วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 04:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=8



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2010, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2007, 21:52
โพสต์: 348

ที่อยู่: บุรีรัมย์

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่ามกลางความศิวิไลซ์

ข่าวคราวชวนสลดใจ
ทารกลูกใคร
สองพันสองศพกลบกอง

ซุกซอกคอกปูนสยอง
แออัดยัดช่อง
สุสานวัดดังกลางเมือง

เหม็นเน่าน้ำหนองนองเนือง
รึนี่เป็นเรื่อง
ธรรมดาสามัญสังคม

ต้องกินกามเกียรติโสมม
ในหล่มอาจม
ไร้อาจาระควบคุม

ตัณหาราคะขยุ้ม
โมหะเกี่ยวกุม
มืดบอดตานอกตาใน

สังคมย้อนตามถามไถ่
เอ๊ะนี่เมืองไทย
เป็นเมืองแห่งพุทธจริงหรือ

คำตอบอ้อมอ้อมแอ้มอือ
อ้า..อ้า.....คือ....คือ
เป็นเมืองแห่งพุทธก็จริง

แต่ไว้บูชาบนหิ้ง
ปล่อยให้ผีสิง
สู่ใจ-ไม่เชื่อคำสอน

สังคมไร้กามสังวร
สมสู่สำส่อน
จนกลายไร้ศาสนา

สังคมเสื่อมทรามสัมมา
เจริญมิจฉา-
ทิฏฐิ-เห็นขาวเป็นดำ

กงเกวียนกำเกวียนเวียนย่ำ
ย้ำร่องรอยกรรม
เก่าใหม่ในก้ำกึ่งใด

วันเดือนปีที่เลื่อนไป
คนจึงไร้ใจ-
สำนึกผิดชอบชั่วดี

วังเวงวิเวกชีวี
เปลี่ยวเหงาฤดี
ท่ามกลางความศิวิไลซ์

สิริมงคล/๒๒/๑๑/๕๓


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2010, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2007, 21:52
โพสต์: 348

ที่อยู่: บุรีรัมย์

 ข้อมูลส่วนตัว


บทกวีบทนี้ ต้องขออภัยท่านผู้อ่าน ใช้ภาษาทางศาสนามากไปหน่อย
ต้องอ่านไปเปิดพจนานุกรมพุทธศาสน์สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคย แต่ท่าน
ที่คุ้นเคย และ เข้าใจ เมื่ออ่านแล้ว ก็เข้าใจทันทีว่า ตัณหา ราคะ
โมหะ กามสังวร สัมมา-มิจฉา ทิฏฐิ คืออะไร
เนื่องด้วยเห็นข่าว เอาศพทารก ไปซุกไว้ในสุสานแล้ว เกิดความสลดใจ (ใกล้วันพ่อแล้วด้วย)

เลยให้นึกถึง บทกลอน และ บทบรรยายธรรม ของหลวงพ่อพุทธทาส
ท่านว่า ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ แม้บทบรรยายธรรม ของ
ท่านจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้(ท่านบรรยายให้นักการเมืองฟัง)แต่ก็ใกล้เคียง
จึงขอนำมาให้อ่านเป็นบางส่วนดังต่อไปนี้

ถ้าศีลธรรม ไม่กลับมา โลกาวินาศ / มนุษย์ชาติ จะเลวร้ายกว่า เดรัจฉาน
มัวหลงเรื่อง กินกามเกียรติ เกลียดนิพพาน / ล้วนดื้อด้าน ไม่เหนี่ยวรั้ง บังคับใจ
อาชญากรรม เกิดกระหน่ำ ลงในโลก / มีเลือดโชก แดงฉาน แล้วซ่านไหล
เพราะบ้ากิน บ้ากาม ทรามเกินไป / บ้าเกียรติก็ พอไม่ได้ ให้เมาตน
อยากครองเมือง ครองโลก โยกกันใหญ่ / ไม่มีใคร เมตตาใคร ให้สับสน
ขอศีลธรรม ได้กลับมา พาหมู่คน / ให้ผ่านพ้น วิกฤตการณ์ ทันเวลา

พุทธทาสภิกขุ

“ธรรม กับ การเมือง เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้ ; แยกกันเมื่อไร การเมืองก็กลายเป็นการ ทำลายโลกขึ้นมาทันที
นักปราชญ์การเมืองแต่โบราณ ขอร้องให้ทุกคนเป็นสัตว์การเมือง ( Political animal ) คือ มีหน้าที่สนใจการเมือง
ร่วมกันจัดสังคมให้อยู่กันอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องใช้อาชญา ; แต่คนสมัยนี้ ทำได้มากเกินไป ขนาดที่เรียกว่า
การเมืองขึ้นสมอง แล้วใช้การเมืองนั้นเอง เป็นเครื่องมือที่กอบโกย หรือฟาดฟันผู้อื่น ครอบงำผู้อื่น
เพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว ดังนั้น แทนที่การเมือง จะตั้งอยู่ในฐานะเป็นเรื่องศีลธรรม ก็กลายเป็นเรื่องอุปัททวะจัญไร ในโลกไปเสีย.
เมื่อกล่าวโดยปรัชญาทางศีลธรรม การเมืองก็คือหน้าที่ของมนุษย์ ที่เขาจะต้องประพฤติกระทำให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ
อันเฉียบขาด เพื่อผลคือ การอยู่กันอย่างผาสุก โดยไม่ต้องใช้อาชญา แต่เมื่อไม่มีการคำนึงถึงศีลธรรมกันเสียแล้ว
การเมืองก็กลายเป็นเรื่องสกปรกสำหรับ หลอกลวงกันอย่างไม่มีขอบเขต จนกระทั่งโลกนี้กลายเป็นโลกแห่งการหลอกลวงไปเสีย
มีแต่สัตว์การเมือง ที่เป็นสัตว์เอาเสียจริงๆ กล่าวคือ บูชาเรื่องกิน-กาม-เกียรติ แทนสันติสุข.
มีใครสักกี่คน ที่เป็นนักการเมืองเพื่อเอาบุญด้วยการช่วยสร้างสันติภาพขึ้นในโลก ?
และมีกี่คนที่เป็นนักการเมืองเพื่อตัวกู ของกู และมีผลกลายเป็นเรื่องของกิน-กาม-เกียรติ ที่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว.
นักการเมืองที่แท้จริงต้องมีการสังกัดพรรค ขึ้นอยู่กับพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นยอดสุดของนักการเมือง
โดยท่านมุ่งหมายจัดสากลจักรกลให้อยู่กันอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องใช้อาชญา แต่มนุษย์เป็นอันธพาลเสียเอง : จัดการเมืองอย่างเป็นพรรคของมารหรือกิเลส ซึ่งควรเปรียบด้วย ภูติผีปีศาจ, เพื่อกู ของกู
โดยไม่ต้องมองดูประโยชน์ของผู้อื่น เป็นการท้าทาย และเหยียบหยามพระเจ้า !
การเมืองที่แท้จริงสำหรับมนุษย์ต่องต้องตั้งรากฐานอยู่บนรากฐานทางศาสนาของ ทุกศาสนาที่มีอยู่ว่า
“สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ด้วยกันทั้งหมด ทั้งสิ้น” นักการเมืองที่มีธรรมสัจจะ
ข้อนี้อยู่ในใจ ย่อมเป็นนักการเมืองของพระเจ้า การเคลื่อนไหวของเขาทุกกระเบียดนิ้ว มีแต่บุญกุศล จนกระทั่งกลายเป็นปูชนียบุคคลไป.
“ขอภาวนาให้โลกเรามีนักการเมืองชนิดนั้น เป็นผู้จัดการโลกโดยทั่วไปเถิด.”


ปล. ความจริง รอโพสเรื่องนี้ตั้งแต่ มีข่าวใหม่ ๆ แต่บังเอิญว่าเวปธรรมจักรปิดปรับปรุง เลยทำให้ข้อมุลนี้ล่าช้าไปบ้าง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร