ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
“สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=82&t=57149 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | TU [ 20 มี.ค. 2009, 14:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
สังฆทานรูปแบบใหม่ “ชุดธรรมะเพื่อสุขภาพ” “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด ภาพ “สังฆทานถังเหลือง” ที่เคยชินตาของบรรดาชาวพุทธที่นิยมทำบุญด้วยการถวายสังฆทานมานานนับหลายสิบปี จนกลายเป็นปรากฏการณ์ถังเหลืองเต็มวัดไปหมดนั้น ในวันนี้เริ่มเลือนหายไปบ้างแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่และคนที่เบื่อหน่ายกับสิ่งของที่จำเจ ลุกขึ้นปฏิวัติพร้อมพยายามมองหาของแปลกใหม่ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพระและวัดมากขึ้น ณ วันนี้รูปแบบสังฆทานจึงพลิกโฉมไปแบบไม่มีขีดจำกัด แต่งานนี้กลับสร้างความแฮปปี้ทั้งผู้ถวายและผู้รับ ย้อนยุคถิ่นสังฆทาน เมื่อสมัยเมื่อ 50 ปีก่อนนั้น คนกรุงเทพฯ เมื่อจะไปซื้อผ้าต้องไปย่านพาหุรัด ถ้าจะไปซื้อทองต้องไปบ้านหม้อ และถ้าใครจะทำอะไรเกี่ยวกับงานบุญงานบวชจะต้องไป ย่านถนนบำรุงเมือง เพราะถือเป็นแหล่งจำหน่ายสังฆภัณฑ์ตั้งแต่ พระพุทธรูป เครื่องบวช ผ้าไตรจีวร ย่าม บาตร กลด ตาลปัตร ของใช้ในการทำบุญไปจนถึงเครื่องสังฆทาน ตลอดถนนบำรุงเมืองจะแทบทุกร้านค้าที่อยู่ติดถนนจะเปิดร้านขายแต่สังฆภัณฑ์ตลอดสองฟากทาง นอกจากนี้ยังมีย่านอื่นๆ ซึ่งอาจจะใหญ่ไม่เท่ากับย่านถนนบำรุงเมือง อาทิ สำราญราษฎร์ บางลำพู เป็นต้น ที่เหลือจะเป็นร้านค้าที่อาศัยทำเลตามวัดชื่อดังที่มีคนนิยมมาถวายสังฆทานกันเป็นจำนวนมาก อาทิ วัดสร้อยทอง ย่านนนทบุรี, วัดหลวงพ่อโอภาสี ย่านฝั่งธน, วัดอโศการาม ย่านสมุทรปราการ เป็นต้น สังฆทานแบบเก่าๆ รุ่นบรรจุในถังเหลืองที่เราเห็นจนชินตา สานิต อิงคภัทรางกูร เจ้าของร้านอิทธิมนต์ ซึ่งจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ด้านถนนดินสอ เล่าว่าเขาเป็นคนที่เกิดในย่านนี้ จึงคุ้นตากับสังฆภัณฑ์มาตั้งแต่เล็ก และมีโอกาสทำงานในร้านค้าแถวนี้จนกลายมาเป็นเจ้าของร้านในที่สุด “เมื่อก่อนคนไม่รู้จักสังฆทานหรอก เพราะคนจะทำบุญถวายของให้พระแต่ละครั้งจะมาจัดชุดไทยทาน ซึ่งเป็นของใช้ประจำวันของพระ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก กระดาษชำระ นมข้น โอวัลติน เป็นต้น ของทั้งหมดจะจัดลงถาดแล้วห่อด้วยกระดาษแก้วสีเหลือง” แต่เมื่อถามถึงการเข้ามาของถังเหลืองที่กลายเป็นรูปแบบมาตรฐานของสังฆทานในยุคใหม่นั้น สานิตกลับไม่แน่ใจว่าเป็นมาอย่างไร แต่ยืนยันว่าสังฆทานถังเหลืองเกิดขึ้นและอยู่ยงมานานหลายสิบปีแล้ว สังฆทานถังเหลืองในยุคแรกๆ ที่สานิตรับจัดให้ลูกค้านั้นเขาบอกว่ามีตั้งแต่ หอม กระเทียม พริกแห้ง กะปิ น้ำปลา ข้าวสารไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ผงซักฟอก ใบชา ไม้ขีดไฟ ยาสามัญประจำบ้าน ผ้าอาบน้ำฝน หรือจีวร เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะวางจัดเรียงอยู่ในถังสีเหลืองแบบพูนๆ เพื่อความสวยงามและปิดทับด้วยกระดาษแก้วสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง “เมื่อก่อนลูกค้ามาให้จัดสังฆทานก็ลำบากใจ เพราะของสดพวกนี้เก็บได้ไม่เกิน 1-2 วัน มันจะมีปัญหาเรื่องความชื้นและขึ้นรา จนตอนหลังก็ต้องเลิกใช้กันไป จะมีก็เพียงไม่กี่คนที่ยังต้องการครบชุดแบบนี้อยู่” ปัจจุบันมีแพ็คเก็จแบบใหม่ๆ ที่สะดวกทั้งคนซื้อ คนขาย และผู้รับ “สังฆทาน” ติดแบรนด์ แม้ว่าเมื่อก่อนร้านค้าสังฆภัณฑ์ต่างๆ จะรับจัดสังฆทานไปด้วย แต่สินค้าสังฆทานเป็นเพียงสินค้ารองที่เจ้าของร้านต้องมีไว้เพื่อความสะดวกของลูกค้าเท่านั้น และได้กำไรเพียงเล็กน้อย ส่วนมากรายได้หลักยังเป็นสินค้าสังฆภัณฑ์อื่นๆ มากกว่า จนเมื่อ 3-4 ปี ที่เมืองขยายตัวขึ้นพร้อมกับคนยุคใหม่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น การไปหาซื้อสังฆทานตามย่านเก่าๆ ที่ไม่มีที่จอดรถจึงกลายเป็นภาระขึ้นมา จึงเริ่มมีคนแห่ไปจัดสังฆทานในห้าง โดยเดินช้อปของใช้ในห้างที่มีสินค้าทุกอย่างที่ต้องการ ซึ่งมีคนเห็นช่องทางที่จะปรับการตลาดตามพฤติกรรมของคนยุคใหม่ สมจิต แก่นสาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิจิตรพลชัย จำกัด เป็นรายแรกที่นำสังฆทานไปเจาะช่องทางตลาดในห้างสรรพสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “วิจิตรพลชัย” กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนี้เห็นว่าการทำสังฆทานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมของชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ จึงเสนอรูปแบบของเครื่องสังฆทานเข้าไปยังห้างเทสโก้โลตัส “ในครั้งแรกทางห้างเทสโก้โลตัสบอกว่าจะจัดชุดสังฆทานขายเอง เราก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าทำไม่ทันและจะให้เราช่วยเหลือก็ยินดี หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการติดต่อจากผู้บริหารของเทสโก้โลตัส ว่ายินดีจะสั่งซื้อเครื่องสังฆทานของเรา” สมจิต เล่าว่า เมื่อส่งสังฆทานไปวางขายที่เทสโก้โลตัสแล้ว เพียงสัปดาห์เดียวก็จำหน่ายหมดและทางเทสโก้โลตัสก็สั่งซื้อเรื่อยมา เมื่อโลตัสขยายสาขาเพิ่มขึ้น ยอดขายเครื่องสังฆทานของวิจิตรพลชัยก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ สังฆทานภายใต้ยี่ห้อ “วิจิตรพลชัย” ถือได้ว่าเป็นรายแรกที่บุกเบิกตลาดสังฆทานในรูปแบบใหม่ที่ติดตรายี่ห้อ โดยพยายามจะสร้างมิติใหม่ในวงการตลาดนี้โดยให้ลูกค้าเรียกหาสินค้าที่มีตรายี่ห้อเพื่อเป็นการรับประกันคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ยังติดรายการสินค้าที่บรรจุอยู่ภายใน และเพิ่มความหลายทั้งรูปแบบทั้งถังเหลืองและกล่องพลาสติก พร้อมตั้งราคาของสินค้าให้หลากหลายเพื่อผู้บริโภคทุกระดับได้เลือกซื้อหา จากความสำเร็จของการติดแบรนด์ในสังฆทานยุคแรกๆ ทำให้ผู้ค้าหลายรายเริ่มแห่กันจัดสังฆทานขึ้นห้างมากขึ้น ขณะที่ทุกห้างสรรพสินค้าต่างก็เห็นความสำคัญของตลาดนี้จึงเริ่มจัดแผนกสังฆภัณฑ์ขึ้นมา หลายแบรนด์ที่ผุดขึ้นมาก็ใช้รูปแบบของการตลาดเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบแพ็คเกจจากถังเหลือง ให้เป็นภาชนะอื่นๆ อาทิ กล่อง ปิ่นโต บาตรพระ พาน เป็นต้น ไปจนถึงขั้นตัดราคาและทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ใส่พานถวายก็ได้บุญไปอีกแบบ ปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” หมดอายุ เมื่อมีการแข่งขันสูงทำให้มีคนเข้ามาแข่งกันทำสินค้าในตลาดนี้มากขึ้น จนบางรายนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาบรรจุในหีบห่อ ทำให้เริ่มมีการพูดเตือนกันแบบปากต่อปากว่าให้ระวังของหมดอายุ ถวายไปแล้วพระจะไม่ได้ใช้ และจะเป็นบาป ส่งผลให้ตลาดสังฆทานเริ่มสะดุด เคยมีทั้งฆราวาสและพระจำนวนไม่น้อยที่ออกมาโวยวาย และเตือนกันเรื่องของสินค้าหมดอายุ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ทุกฝ่ายพยายามปัดความรับผิดชอบกันหมด ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งยืนยันไม่รับผิดชอบสินค้าเพราะเป็นการฝากขาย ส่วนบริษัทที่จัดสังฆทานก็ปัดว่านำสินค้ามีคุณภาพมาขาย แต่สินค้าอาจจะอยู่บนชั้นขายนานเกินไปจนหมดอายุ หรือบางทีอาจจะไปอยู่กับพระที่รับสังฆทานเป็นจำนวนมากแล้วใช้ไม่ทันจนถึงวันหมดอายุก็เป็นได้ ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต ‘สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค’ จึงได้งัดประกาศว่าด้วยฉลากเรื่องให้ชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมเป็นสินค้าที่ต้องควบคุมฉลากฉบับล่าสุดขึ้นมาใช้ โดยสังฆทานจะต้องมีรายการสินค้าที่ระบุขนาด น้ำหนัก และราคาของแต่ละรายการ รวมไปถึงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตและผู้จำหน่าย วันเดือนปีที่บรรจุ หรือวันเดือนปีที่หมดอายุ หรือวันเดือนปีที่ควรบริโภค นอกจากนี้ในประกาศฯ ยังเตือนเรื่องสินค้า เช่น ใบชา ข้าวสาร สบู่ และผงซักฟอก ที่อาจจะทำปฏิกิริยาต่อกันจนทำให้มีสี กลิ่นและรสเปลี่ยนไป ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ซึ่งควรจะแยกสินค้าเหล่านี้ออกจากกัน หรืออาจจะบรรจุในกระติก หลังถวายเสร็จทางวัดสามารถนำไปใช้งานต่ออีกได้ สังฆทาน “เวียนเทียน” นอกจากปัญหาเรื่องสังฆทานถังเหลืองที่มีแต่ของหมดอายุแล้ว เรื่องของ “บริขาร” ที่ถวายมากับสังฆทานนั้นเริ่มจะล้นวัด เพราะความที่ฆราวาสนิยมถวายสังฆทานกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง จึงเกิดปรากฏการณ์ถังสีเหลืองที่ใช้บรรจุเครื่องบริขารต่างๆ วางอยู่เต็มวัด จนพระนำไปใช้ไม่ทัน รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคกองเรียงรายจนบางวัดเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไปทุกที มีบางวัดหรือพระบางองค์ที่รับสังฆทานอยู่เป็นประจำจนของล้นวัด ก็จะนำไปมอบให้กับวัดที่กันดารต่างจังหวัดเพื่อเป็นการทำบุญตามความประสงค์ของฆราวาส รวมทั้งระบายของไปด้วย ขณะที่บางวัดจะใช้วิธีทำ “สังฆทานเวียนเทียน” คือการนำถังสังฆทานที่ฆราวาสถวายแล้วมาให้ญาติโยมนำมาถวายต่อ วัดประเภทนี้จะมีการจัดทำบุญถวายสังฆทานโดยเฉพาะ และจัดคิวถวายเป็นรอบๆ ไป ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้ทำบุญว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ พระพจนารถ ปภาโส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า “จะต้องไปดูก่อนว่าวัดนั้นทำอะไรอยู่บ้าง เช่นบางวัดกำลังสร้างโบสถ์ มีโรงเรียนสอนศาสนา หรือมีกิจกรรมอื่นๆ ของวัด ซึ่งเงินที่ญาติโยมบริจาคซื้อสังฆทานเวียนเทียนนี้จะนำไปใช้ในกิจกรรมเหล่านี้ ก็ดีกว่าซื้อสังฆทานมาถวายแล้วพระใช้ไม่ทันก็จะเหลือเต็มวัดอีก” ขณะที่ พระนิวาสน์ ภทฺทจารี วัดงาแมง จ.เชียงใหม่ เคยแสดงความคิดเห็นว่า “อาตมาภาพเห็นว่าการถวายทานแบบนี้มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ว่าดีนั้น เพื่อนำเงินที่ได้มาไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในด้านต่างๆ หรือไปใช้ประโยชน์แก่ส่วนรวมตามความเหมาะสม ญาติโยมจะได้บูชาสังฆทานที่ราคาถูก ส่วนที่ไม่ดี คือ อาจจะเป็นช่องว่างให้พวกที่เห็นแก่ได้ปลอมเข้ามาบวช เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น กักตุนสังฆทานแล้วนำไปขายให้ร้านค้า นำเงินมาใช้ประโยชน์สำหรับตนเอง” เมย์-มาริสสา มหาวงศ์ตระกูล ไฮโซ-ดารา ดาหน้าจับธุรกิจทำบุญ ในช่วงหลังๆ ที่สังฆทานเริ่มกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในวงกว้างทั้งเรื่องคุณภาพและของที่ถวายนั้นมากเกินความต้องการของพระ จึงมีคนลุกขึ้นมาปฏิวัติรูปแบบของสังฆทานเสียใหม่ งานนี้อาจจะต้องใช้เกมเดาใจพระว่ายังขาดเหลืออะไรอยู่บ้าง เพื่อที่ว่าจะถวายสังฆทานทั้งทีจะได้เป็นประโยชน์สูงสุดกับพระที่รับจริงๆ เมย์-มาริสสา มหาวงศ์ตระกูล สาวไฮโซที่ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน แต่ด้วยความช่างสังเกตตอนไปวัด จะพยายามมองดูรอบๆ วัดหรือกุฏิพระว่ายังขาดสิ่งใดบ้าง และพยายามไปหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความจำเป็นของพระมาถวาย และเมื่อถวายแล้วกลายเป็นความอิ่มเอิบใจทั้งผู้ให้และผู้รับ เธอจึงปิ๊งไอเดียนี้พร้อมทุ่มเงิน 10 ล้านบาท ตั้งบริษัท ใบโพธิ์ ไทยแลนด์ จำกัด ขึ้นเพื่อจำหน่ายสังฆทานรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ “ใบโพธิ์” ซึ่งนอกจากสังฆทานถังเหลืองที่จำเป็นต้องมีแล้ว เมย์ยังมีอัฐบริขารรูปแบบใหม่ไฉไล 3 เซ็ท ซึ่งแต่ละเซ็ทจะตั้งชื่อไว้อย่างระรื่นหู อาทิ ชุดธรรมะเพื่อสุขภาพ ชุดนี้เป็นชุดชงชาที่มีกาน้ำชาพร้อมใบชาใบหม่อนพร้อมชงสะดวกสบาย, ชุดธรรมะเพื่อความบริสุทธิ์เป็นกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า และชุดสุดท้ายที่แทบจะไม่มีใครนึกถึงคือ คือ ชุดธรรมะเพื่อความร่มเย็น ที่ถวายเป็นพัดลมให้แก่พระ ต้องยกเครดิตในการกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมหน้าจากสังฆทานถังเหลืองสู่รูปแบบที่คิดว่าน่าจะโดนใจพระสงฆ์ ส่วน เปิ้ล-นาตาชา คอฟแมน ดารานางแบบสาวสวยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พลิกผันมาจับธุรกิจทำบุญเช่นกัน โดยเปิดร้าน “สาละธรรม” ขึ้น ในคอนเซ็ปท์ชอปปิ้งบุญ คือภายในร้านจะจำหน่ายพระพุทธรูปประดับคริสตัล ในรูปแบบดีลิเวอรี่ที่ส่งให้กับลูกค้าถึงบ้าน เปิ้ลเล่าว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบมองหาสังฆทานแปลกใหม่ไปถวายให้กับวัด ซึ่งเธอก็พยายามเซ็ทชุดแปลกใหม่ขึ้นมาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น ชุดปัญญา ซึ่งจัดเป็นเครื่องเขียนและหนังสือธรรมะซึ่งจะขายดี รวมทั้งพระพุทธรูปประจำวันเกิดเป็นต้น เปิ้ล-นาตาชา คอฟแมน อดีตนางแบบลูกครึ่งที่ผันตัวมาทำธุรกิจทำบุญ สังฆทานคิกขุ อภิรมย์ ชำนิบรรณการ เจ้าของร้านยัวร์ฟลอริสต์ เล่าว่า แต่เดิมเปิดกิจการจำหน่ายเทียนหอม แป้งร่ำ น้ำอบไทย จัดดอกไม้สดและดอกไม้ประดิษฐ์ เมื่อเวลาไปทำบุญที่วัดจะจัดสังฆทานด้วยตัวเองไปถวาย ซึ่งสังฆทานของ ‘อภิรมย์ ชำนิบรรณการ’ นั้นไม่เหมือนใคร เพราะเธอจะใช้ของภายในร้านบรรจุในตะกร้าหวายใบเล็กๆ ที่ประดิษฐ์ประดอยด้วยลูกไม้สีสันสวยงามไปถวายวัดอยู่เป็นประจำ ซึ่งเธอบอกว่าพระสงฆ์ทุกองค์ที่รับสังฆทานจากเธอแล้วก็ชอบเช่นกัน เมื่อเริ่มมีคนมาเห็นไอเดียกิ๊บเก๋นี้ จึงตามมาสั่งสังฆทานแบบนี้ที่ร้านของเธอ จนกลายมาเป็นสินค้าประจำร้านไปในที่สุด อภิรมย์ บอกว่า สังฆทานของเธอนั้นค่อนข้างจะจัดยากจึงต้องสั่งกันล่วงหน้า 3-5 วันเป็นอย่างน้อย เพราะความยากอยู่ที่ตะกร้าหวายที่ต้องใช้เวลาในการตกแต่งลูกไม้และลูกปัดด้วยมือให้ดูงดงาม ส่วนของที่จะบรรจุภายในตะกร้าก็จะต้องทำให้ดูดีอีกเช่นกัน อาทิ ข้าวสารจะใส่ถุงพลาสติกแล้วมีถุงผ้าโปร่งผูกโบว์อย่างสวยงามอีกด้วย ดูไปแล้วเหมือนของขวัญที่นิยมไปมอบให้กันตอนปีใหม่มากกว่าจะเป็นสังฆทาน ด้วยรูปแบบที่สวยงามแปลกตาเช่นนี้ อภิรมย์เปิดเผยว่าชุดสังฆทานของเธอจะจัดในราคาเริ่มตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ส่วนมากลูกค้าจะนิยมสั่งทำเพื่อถวายพระผู้ใหญ่ ซึ่งทางร้านเคยจัดชุดที่แพงที่สุดในราคาสูงถึงชุดละ 3,500 บาทที่เป็นตะกร้าชุดใหญ่ที่มีช่อดอกไม้โบเก้ติดอยู่ด้านบนด้วย ส่วนชุดที่อลังการกว่านั้นคือมีฆราวาสมาสั่งให้ทำครั้งเดียวถึง 65 ชุดเพื่อจะถวายพระในงานสวดมหาสันติหลวงที่พุทธมณฑล เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 51 ที่ผ่านมา การแสวงหารูปแบบแปลกใหม่ของสังฆทานคงยังไม่สิ้นสุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่เริ่มมีคำถามว่าของอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจาก “สังฆทานถังเหลือง” นั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องและจะได้บุญหรือไม่ พระพจนารถ ได้กล่าวว่า “หลักของการถวายสังฆทานนั้นจะเป็นวัตถุอะไรก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นสีเหลืองหรอก ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเราถวายไปแล้ว เราสบายใจและเกิดความสุขจากการให้ก็ถือว่าได้บุญกุศลแล้ว” ถวาย “สังฆทาน” ให้ได้บุญสูงสุด ทุกวันนี้บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายนิยมถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์ จนสังฆทานกลายเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่งที่กำลังมีนักธุรกิจและนักการตลาดมองเห็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มมีคนนำ “สังฆทาน” มาเป็นสินค้าแบบพุทธพาณิชย์ที่เย้ายวนใจไม่น้อย แต่คนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จักคำว่า “สังฆทาน” อย่างถ่องแท้ว่าถวายอะไรจึงจะได้บุญที่แท้จริงกันแน่ “สังฆทาน” หมายถึง การถวายสิ่งของแก่พระภิกษุสงฆ์ ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปจึงจะครบองค์ประชุม ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าการถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงแล้ว จะได้บุญสูงสุดยิ่งกว่าถวายแก่พระอรหันต์ หรือถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าทรงต้องการให้ชาวพุทธเป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ดังนั้นเมื่อใครก็ตามที่ได้ถวายสังฆทาน แล้วพระสงฆ์ที่มารับกล่าวคำว่า “อาตมารับแทนสงฆ์” นั่นหมายความว่า พระสงฆ์รูปนั้นๆ ถือเป็นตัวแทนรับแทนคณะสงฆ์ทั้งวัดเพื่อมารับสังฆทาน และจะต้องนำสังฆทานที่ได้รับการถวายนั้นเข้าส่วนกองกลางของวัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ภายในวัด พุทธศาสนิกชนสามารถถวายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น ในระยะหลังนั้นรูปแบบของ “สังฆทาน” ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เคยถวายจัตุปัจจัยไทยทาน กลายมาเป็นสิ่งของที่จำเป็นแก่วัดวาอาราม จนกลายเป็นเรื่องถกเถียงกันว่าสังฆทานนั้นจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เรื่องนี้ได้รับการอรรถาธิบายจากพระพจนารถ ปภาโส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กล่าวว่า “ในการหาสังฆทานมาถวายพระภิกษุสงฆ์นั้นจะมีหลัก 3 ประการคือ หนึ่งมีความตั้งใจจริงก่อน สองปัจจัยที่หามานั้นต้องบริสุทธิ์ และสิ่งของเหล่านี้จะต้องไปหามาด้วยตัวเองและถวายด้วยตัวเอง ถ้าทำตามหลักทั้ง 3 ประการก็ถือว่าได้บุญแล้ว” ส่วนการจัดสังฆทานถวายพระสงฆ์นั้นต้องประกอบด้วยวัตถุทาน 10 อย่าง อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ใบมีดโกน ผงซักฟอก เครื่องดื่ม ผ้าอาบน้ำฝน และของอื่นๆ โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 23 มีนาคม 2550 09:37 น. จัดสังฆทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19681 หนังสือที่พระบวชใหม่พึงอ่าน (เสฐียรพงษ์ วรรณปก) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19682 วินัยสงฆ์-อาบัติ-ปาราชิก-สังฆาทิเสส http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=22785 |
เจ้าของ: | zinza99 [ 20 มี.ค. 2009, 21:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
ดีแล้วค่ะ ถวายของดีดี จะอิ่มใจดีด้วย |
เจ้าของ: | ตักบาตรถามพระ [ 14 ก.ค. 2009, 23:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
ไม่ค่อยได้ถวายแบบ intrend เลย ครับ อนุโมทนาบุญด้วย แต่เห็นที่ Lotus จะมีให้ซื้อ ตอนเทศกาลงานบุญ |
เจ้าของ: | ไหว้พระปล่อยปลา [ 15 ก.ค. 2009, 07:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
อนุโมทนาสำหรับบทความดีดีครับ |
เจ้าของ: | ดุสิตธานี [ 15 ก.ค. 2009, 07:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
......วิวัฒนาการณ์....ฟิ้ว ว ว ว ว. ขอบคุณที่นำมาให้ทราบเป็นความรู้อัพเดรส.. |
เจ้าของ: | ชิโนะซึเกะ [ 19 ก.ค. 2009, 20:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็มวัด |
ดีไซด์เก๋ดีครับ ชอบ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 17 ก.พ. 2019, 14:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “สังฆทาน” INTREND !!!!!! ลบภาพปรากฏการณ์ “ถังเหลือง” เต็ |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |