ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=31699 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 15 พ.ค. 2010, 15:20 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ที่ตั้งแห่ง คำพูด ควรศึกษา คือกถา วัตถุสิบ หยิบมาให้ สิ่งควรพูด สิ่งควรกล่าว ควรเข้าใจ ธ ตรัสไว้ อย่าซัดส่าย เพ้อในคำ ดิรัจฉาน กถา อย่ามากล่าว พาจิตเขลา เมา หม่น มัว มั่วถลำ พาจิตปรุง จรุงจิต ชิดระกำ ทรงตรัสย้ำ อย่ากล่าวไป ไร้ปัญญา เพราะถ้อยคำ เหล่านี้ ล้วนมีโทษ ไม่ประกอบ ด้วยประโยชน์ โทษหนักหนา เป็นถ้อยคำ ไม่เอื้อใน พรหมจรรยา เป็นกถา ที่ไม่พา สู่นฤพาน ไม่เป็นไป เพื่อความหน่าย คลายกำหนัด ไม่สลัด ไม่ดับ สงบ กลบคำขาน ไม่เป็นไป เพื่อรู้ยิ่ง ดิ่งสู่กราน (ไฟ) ไม่เป็นไป เพื่อนิพพาน สู่กาฬธรรม เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 15 พ.ค. 2010, 15:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าพูดดิรัจฉานกถา ซึ่งมีหลายอย่าง คือ พูด เรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ และ ความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะถ้อยคำนี้ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 15 พ.ค. 2010, 19:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ...ท่านจอมดาบ |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 15 พ.ค. 2010, 20:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณกระบี่ไร้เงา |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 16 พ.ค. 2010, 06:58 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ที่ตั้งแห่ง คำพูด หรือกถา ควรศึกษา ทั้งสิบไว้ ให้สดใส สิ่งควรพูด สิ่งควรกล่าว ควรเข้าใจ ธ ตรัสไว้ อย่าซัดส่าย เพ้อในคำ ดิรัจฉาน กถา อย่ามากล่าว เพราะพาจิต สู่เขลา เมา ถลำ เพราะพาจิต ฟุ้งไป ให้ไกลธรรม พบทางดำ มืดไซร้ ไร้ปัญญา หนึ่ง............อปฺปิจฺฉกถา ความมักน้อย ในปัจจัย ที่ได้พบ ปัจจัยสี่ ที่ประสบ ควรสิกขา ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม บ่มกายา อปฺปิจฺฉกถา เป็นวาจา สนทนากัน ทรงตรัสไว้ ภิกษุใด ที่มักน้อย ความเสื่อมถอย อกุศล ดลสู่สัมม์ เป็นบ่อเกิด กำเนิด กุศลธรรม ความครอบงำ แห่งอกุสลา มาสิ้นไป เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | เอรากอน [ 16 พ.ค. 2010, 07:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 16 พ.ค. 2010, 11:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
กระบี่ฯ ขอ ขอบคุณ เอรากอน ด้วยคำกลอน จากจิต สู่มิตรฉัน เชิญเอรากอน ตามอ่านมา อย่าทิ้งกัน เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ ในบทกวี นำกถา วัตถุสิบ มาให้เพื่อน อีกคอยเตือน มิให้เลือน จากใจกระบี่ฯ ว่าการคุย สนทนา คำพาที อย่าให้หนี สิบวิธี ที่ต้องจำ เพื่อหลีกเร้า เข้าสู่ ลู่ดิรัจฉาน เช่นที่จาร เบื้องต้นไว้ มิให้ถลำ น้อมธรรมขาว ก้าวให้พ้น มนต์ธรรมดำ กระบี้ฯ น้อมนำ จากพระไตรฯ ให้ทัศนา เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 16 พ.ค. 2010, 11:52 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ท่านกุหลาบสีชา มาร่วมด้วย เอื้ออำนวย ธรรมทาน เป็นงานใหญ่ กระบี่ฯ น้อม คารวะ ด้วยจริงใจ ไม่ร้างไกล ให้กำลังใจ ข้าฯ เรื่อยมา ติดตามอ่าน ท่านโพสต์ธรรม นำเฉลย ให้งอกเงย กุศลจิต ปลิดมิจฉา ร่วมช่วยกัน ด้วยเป็น เช่นกัลยา -ณมิตรธรรม นำมา ซึ่งไมตรี เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 16 พ.ค. 2010, 12:03 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
กระบี่ไร้เงา เขียน: ที่ตั้งแห่ง คำพูด หรือกถา ควรศึกษา ทั้งสิบไว้ ให้สดใส สิ่งควรพูด สิ่งควรกล่าว ควรเข้าใจ ธ ตรัสไว้ อย่าซัดส่าย เพ้อในคำ ดิรัจฉาน กถา อย่ามากล่าว เพราะพาจิต สู่เขลา เมา ถลำ เพราะพาจิต ฟุ้งไป ให้ไกลธรรม พบทางดำ มืดไซร้ ไร้ปัญญา หนึ่ง............อปฺปิจฺฉกถา ความมักน้อย ในปัจจัย ที่ได้พบ ปัจจัยสี่ ที่ประสบ ควรสิกขา ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม บ่มกายา อปฺปิจฺฉกถา เป็นวาจา สนทนากัน ทรงตรัสไว้ ภิกษุใด ที่มักน้อย ความเสื่อมถอย อกุศล ดลสู่สัมม์ เป็นบ่อเกิด กำเนิด กุศลธรรม ความครอบงำ แห่งอกุสลา มาสิ้นไป Quote Tipitaka: [๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้มีความมักมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นคนมักมาก อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ [๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้มีความมักน้อย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มักน้อย กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 17 พ.ค. 2010, 20:57 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ที่ตั้งแห่ง คำพูด หรือกถา ควรศึกษา ทั้งสิบไว้ ให้สดใส สิ่งควรพูด สิ่งควรกล่าว ควรเข้าใจ ธ ตรัสไว้ อย่าซัดส่าย เพ้อในคำ ดิรัจฉาน กถา อย่ามากล่าว เพราะพาจิต สู่เขลา เมา ถลำ จักพาจิต ฟุ้งไป ให้ไกลธรรม พบทางดำ มืดไซร้ ไร้ปัญญา สอง ....... สนฺตุฏฺฐิกถา ความสันโดษ มากประโยชน์ ไร้โทษแน่ จิตมุ่งแต่ ความพอเพียง เลี่ยงตัณหา สันโดษใน ปัจจัยสี่ ที่มีมา สนฺตุฏฺฐิ กถา พาพ้นกาม สันโดษใน เรื่องอาหาร แห่งการกิน ไม่ถวิล ฟุ้งเฟ้อไป ให้เข็ดขาม ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เคยบ่มกาม ถิ่นอาศัย ในเขตคาม ใช้ตามมี เพราะจิตที่ ประกอบด้วยศีลขันธ์ สติมั่น สำรวมกาย ไม่สิ้นศรี สัมปชัญญ์มั่น สังวรไว้ ในอินทรีย์ กถาวาที สิ่งที่สอง โปรดตรองดู เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 19 พ.ค. 2010, 08:01 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ อปฺปิจฺฉกถา ๑ สนฺตุฏฺฐิกถา ๑ ............... ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลายพึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วยเดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ [๑๒๔] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ? ดูกรมหาบพิตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง เธอจะไปทางทิสาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง ดูกรมหาบพิตร นกมีปีกจะบินไปทางทิสาภาคใดๆ ก็มีแต่ปีกของตัวเป็นภาระบินไปฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง เธอจะไปทางทิสาภาคใดๆ ก็ถือไปได้เอง ดูกรมหาบพิตร ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ. เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 23 พ.ค. 2010, 05:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ที่ตั้งแห่ง คำพูด หรือกถา ควรศึกษา ทั้งสิบไว้ ให้สดใส สิ่งควรพูด สิ่งควรกล่าว ควรเข้าใจ ธ ตรัสไว้ อย่าซัดส่าย เพ้อในคำ ดิรัจฉาน กถา อย่ามากล่าว เพราะพาจิต สู่เขลา เมา ถลำ จักพาจิต ฟุ้งไป ให้ไกลธรรม พบทางดำ มืดไซร้ ไร้ปัญญา สาม ............ ปวิเวกฺกถา คำพูดที่สาม ที่ควรกล่าว น่าดำริ วิเวก กาย จิต อุปธิ น่าสิกขา วิเวกสาม ความสงัด ขจัดกามา ปวิเวกฺกถา ตามศึกษา เป็นอย่างไร กายวิเวก สงัดกาย คลายอภิชฌา อยู่ตามป่า ซอกเขา เงาโคนไม้ ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏร้าง กลางพงไพร นั่ง ยืน เดิน อยู่ใน ไม่ไกลฌาน เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 23 พ.ค. 2010, 13:05 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ อปฺปิจฺฉกถา ๑ สนฺตุฏฺฐิกถา ๑ ปวิเวกฺกถา ๑ ............... ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลายพึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วยเดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ Quote Tipitaka: วิเวก ได้แก่ วิเวก ๓ อย่าง คือ กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก กายวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมซ่องเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนต้นไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง และเป็นผู้สงัดด้วยกายอยู่ คือ เดินผู้เดียว ยืนผู้เดียว นั่งผู้เดียว นอนผู้เดียว เข้าบ้านเพื่อบิณฑบาตผู้เดียว กลับผู้เดียว นั่งอยู่ในที่เร้นลับผู้เดียว อธิษฐานจงกรมผู้เดียว เป็นผู้เดียว เที่ยว อยู่ เปลี่ยนอริยาบถ ประพฤติ รักษาเป็นไป ให้เป็นไป นี้ชื่อว่า กายวิเวก. เสนาสนํ แม้เตียง ก็ชื่อว่าเสนาสนะ, ฟูกหมอนก็ดี วิหารก็ดี เพิงก็ดี ปราสาทก็ดี ทิมคดก็ดี ถ้ำก็ดี ป้อมก็ดี เรือนยอดเดียวก็ดี ที่เร้นก็ดี กอไผ่ก็ดี โคนไม้ก็ดี มณฑปก็ดี ชื่อว่าเสนาสนะ ก็หรือว่าภิกษุทั้งหลายกลับเข้าไปในที่ใด ที่นั้นทั้งหมด ชื่อว่าเสนาสนะ. สถานที่ คือ วิหาร เพิง ปราสาท ทิมคด ถ้ำ ชื่อว่า เสนาสนะคือวิหาร ของใช้ คือ เตียง ตั่ง ฟูก หมอน ชื่อว่าเสนาสนะคือเตียงตั่ง ของใช้ คือ ปลอกหมอน ชิ้นหนังใช้ปู เครื่องปูลาดหญ้า เครื่องปูลาดใบไม้ ชื่อว่าเสนาสนะคือสันถัต ภิกษุทั้งหลายกลับเข้าไปในที่ใด ที่นี้ชื่อว่าเสนาสนะคือโอกาส เสนาสนะมี ๔ อย่าง ด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้. ที่มา : อรรถกถา ขุททกนิกาย มหานิทเทส อัฏฐกวัคคิกะ เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 23 พ.ค. 2010, 16:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
กระบี่บิน กลับมาแล้ว |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 23 พ.ค. 2010, 17:01 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
เช่นนั้น เขียน: กระบี่บิน กลับมาแล้ว กระบี่บิน บินกลับ มารับใช้ สดับนัย ในธัมมา ท่าน "เช่นนั้น" กระบี่บิน จักบิ่นไป หากไร้ธรรม์ วอน "เช่นนั้น" อย่างทิ้งกัน โปรดนำพา คิดถึงบ้าน ยามไกล แต่ใจอยู่ ยังครองคู่ ห้องกวีธรรม นำหรรษา คิดถึงพี่ คิดถึงเพื่อน เรือนธัมมา กระบี่ไร้เงา กลับมา ท่านต้อนรับ เจริญในธรรมค่ะ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |