ความเย็นอีกอย่างก็ต้องมีฉันใด ไฟสามอย่างมีอยู่ พระนิพพานก็ควรปรารถนาฉันนั้น เมื่อสิ่งชั่วมีอยู่ แม้ความดีงามก็ต้องมีฉันใด ความเกิดมีอยู่ แม้ความไม่เกิด ก็ควรปรารถนาฉันนั้น ดังนี้. บุรุษผู้ตกอยู่ในคูถ เห็นสระมีน้ำเต็มเปี่ยม ไม่ไปหาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของสระไม่ฉันใด เมื่อสระคืออมตะในการที่จะชำระล้างมลทินคือกิเลสมีอยู่ เขาไม่ไปหาสระนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของสระคืออมตะไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน. คนผู้ถูกศัตรูกลุ้มรุมเมื่อทางหนีไปมีอยู่ไม่หนีไป ข้อนั้นหาเป็นความผิดของทางไม่ฉันใด คนที่ถูกกิเลสกลุ่มรุม เมื่อทางปลอดภัยมีอยู่ไม่ไปหาทางนั้น ข้อนั้น หาเป็นความผิดของทางที่ปลอดภัยนั้นไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน. คนผู้เจ็บป่วยเมื่อหมอรักษาโรคมีอยู่ ไม่ยอมให้รักษาความเจ็บป่วยนั้น ข้อนั้นหาเป็นความผิดของหมอนั้นไม่ ฉันใด คนผู้ได้รับทุกข์ถูกความเจ็บป่วย คือกิเลสเบียดเบียนแล้ว ไม่ไปหาอาจารย์นั้น ข้อนั้น หาเป็นความผิดของอาจารย์ผู้แนะนำไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน. เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 08 ก.พ. 2010, 00:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมะจัดสรร |
[๑๗๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก... เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. เจริญในธรรมครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |