ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=31699 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 23 พ.ค. 2010, 17:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
คิดถึงท่าน กระบี่ ไม่มีเงา
หลายคนเฝ้า นับวัน รอท่านกลับ ท่านท่องยุทธ จนเหนื่อย คณานับ ยินดีต้อนรับ กลับสู่ ธรรมะภูมิ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 23 พ.ค. 2010, 17:45 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ธรรมบุตร เขียน: คิดถึงท่าน กระบี่ ไม่มีเงา หลายคนเฝ้า นับวัน รอท่านกลับ ท่านท่องยุทธ จนเหนื่อย คณานับ ยินดีต้อนรับ กลับสู่ ธรรมะภูมิ พบครั้งแรก ท่านรับด้วย ภาพกระบี่ฯ มาครั้งนี้ มอบภาพที่ สุดสร้างสรรค์ กระบี่ไร้เงา ปรากฏไว้ ให้อ่านกัน งานรังสรรค์ กระบี่ฯ น้อมรับ จับดวงใจ เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 23 พ.ค. 2010, 22:01 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
สาม ............ ปวิเวกฺกถา คำพูดที่สาม ที่ควรกล่าว น่าดำริ วิเวก กาย จิต อุปธิ น่าสิกขา วิเวกสาม ความสงัด ขจัดกามา ปวิเวกฺกถา ตามศึกษา เป็นอย่างไร กายวิเวก สงัดกาย คลายอภิชฌา อยู่ตามป่า ซอกเขา เงาโคนไม้ ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏร้าง กลางพงไพร นั่ง ยืน เดิน อยู่ใน ไม่ไกลฌาน สู่วิเวกสอง ตรองไว้ วิเวกจิต สลัดความคิด ในกามไป ใจผสาน ละยินดี ทั้งยินร้าย ที่รุกราน เป็นผู้บรรลุ ปฐมฌาน สงัดจากนิวรณ์ จิตบรรลุ ทุติยฌาน กาลต่อมา ตามมรรคา ทุติยฌาน วิตก วิจาร ถอน สู่ตติยฌาน จิตมั่นไว้ ไม่คลายคลอน ปีติ จร คลายไป ในทันที จิตสงัด จากสุข และทุกข์สิ้น สู่แดนดิน จตุตถฌาน คือฌานสี่ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ได้ทันที เป็นจิตที่ สงัดรูปฯ ปฏิฆะฯ นานัตตสัญญา จากฌานห้า สู่ หก เจ็ด ถึงแปดแล้ว เข้าสู่แก้ว อริยะ ละมิจฉา สังโยชญ์สาม ละไป ได้โสดาฯ สกทาฯ อนาคาฯ อรหัตตชน การณ์เหล่านี้ เรียกว่า จิตตวิเวก คือจิตเฉก อริยะ ละสับสน แม้จะสนทนา ต้องกถา ของบุคคล ที่หลุดพ้น กามกิเลส เหตุวัฏฏา เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | เอรากอน [ 23 พ.ค. 2010, 22:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
กระบี่ไร้เงา เขียน: สาม ............ ปวิเวกฺกถา คำพูดที่สาม ที่ควรกล่าว น่าดำริ วิเวก กาย จิต อุปธิ น่าสิกขา วิเวกสาม ความสงัด ขจัดกามา ปวิเวกฺกถา ตามศึกษา เป็นอย่างไร กายวิเวก สงัดกาย คลายอภิชฌา อยู่ตามป่า ซอกเขา เงาโคนไม้ ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏร้าง กลางพงไพร นั่ง ยืน เดิน อยู่ใน ไม่ไกลฌาน สู่วิเวกสอง ตรองไว้ วิเวกจิต สลัดความคิด ในกามไป ใจผสาน ละยินดี ทั้งยินร้าย ที่รุกราน เป็นผู้บรรลุ ปฐมฌาน สงัดจากนิวรณ์ จิตบรรลุ ทุติยฌาน กาลต่อมา ตามมรรคา ทุติยฌาน วิตก วิจาร ถอน สู่ตติยฌาน จิตมั่นไว้ ไม่คลายคลอน ปีติ จร คลายไป ในทันที จิตสงัด จากสุข และทุกข์สิ้น สู่แดนดิน จตุตถฌาน คือฌานสี่ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ได้ทันที เป็นจิตที่ สงัดรูปฯ ปฏิฆะฯ นานัตตสัญญา จากฌานห้า สู่ หก เจ็ด ถึงแปดแล้ว เข้าสู่แก้ว อริยะ ละมิจฉา สังโยชญ์สาม ละไป ได้โสดาฯ สกทาฯ อนาคาฯ อรหัตตชน การณ์เหล่านี้ เรียกว่า จิตตวิเวก คือจิตเฉก อริยะ ละสับสน แม้จะสนทนา ต้องกถา ของบุคคล ที่หลุดพ้น กามกิเลส เหตุวัฏฏา เจริญในธรรมค่ะ จานป้อ....เห็นมั๊ย เจอวิเวกแล้วววว.... |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 23 พ.ค. 2010, 22:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
กระบี่จ๋า...อิ อิ ไม่มีมุข...จ้า.... ก็เลย...ลอกท่านพุทธทาสมาเล่นด้วย...นะจ๊ะ.... ไม่น่าจะบ้า พุทธศาสนา คือวิชา ที่เปลื้องทุกข์ มิให้คน ทนทุกข์ เท่าเส้นขน แต่คนรับ รับมา ท่าสัปดน มาทำตน ใหทุกข์ รุกขึ้นไป.... ให้ยึดมั่น ขลาดเขลา เมาศาสนา สอนเป็นบ้า เรียนเป็นบ้า คว้ากันใหญ่ สร้างเป็นบ้า จนเป็นฝ้า บังจิตใจ เกิดฝักฝ่าย พวกพรรค รักสู้กัน ส่วนพระธรรม คำสอน สิ่งดับทุกข์ ไม่สนใจ ทำให้ถูก ตามหลักมั่น หลงส่งเสริม เพิ่มทุกข์ ลุกเป็นควัน นี่แหละพันธุ์ พวกบ้า เจ้าข้าเอยฯ |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 24 พ.ค. 2010, 00:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
Quote Tipitaka: วิเวก ได้แก่ วิเวก ๓ อย่าง คือ กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก กายวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมซ่องเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนต้นไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง และเป็นผู้สงัดด้วยกายอยู่ คือ เดินผู้เดียว ยืนผู้เดียว นั่งผู้เดียว นอนผู้เดียว เข้าบ้านเพื่อบิณฑบาตผู้เดียว กลับผู้เดียว นั่งอยู่ในที่เร้นลับผู้เดียว อธิษฐานจงกรมผู้เดียว เป็นผู้เดียว เที่ยว อยู่ เปลี่ยนอริยาบถ ประพฤติ รักษาเป็นไป ให้เป็นไป นี้ชื่อว่า กายวิเวก. Quote Tipitaka: จิตตวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุผู้บรรลุปฐมฌาน มีจิตสงัดจากนิวรณ์ บรรลุทุติยฌาน มีจิตสงัดจากวิตกและวิจาร บรรลุตติยฌาน มีจิตสงัดจากปีติ บรรลุจตุตตถฌาน มีจิตสงัดจากสุขและทุกข์ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากรูปสัญญา ปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากาสานัญจายตนสัญญา บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากวิญญาณัญจายตนสัญญา บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากิญจัญญายตนสัญญา เป็นโสดาบันบุคคล มีจิตสงัดจากสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับสักกายทิฏฐิเป็นต้น เป็นสกทาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์ อย่างหยาบ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อย่างหยาบ และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกันกามราคสังโยชน์อย่างหยาบ เป็นต้นนั้น เป็นอนาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์อย่างละเอียด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อย่างละเอียด และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับกามราคสังโยชน์อย่างละเอียดเป็นต้นนั้น เป็นอรหันตบุคคล มีจิตสงัดจากรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา มานานุสัย ภวราคานุสัย อวิชชานุสัย กิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับรูปราคะ เป็นต้นนั้น และจากสังขารนิมิตทั้งปวงในภายนอก นี้ชื่อว่า จิตตวิเวก. เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 24 พ.ค. 2010, 01:01 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
เอรากอน เขียน: กระบี่จ๋า...อิ อิ ไม่มีมุข...จ้า.... ก็เลย...ลอกท่านพุทธทาสมาเล่นด้วย...นะจ๊ะ.... จะใช้มุก แทนมุขได้ ไม่ขัดข้อง ยังสนอง กลอนธรรมให้ ได้สิกขา ท่านอาจารย์ พุทธทาส ปราชญ์จารมา เอรากอน ยังค้นหา มาโปรยไว้ เหมือนตามหา "วิเวก" เฉกคนหิว ครั้งนี้คง ตัวปลิว พริ้วไสว กระบี่ฯ นำ มาเสนอ จากพระไตรฯ เล่มยี่สิบเก้า ท่านกล่าวไว้ เชิญติดตาม เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 24 พ.ค. 2010, 20:32 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
กระบี่ไร้เงา เขียน: สาม ............ ปวิเวกฺกถา คำพูดที่สาม ที่ควรกล่าว น่าดำริ วิเวก กาย จิต อุปธิ น่าสิกขา วิเวกสาม ความสงัด ขจัดกามา ปวิเวกฺกถา ตามศึกษา เป็นอย่างไร กายวิเวก สงัดกาย คลายอภิชฌา อยู่ตามป่า ซอกเขา เงาโคนไม้ ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏร้าง กลางพงไพร นั่ง ยืน เดิน อยู่ใน ไม่ไกลฌาน สู่วิเวกสอง ตรองไว้ วิเวกจิต สลัดความคิด ในกามไป ใจผสาน ละยินดี ทั้งยินร้าย ที่รุกราน เป็นผู้บรรลุ ปฐมฌาน สงัดจากนิวรณ์ จิตบรรลุ ทุติยฌาน กาลต่อมา ตามมรรคา ทุติยฌาน วิตก วิจาร ถอน สู่ตติยฌาน จิตมั่นไว้ ไม่คลายคลอน ปีติ จร คลายไป ในทันที จิตสงัด จากสุข และทุกข์สิ้น สู่แดนดิน จตุตถฌาน คือฌานสี่ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ได้ทันที เป็นจิตที่ สงัดรูปฯ ปฏิฆะฯ นานัตตสัญญา จากฌานห้า สู่ หก เจ็ด ถึงแปดแล้ว เข้าสู่แก้ว อริยะ ละมิจฉา สังโยชญ์สาม ละไป ได้โสดาฯ สกทาฯ อนาคาฯ อรหัตตชน การณ์เหล่านี้ เรียกว่า จิตตวิเวก คือจิตเฉก อริยะ ละสับสน แม้จะสนทนา ต้องกถา ของบุคคล ที่หลุดพ้น กามกิเลส เหตุวัฏฏ์วาร วิเวกที่สาม เป็นที่หมาย ในภายหน้า ปวงธัมมา ที่ระงับ ดับสังขาร ดับกิเลส ดับขันธ์ มั่นในญาณ อมตะ นิพพาน นั่นหรือ คือหลักชัย และนี่คือ อุปธิวิเวก วิเวกสาม หลุดจากกาม สิ้นวัฏฏะ ละอนุสัย ความสงัด สงบสิ้น ถิ่นหลักชัย เหล่านี้ไซร้ ควรเป็นกถา พูดจากัน เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | สิริมงคล [ 24 พ.ค. 2010, 22:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
เจริญธรรมท่านกระบี่ ฯ อืม หายไปนานจริง ท่านมหาราชันด้วยอีกท่านหนึ่ง สองท่านนี้ถ้า ไม่อยู่บอร์ดดูจะ เอื่อย ๆ ชอบกล เจริญธรรมท่านกระบี่ ฯ |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 25 พ.ค. 2010, 00:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
สิริมงคล เขียน: เจริญธรรมท่านกระบี่ ฯ อืม หายไปนานจริง ท่านมหาราชันด้วยอีกท่านหนึ่ง สองท่านนี้ถ้า ไม่อยู่บอร์ดดูจะ เอื่อย ๆ ชอบกล เจริญธรรมท่านกระบี่ ฯ กลับบ้าน กราบนมัสการ พระคุณเจ้า สิริมงคล เพราะงานโลก ท่วมท้น หาว่างไม่ งานทางธรรม ก็พัวพัน มิห่างไกล เข้ามาอ่าน แล้วก็ไป (แต่)ไม่ร้างรา ด้วยบุญน้อย จึงต้องคอย เวลาว่าง แต่ไม่ยอม ให้จิตห่าง ธรรมเทศนา ทุกทุกวัน จิตมั่นใน สัีทธัมมา ใช้เวลา ที่ว่าง อ่านพระไตรฯ หมดกิจบ้าน งานเมือง เรื่องยุ่งยุ่ง ก่อนเข้ามุ้ง เจริญภาวนา พาผ่องใส ปฏิบัติตาม พุทธวัจน์ ในพระไตรฯ จิตตื่นใน ธัมมา พาเริงรมย์ คำกล่าวท่าน ว่าบอร์ดเอื่อย ใช่เฉี่อยช้า มีท่านมา โปรยกวีไว้ ให้สุขสม แต่กระบี่ฯ ไม่ถนัด ในคารม จึ่งมิได้ ต่อคำคม ในคำกวี เจริญในธรรมเจ้าค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 25 พ.ค. 2010, 08:04 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
ขอบคุณค่ะ ท่าน ningnong อนุโมทนา ข้าฯ ชื่นจิต เพราะกระบี่ฯ ไปสะกิด กระทู้ท่าน หวังจักให้ ผู้อ่าน ได้เห็นการณ์ คำสนทนา พาสุขศานต์ ควรอย่างไร พินิจวาจา ก่อนพาที ที่ลึกซื้ง ใช่เพียงหนื่ง หรือสอง ก็หาไม่ มีถึงสิบ ควรหยิบใส่ ไว้ในใจ จึ่งได้ตั้ง กระทู้ใหม่ ให้อ่านกัน ขอบพระคุณ ท่าน ningnong ผู้ผ่องใส ผู้มีใจ ติดตามมา โมทนานั่ั่น ขอขอบคุณ ท่านผู้อ่าน ตามอ่านกัน เพื่อปัญญา กระจ่างพลัน ตามพุทธพจน์ ชื่อกวีธรรม จึ่งน้อมนำ ธรรมใส่กวี ใิ้ห้เป็นศรี ยิ่งทวี ที่ประจักษ์ ธรรมที่ใส่ มอบใิ้ิ้ห้ ด้วยใจรัก และด้วยภักดิ์ ต่อสัทธรรม ของศาสดา จึ่งมิให้ ผิดเพี้ยน จากพระไตรฯ เพื่อจรรโลง ธรรมไว้ ในศาสนา เพื่อให้ผู้อ่าน ได้ประจักษ์ ในธัมมา ขององค์พระ ศาสดา ใช่ปุถุชน เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 26 พ.ค. 2010, 00:04 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
Quote Tipitaka: วิเวก ได้แก่ วิเวก ๓ อย่าง คือ กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก กายวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมซ่องเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนต้นไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง และเป็นผู้สงัดด้วยกายอยู่ คือ เดินผู้เดียว ยืนผู้เดียว นั่งผู้เดียว นอนผู้เดียว เข้าบ้านเพื่อบิณฑบาตผู้เดียว กลับผู้เดียว นั่งอยู่ในที่เร้นลับผู้เดียว อธิษฐานจงกรมผู้เดียว เป็นผู้เดียว เที่ยว อยู่ เปลี่ยนอริยาบถ ประพฤติ รักษาเป็นไป ให้เป็นไป นี้ชื่อว่า กายวิเวก. จิตตวิเวกเป็นไฉน? ภิกษุผู้บรรลุปฐมฌาน มีจิตสงัดจากนิวรณ์ บรรลุทุติยฌาน มีจิตสงัดจากวิตกและวิจาร บรรลุตติยฌาน มีจิตสงัดจากปีติ บรรลุจตุตตถฌาน มีจิตสงัดจากสุขและทุกข์ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากรูปสัญญา ปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากาสานัญจายตนสัญญา บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากวิญญาณัญจายตนสัญญา บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน มีจิตสงัดจากอากิญจัญญายตนสัญญา เป็นโสดาบันบุคคล มีจิตสงัดจากสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับสักกายทิฏฐิเป็นต้น เป็นสกทาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์ อย่างหยาบ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อย่างหยาบ และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกันกามราคสังโยชน์อย่างหยาบ เป็นต้นนั้น เป็นอนาคามีบุคคล มีจิตสงัดจากกามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์อย่างละเอียด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อย่างละเอียด และจากกิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับกามราคสังโยชน์อย่างละเอียดเป็นต้นนั้น เป็นอรหันตบุคคล มีจิตสงัดจากรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา มานานุสัย ภวราคานุสัย อวิชชานุสัย กิเลสที่ตั้งอยู่ในเหล่าเดียวกันกับรูปราคะ เป็นต้นนั้น และจากสังขารนิมิตทั้งปวงในภายนอก นี้ชื่อว่า จิตตวิเวก. อุปธิวิเวกเป็นไฉน? กิเลสก็ดี ขันธ์ก็ดี อภิสังขารก็ดี เรียกว่าอุปธิ. อมตะ นิพพาน เรียกว่าอุปธิวิเวก ได้แก่ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สำรอก เป็นที่ดับ เป็นที่ออกไปจากตัณหาเป็นเครื่องร้อยรัด นี้ชื่อว่าอุปธิวิเวก. ก็กายวิเวก ย่อมมีแก่บุคคลผู้มีกายหลีกออกแล้ว ยินดียิ่งในเนกขัมมะ จิตตวิเวก ย่อมมีแก่บุคคลผู้มีจิตบริสุทธิ์ ถึงซึ่งความเป็นผู้มีจิตผ่องแผ้วอย่างยิ่ง อุปธิวิเวก ย่อมมีแก่บุคคลผู้หมดอุปธิถึงซึ่งนิพพานอันเป็นวิสังขาร. เจริญในธรรมค่ะ
|
เจ้าของ: | ningnong [ 26 พ.ค. 2010, 01:55 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
กถาวัตถุ สิบ (๑๐) หยิบมากล่าว เป็นเรื่องราว ควรสนทนา น่าเลื่อมใส ควรศึกษา ควรพิจารณา ควรใส่ใจ เพราะถ้อยคำ มุ่งไป ในปัญญา มุ่งมักน้อย มุ่งสันโดษ มุ่งสงัด มุ่งขจัด การคลุกคลี อสังสัคคกถา มุ่งความเพียร ตั้งในศีล เกิดปัญญา พ้นกิเลส พ้นตัณหา พานิพพาน อนุโมทนา ท่านกระบี่ฯ ที่เยี่ยมยุทธ มาช่วยฉุด การพูดจา ที่ไขขาน ด้วยความสัตย์ สิ่งควรพูด ให้ถูกกาล ช่วยสืบสาน พินิจวาจา ก่อนพาที เจริญในธรรมครับ
|
เจ้าของ: | สิริมงคล [ 26 พ.ค. 2010, 08:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ |
กถาวัตถุสิบประการ กถาวัตถุสิบประการ พุทธบัญหาร สิ่งที่สงฆ์ควรสนทนา หนึ่งอัปปิจฉกถา ยามเจรจา คำนึงมักน้อยเป็นเกณฑ์ สองสันตุฏฐกถาเห็น สันโดษโดดเด่น ชักชวนพอใจพอดี สามปเวกกถาชี้ สงัดวาที ชักชวนสงัดกายใจ สี่อสังสัคคกถาไข สนทนาใดใด ต้องเว้นคลุกคลีหมู่คณะ ห้าวิริยารัมภกถะ ชวนไม่ลดละ เพื่อจะปรารภความเพียร หกสีลกถาเสถียร ไม่ผิดไม่เพี้ยน ต้องว่าด้วยเรื่องของศีล เจ็ดสมาธิกถาสิ้น ยินดียลยิน สนทนาเรื่องสมาธิ แปดปัญญากถาตริ - ตรองตามดำริ แต่เรื่องเฟื่องฟูปัญญา เก้าวิมุตติกกถา ควรเจรจา ว่าด้วยเรื่องของความพ้นทุกข์ สิบวิมุตติญาณทัสสนาปลุก ให้เห็นโทษทุกข์ และประโยชน์แห่งความหลุดพ้น กถาวัตถุสิบดล เป็นเหตุเป็นผล เป็นเรื่องควรสนทนา...นา... สิริมงคล ๒๖/๐๕/๕๓ |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 26 พ.ค. 2010, 19:07 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ละ..ดิรัจฉานกถา.......สู่..กถาวัตถุ | ||
สิริมงคล เขียน: กถาวัตถุสิบประการ กถาวัตถุสิบประการ พุทธบรรหาร สิ่งที่สงฆ์ควรสนทนา .......... กถาวัตถุสิบดล เป็นเหตุเป็นผล เป็นเรื่องควรสนทนา...นา... สิริมงคล ๒๖/๐๕/๕๓ :b4 คำกล่าวท่านสิริมงคล พาหายสับสน คำที่สงฆ์สนทนา ที่ตั้งแห่งสิบกถา มากพร้อมปัญญา ควรน้อมเป็นธรรมอำไพ พุทธบริษัทควรสนใจ แม้กล่าวคำใด ควรกล่าวอยู่ในวงธรรม พระผู้มีพระภาคตรัสย้ำ สู่ญาณเลิศล้ำ เริ่มด้วยเลือกเรื่องสนทนา ใคร่เชิญผู้อ่านตามมา แต่ละกถา มีนัยอรรถธรรมตามเพรง กระบี่ฯ นำพระไตรฯ บรรเลง นำมาเลบง ในถ้อยอรรถธรรมคำกวี เพื่อเป็นมงคลเสริมศรี กุศลเสริมวจี ไม่พร่ำดิรัจฉานกถา เจริญในธรรมค่ะ
|
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |